กรณีเมื่อเวลา 11.39น. ของวันที่ 5 มี.ค. ตำรวจ สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุ มีชายนอนเสียชีวิตถูกแทงนอนอยู่ริมถนน ภายในซอยสุขุมวิท 77 อ่อนนุช ตรวจสอบพบถูกแทงเข้าที่หน้าอกซ้ายตัดขั้วหัวใจ ในที่เกิดเหตุพบหมวกกันน็อก 2 ใบ และทรัพย์สินส่วนตัวของคนตาย อีกทั้งยังพบปืนและกระสุนปืนอยู่ในเมกาซีนตกอยู่ ทราบชื่อคนตายในเวลาต่อมาคือ นายทศพร หรือโอ๊ค อายุ28 ปี ขณะที่คนก่อเหตุ ทราบจากพยานที่เห็นเหตุการณ์ ระบุว่าคือนายเนส อายุ 27-28 ปี หลังก่อเหตุได้มีการหลบหนีนั้น

 

จากนั้นยังมีภาพจากกล้องวงจรปิด ฝั่งเดียวกันกับที่เกิดเหตุ จับภาพเวลาประมาณ 10:37 น. จะเห็นว่าคนตายขับรถมอเตอร์ไซค์ใส่หมวกกันน็อกสีเทา ขับเลียบกับฟุตบาท ส่วนคนก่อเหตุใส่เสื้อดำกางเกงดำใส่หมวกกันน็อกสีแดง วิ่งตามหลัง และในคลิปดังกล่าวจะได้ยินเสียงท้าทายค่อนข้างชัดเจน “ ยิงสิ มึงยิงสิ” ซึ่งตัวของมือแทงเข้าใจว่าคนตายมีปืนจึงมีการพูดท้าทายดังกล่าว

 

หลังจากท้าทายเสร็จ จะเห็นว่าตัวของมือแท้มีการชักอาวุธมีดออกมา ยาวประมาณ1ฟุต จากนั้นจะมีลักษณะวิ่งเข้าไปหาคนตาย ซึ่งเลยจากมุมกล้อง แต่จะได้ยินเสียง คนกำลังทะเลาะกัน

 

และกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าว ยังจับภาพชายใส่เสื้อสีเหลือง กางเกงขาสั้น ซึ่งเดินลักษณะกะเผลกวิ่งไม่ถนัด วิ่งตามหลังไป ในมือจะเห็นว่ามีมีดติดมือไปด้วย วิ่งตามหลังไปที่เกิดเหตุ , จากนั้นกล้องวงจรปิดจับภาพต่อ หลังเกิดเหตุแทง ชายเสื้อสีเหลืองที่วิ่งตามหลังไปพร้อมกับอาวุธมีด ได้วิ่งย้อนกลับมา แต่ในมือจะมีลักษณะถือปืนกลับ (ตอนไปถือมีด ตอนกลับถือปืน)

 

และกล้องวงจรปิดตัวเดียวกัน  จับภาพต่อเวลาประมาณ 11:28 น. เป็นช่วงที่รถกู้ภัยคันแรกมาถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้ง

 

และจากกรณีภาพกล้องวงจรปิดจับภาพชายใส่เสื้อสีเหลือง  ซึ่งเข้ามาในที่ก่อนเกิดเหตุ พร้อมกับตัวของนายเนสมือแทง โดยปรากฏภาพตอนเข้าที่เกิดเหตุมีการถือมีด และหลังออกจากที่เกิดเหตุมีการถือปืน นั้น

 

ทีมข่าวยังได้คุยกับเจ้าตัว ทราบชื่อคือนายประสงค์ คนในภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนที่ที่เกิดเหตุใส่เสื้อสีเหลือง แต่ตอนสัมภาษณ์กับนักข่าวมีการเปลี่ยนใส่เสื้อสีแดง และทันทีที่ได้เจอกับเจ้าตัว  มีการพูดคุยกับทีมข่าวอย่างออกรสออกชาติ ลักษณะสาธิตการถือปืนของนายทศพรหรือโอ๊คคนตาย ทำนองว่านายโอ๊คกำลังเอาปืนออกมาแล้วพยามขึ้นไกลปืนเพื่อที่จะยิง  , จึงเป็นเหตุทำให้ตัวของนายเนตรต้องตัดสินใจแทนเพราะเนื่องจากคนตายกำลังจะยิง

 

นายประสงค์ เผยว่าจากภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดยอมรับว่าตนเองวิ่งเข้าไปในที่เกิดเหตุจริง และมีการถืออาวุธเข้าไปจริง แต่เป็นอาวุธมีดที่อยู่ใต้เบาะ ด้วยตนเองหยิบออกไปเพราะเนื่องจากนายเนสรุ่นน้องกำลังมีเรื่อง และมีการตะโกนว่าฝั่งของนายทศพรหรือโอ๊คคนตายมีปืน เอามีดไปด้วยเพื่อที่จะคุมเหตุการณ์ แต่ไม่ได้เอาไปเพื่อหวังจะก่อเหตุหรือทำร้ายใคร แล้วตอนเดินกลับมา ที่เห็นว่าตัวเองถือปืน เป็นเพราะว่าตนเองไปแย่งเอาปืนมาจากคนตาย เพราะคนตายทำตกหล่นไว้ที่พื้น จึงได้เอาปืนออกมาเพื่อกลัวว่าจะก่อเหตุยิง ฉะนั้นตนเองจึงยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่ต้องการที่จะเข้าไปคุมเหตุการณ์เท่านั้น และไม่ได้มีส่วนร่วมกับการแทงใครตาย

 

ส่วนช่วงเวลาเกิดเหตุตนเองกับนายเนสกำลังจะเอารถไปซ่อม ที่ร้านซ่อมรถ แต่ปรากฏว่าเป็นช่วงที่นายทศพรหรือโอ๊คคนตาย มีการขับรถเข้ามา จึงทำให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน และยืนยันว่าตนเองรวมถึงนายเนส ไม่ได้มีการมาดักรอเพื่อหวังจะก่อเหตุ แต่เป็นเหตุที่ขับรถมาเจอกันโดยบังเอิญ , แต่สำหรับชนวนเหตุ ส่วนตัวไม่ทราบว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเขา ขอไม่พูดและไม่อยากยุ่ง

 

ขณะเดียวกันที่โรงพักสน. พระโขนงหลังเกิดเหตุ ที่สามารถเข้าควบคุมตัว นายเนส หรือนายปิยะ มือแทงได้ทันที ที่บ้านพัก โดยเจ้าตัวยอมรับต่อการกระทำที่มีการก่อเหตุแทนนายทศพรถึงแก่ความตาย

 

โดยช่วงที่คุมตัวมาที่โรงพัก ผู้สื่อข่าวพยามสอบถามในช่วงแรก โดยตัวของนายเนสมือแทง ไม่ได้มีการตอบในประเด็นใดๆ แต่ข้อความสั้นๆว่า “ขอโทษ”  ซึ่งคำพูดที่มีการตอบกลับกับผู้สื่อข่าวนั้นเป็นการพูดขอโทษแบบไม่เต็มใจ

 

และการสอบสวนใช้เวลาเพียงเพียงแค่ 3 ชั่วโมงหลังจากที่มีการคุมตัวได้ ตำรวจและมีการบันทึกพร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาแล้วมีการนำขึ้นรถไปฝากขังต่อศาลพระโขนงทันที

 

ระหว่างที่มีการคุมตัวออกจากห้องสอบสวนเพื่อที่จะไปฝากขังนั้นพยามสอบถามเกี่ยวกับแรงจูงใจ พฤติกรรมการเกิดเหตุ ความโกรธแค้นกับคนตาย หรือแม้แต่คำพูดที่ยั่วยุให้คนตายยิงปืน รวมทั้ง ต้องการฝากหรือขอโทษไปยังครอบครัวคนตายหรือไม่ ซึ่งตัวของนายเนส ผู้ต้องหา ไม่ได้มีคำตอบคำถามใด เอาแต่เดินอยู่ในวงล้อของชุดสืบสวนและเดินเร่งรีบเพื่อลงบันไดไปขึ้นรถ

 

และนอกจากนี้ ภายในห้องสอบสวน ยังพบว่ามีการเชิญตัวนางสาวมายด์ แฟนสาวของคนตาย ในฐานะอดีตแฟนของนายเนสมือแทง มาสอบปากคำ ซึ่งผู้สื่อข่าวสังเกต ท่าทีเจ้าตัวค่อนข้างเครียดและเสียใจ แต่ผู้สื่อข่าวพยามอยากจะเข้าไปสอบถามเจ้าตัวสะดวกที่จะให้ข้อมูลอะไร โดยอ้างว่ายังเสียใจอยู่

 

และมีบางช่วงที่มีการสอบปากคำภายในห้องสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบมือถือและดูแชตการพูดคุยเพื่อเชื่อมโยงในคดี เกี่ยวกับแรงจูงใจและสาเหตุ

 

พ่อและย่าคนตายช็อก หลังเจอศพลูกถูกแทงตาย ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเหตุอุบัติเหตุรถล้ม

โดยบรรยากาศช่วงที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานและแพทย์เวร  รวมทั้งพนักงานสอบสวนกำลังมีการตรวจสอบที่เกิดเหตุและ ชันสูตรเบื้องต้น ร่างของนายทศพรหรือโอ๊ค คนตายนอนอยู่บนพื้น

 

ทีมข่าวสังเกตเห็นว่ามีนายนพดล อายุ48ปี ซึ่งเป็นพ่อของนายทศพรคนตาย ได้มายืนสังเกตการณ์อยู่ โดยมีท่าทีเสียใจและน้ำตาคลอเบ้า , และผ่านไปสักพักปรากฏว่ามี นางอำพร อายุ 74 ปี ย่าของคนตาย ซึ่งมายืนดูร่างของหลานชายที่โดนเสียชีวิตอยู่ แล้วพยามที่จะฝ่าแนวกั้น เพื่อที่จะขอเข้าไปดูหน้าหลาน แต่ทั้งญาติได้มีการจับมือและกอดเอาไว้ เพื่อไม่ให้เข้าไปดูสภาพของหลาน กลัวว่าย่าจะเกิดอาการช็อก

 

ด้าน นายนพดล พ่อของคนตาย เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนแรก ตอนที่ตนเองขับรถผ่านเพื่อจะไปส่งลูกค้าเนื่องจากตนเองขับรถวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผ่านที่เกิดเหตุ เห็นลักษณะคล้ายมีคนประสบอุบัติเหตุรถล้ม ตัวเองจึงได้ขับผ่านไป และตั้งใจว่าหลังจากส่งลูกค้าเสร็จแล้วจะย้อนกลับมาช่วย กลัวว่าจะมีคนได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว

 

แต่ปรากฏว่าทันทีที่มาถึง สังเกตเห็นเสื้อและกางเกง จำได้ชัดเจนว่าเป็นลูกชาย นอนอยู่ที่พื้นถนน ส่วนตัวจึงค่อนข้างตกใจเพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์ที่ตัวเองเห็นนั้นจะเป็นเหตุของลูกชาย ส่วนตัวจึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่รีบแจ้งตำรวจและกู้ภัยเข้ามา แล้วพยามช่วยปั๊มหัวใจแต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากลูกชายถูกแทงตัดขั้วหัวใจเสียชีวิตคาที่

 

สำหรับชนวนเหตุ ส่วนตัวทราบเบื้องต้นจากคนที่เห็นเหตุการณ์มาเล่าให้ ว่าเห็นนายเนสแฟนเก่าของผู้หญิงผู้หญิงที่ลูกชายตนเองกำลังคบหาอยู่ เป็นคนบุกมาแทง หลังจากแทงแล้วได้หลบหนีไป ฉะนั้นส่วนตัวจึงเชื่อว่าเหตุที่ลูกชายถูกแทง เพราะว่า ไปคบหากับผู้หญิงที่เขามีเจ้าของ จึงทำให้ถูกฝ่ายชายอดีตของผู้หญิงคนดังกล่าวบุกมาทำร้าย

 

และขณะเดียวกันในที่เกิดเหตุยังพบเรื่องของอาวุธ และกระสุนปืน พ่อของคนตาย เผยว่า ตนเองไม่ทราบเลยว่าลูกชายไปเอาปืนมาจากไหน และไม่รู้ว่ามีครอบครองได้อย่างไร เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วไม่เคยเห็นลูกมีปืน จึงไม่รู้ว่ามีการเตรียมเอาไว้เพราะช่วงหลังอาจจะรู้ตัวว่ามีคนปองร้ายหรือไม่

 

นางอำพร ประทับศิลป์ อายุ74ปี ย่าของคนตาย เผยว่า พลเอกไม่คิดว่าหลานชายจะมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะเมื่อเช้าก็ยังพาตัวเองไปซื้อกับข้าวที่ตลาด แล้วบอกว่าจะมาทำกับข้าวกิน และโดยนิสัยส่วนใหญ่ของหลานชายก็จะไปรับไปส่งในการจ่ายตลาด ไปรับไปส่งเวลาไปหาหมอ แล้วทุกครั้งหลังจากตอนเย็นเสร็จจากเลิกงานเจ้าตัวก็กลับมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านเป็นประจำ ฉะนั้นจึงไม่มีรางบอกเหตุอะไรว่าการออกบ้านของหลานชายจะกลายเป็นเรื่องแบบนี้ ซึ่งถ้าหากตัวเองรู้ว่าหลานชายออกมาแล้วจะถูกฆ่าตายก็คงไม่ให้ออกมา

 

แต่สำหรับฉันโดนเหตุตนเองไม่ทราบ ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร แต่หากพูดถึงผู้หญิงคนที่หลานชายเพิ่งคบ ตัวเองก็ยังไม่รู้จัก เพราะยังไม่เห็นเป็นตัวเป็นตน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปคบหากันตอนไหน ก็ได้แต่ฟังข้อมูลจากคนอื่นเล่าให้ฟังว่าหลานชายถูกฆ่าเป็นเพราะไปยุ่งกับแฟนของคนอื่น

ผัวเก่าฟิวส์ขาด! แค้นเพื่อนคบอดีตเมียบุกแทงเจ็บกระทืบซ้ำจนตาย