จากกรณีเกิดเหตุพบศพ นางสาวมนัส หรือ ป้านัส เศรษฐินีวัย 54 ปี ประกอบอาชีพรับเหมาถมดิน และเป็นเมียอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระแก้ว เสียชีวิตปริศนาภายในบ้านพัก อ.เมืองสระแก้ว สภาพศพมือเกร็งท่อนล่างเปลือย ตำรวจเร่งคลี่คลายคดี เนื่องจากการเสียชีวิตของเธอค่อนข้างแปลกและสามีของเธอเพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

โดยความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างสระแก้ว นำศพผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรเบื้องต้นที่ รพ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว และพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระแก้ว ได้ทำเรื่องขอส่งร่างผู้เสียชีวิตไปผ่าชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ เนื่องจากญาติมีข้อสงสัยสาเหตุการตายหลายอย่างที่อาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากผู้ตายเคยมีปัญหาเรื่องทรัพย์สมบัติกับญาติฝ่ายสามีมาก่อนหน้านี้ และสมบัติทั้งที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้งหมด หลังสามีเสียชีวิต เป็นชื่อของผู้ตายทั้งหมด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เรียกลูกทั้ง 4 คนเป็นชาย 2 คนหญิง 2 คนซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของผู้เสียชีวิตคือ(1) น.ส นวรัตน์ อายุ43 ปี (2) น.ส ศิริพร (3)นายณัฐวุฒิ อายุ39ปี (4)นายรชต อายุ 32 ปี ซึ่ง ทั้ง 4 คน มีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของผู้เสียชีวิต มีเพียงบุตรชายทั้งสองคนที่พักอาศัยอยู่กับผู้ตายมาตลอดได้ เข้าให้ปากคำ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ส.ภ. เมืองสระแก้ว และได้มีการแยกสอบ

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางสาวนวรัตน์ หรือเอ๋ อายุ 43 ปี และนางสาวศิริพร หรือโอ๋ อายุ 42 ปี ลูกเลี้ยงของนางสาวมนัส ผู้เสียชีวิต เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองทั้งคู่กับนางสาวมนัส ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลย ดีต่อกันมาตลอด ตอนที่พ่อป่วยตนเองกับนางสาวมนัสก็คอยพาพ่อไปหาหมอด้วยกันตลอด ส่วนตัวของน้องชายทั้ง 2 คือนายแสบกับนายไอซ์ ก็มีทะเลาะบ่นๆกันบ้างกับนางสาวมนัส เพราะอยู่บ้านด้วยกันและทำงานด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นนางสาวมนัสที่บ่นน้องชายมากกว่า

 

โดยปกติแล้วบ้านหลังนั้นคนที่พักอาศัยอยู่จะเป็นนางสาวมนัสกับนายไอซ์ และลูกของนายแสบ พักอยู่ 3 คน ส่วนตนเองและนายแสบ จะพักอยู่บ้านตรงจุดจอดรถแม็คโคร ห่างกันประมาณ 50 เมตร แต่อยู่ในรั้วเดียวกัน

 

หลังจากที่พ่อตนเสียชีวิต พวกตนพี่น้องทั้ง 4 คน ก็ได้มีการเข้าพูดคุยกับนางสาวมนัส เรื่องการแบ่งสมบัติเพราะป้ามนัสไม่ยอมแบ่ง และบอกให้พวกตนไปฟ้องเอา เนื่องจากพ่อตนไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ มีแต่พูดเปรยๆกันไว้เท่านั้น ตนจึงได้ไปขออายัดที่ดิน 2 แปลงไว้ก่อน เพราะที่ดิน 2 แปลงนี้เป็นของแม่แท้ๆตนมาตั้งแต่ต้น ก่อนพ่อจะให้นางสาวมนัสไป ซึ่งส่วนสมบัติที่พ่อกับนางสาวมนัสทำด้วยกันมาตนไม่ได้ไปยุ่งหรือดำเนินการใดๆ เนื่องจากจะรอคุยกับนางสาวมนัสอีกครั้งก่อน

 

ซึ่งพวกตน 3 คน เอ๋ โอ๋ แสบ ก็ได้ยื่นฟ้องขอแบ่งที่ดินตรงนี้จากนายไอซ์ น้องคนเล็ก และป้ามนัส เพราะเป็นชื่อ 2 คนนี้ครอบครองร่วมกัน

 

ส่วนตอนนี้นางสาวมนัสมาเสียชีวิต ตนบอกตรงๆว่าตกใจ และงงว่าเป็นไปได้อย่างไร ตนก็อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะตนไม่แน่ใจว่าเป็นการฆาตกรรม หรือเสียชีวิตด้วยตนเอง ตนก็จะขอรอดูผลชันสูตรอีกครั้งก่อน

 

ในตอนคืนที่เกิดเรื่องนั้นตนกับนายแสบกลับมาบ้านตอน 4 ทุ่มกว่า ก็เห็นไฟในบ้านของนางสาวมนัสเปิดอยู่ โดยตอนนั้นนายไอซ์กับหลานก็ไม่ได้อยู่ในบ้าน มีเพียงนางสาวมนัสอยู่ผู้เดียว

 

ลูกชายทั้งสองของผู้เสียชีวิตได้เปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเรื่องมรดกและการ การตายของแม่เลี้ยง ซึ่งน้องไอซ์เป็นซึ่งเป็นลูกชายคนเล็กที่อาศัยอยู่กับผู้ เสียชีวิตมาตั้งแต่เล็ก ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าเรื่องปมมรดกตนเองไม่เคยติดใจอะไรที่พ่อยกให้แม่เลี้ยงคนนี้เลยเพราะว่าตนเองก็พอใจในสิ่งที่ได้ก็คือบ้านพักอาศัยที่ตนอยู่กับแม่เลี้ยงอยู่ทุกวันนี้เพราะคิดว่าสมบัติทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่พ่อของตนกับแม่เลี้ยงช่วยกันหามา ส่วนเรื่องการฆาตกรรมตนเองมั่นใจว่าพี่น้องทั้ง 4 คนไม่มีใครคิดทำเรื่องแบบนี้แน่นอน ส่วนเรื่องของทางญาติของแม่เลี้ยงที่เขายังติดใจในการเสียชีวิตอยู่นั้นตนเองก็ยินดีให้เขาพิสูจน์ ตามพยานหลักฐานได้เลย น้องไอซ์กล่าว

 

ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง โดยในวันนี้ทางทีมข่าวได้ตรวจสอบบริเวณรอบบ้าน พบว่าฝั่งด้านหน้าของบ้านซึ่งติดถนนใหญ่จะมีกำแพงปูนยาวติดฝั่งถนนตลอดจนสิ้นสุดตัวบ้าน ซึ่งตัวกำแพงนี้สูงเพียงแค่หน้าอกของผู้สื่อข่าว (นักข่าวสูง 160 ซม) หากว่าคนร้ายจะเข้าทางนี้ก็สามารถปีนเข้าได้สบาย เพราะตัวผู้สื่อข่าวลองปีนดูแล้วก็สามารถปีนได้ง่ายๆเช่นกัน

 

ส่วนบริเวณด้านหลังของบ้าน พบเป็นบ้านร้างไม่มีคนพักอาศัย และมีหญ้าขึ้นรถ โดยตัวบ้านล่างจะมีกำแพงสูงเท่าหน้าอกผู้สื่อข่าว ติดกับบ้านของผู้ตายเช่นกัน แต่ตัวกำแพงนั้นจะมีเหล็กแหลมยาวๆ แทงสูงขึ้นไปอีกประมาณ 30 เซนติเมตร

 

ส่วนบริเวณด้านข้างของบ้านอีกฝั่งจะไม่มีกำแพงใดๆ สามารถเดินเข้าออกได้ จะมีเพียงต้นไม้ และหญ้าขึ้นมาเท่านั้น และจะมีหมู่บ้านจัดสรรอยู่ที่ยังสร้างไม่เสร็จดี

 

รวมๆแล้วนั้นบ้านของผู้ตายสามารถเข้าออกได้ทุกทิศทาง หากหันหน้าเข้าบ้านตรงจุดเกิดเหตุด้านซ้ายของบ้านจะไม่มีกำแพง แต่มีหมู่บ้านจัดสรร สามารถเข้าออกได้ง่ายที่สุด ส่วนทางด้านขวาของบ้านจุดเกิดเหตุจะมีกำแพงปูนซึ่งสูงระดับหน้าอกของผู้สื่อข่าวเท่านั้น สามารถปีนเข้าได้ง่ายเช่นกัน ส่วนด้านหลังนั้นมีบ้านร้างอยู่ และมีกำแพงปูนปักด้วยเหล็กแหลมสูงประมาณศีรษะของผู้สื่อข่าว และมีหญ้าขึ้นรกสูง ทางนี้จะเข้ายากที่สุด

 

นายธนกฤต เลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระแก้ว ซึ่งในฐานะที่ตนเองเข้านอกออกในบ้านของผู้เสียชีวิตมาโดยตลอด ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว อีกว่า เรื่อง ปมมรดก ตนเองก็พอรู้มาบ้าง แต่ในส่วนตัวก็เชื่อมั่นว่าเด็กทั้ง 4 คนซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยงของผู้เสียชีวิตไม่น่าจะกระทำเรื่องแบบนี้เพราะ ผู้เสียชีวิต ก็ได้ดูแลเด็กๆทั้ง 4 เป็นอย่างดีมาด้วยดีโดยตลอด ส่วนเรื่องการฟ้องร้อง ที่ลูกสาวคนโตพึ่งไปยื่นต่อศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ตนเองก็คิดว่า ในส่วนของลูกก็น่าจะได้ อะไรบ้างในส่วนที่เป็นทรัพย์สินของพ่อ แต่ตนเองก็ยังไม่ได้พูดคุยกับหลานๆทั้ง 4 คน ส่วนปมเรื่องการเสียชีวิตที่ญาติของฝั่งผู้เสียชีวิตยังติดใจตนเองก็คิดว่าให้ผลพิสูจน์ออกมา ให้แน่ชัดจะดีกว่า

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้รับคลิปเสียง ซึ่งเป็นคลิปเสียงการสนทนาของเพื่อนสนิทนางสาวมนัส คุยกับนางสาวมนัส เมื่อช่วงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่สามีของนางสาวมนัสเสียชีวิต โดยนางสาวมนัสได้ปรึกษาเพื่อนว่า ลูกเลี้ยง 2 คน ได้มาพูดคุยเพื่อจะขอแบ่งมรดก โดยลูกเลี้ยงได้ไปทำการอายัดที่ดินซึ่งอยู่ที่บ้านเพื่อที่จะเตรียมฟ้องร้องว่าเป็นการแบ่งมรดกอย่างไม่เป็นธรรม

 

ซึ่งจากคลิปเสียง นางสาวมนัสบอกว่า ตัวลูกเลี้ยงทั้ง 4 คนเองก็มีปากเสียงกันในเรื่องนี้ด้วย

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางยุภาพร อายุ 54 ปี พี่สาวผู้ตาย เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนเองติดต่อนางสาวมนัสไม่ได้ ปกติเวลาโทรน้องสาวจะรับสายตลอด แต่ครั้งนี้โทรหลายสายก็ไม่มีใครรับ ตนจึงชวนสามีขับรถไปดูเขาที่บ้าน พอไปถึงตอนแรกยังไม่กล้าเข้าไปเพราะหมามันเห่า เลยเรียกคนรู้จักอีก 2 คน จึงกล้าเข้าไป ไปเปิดประตูแต่ประล็อก จึงได้งัดหน้าต่างกระจกออก พอเข้าไปก็พบน้องตัวเองนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่แล้ว แต่ไม่พบร่อยรอยของการต่อสู้ หรือถูกทำร้าย แต่บริเวณคอและใบหน้าเขียว

 

ส่วนผลชันสูตรยังไม่ออกต้องรอผลอีก 2-3 สัปดาห์ ซึ่งบื้องต้นหมอบอกว่าเป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ ครอบครัวจึงติดใจในสาเหตุการตายว่าถูกฆาตกรรมหรือไม่

ส่วนประเด็นเรื่องแบ่งสมบัติกับลูกเลี้ยง ตนไม่ทราบจริงๆ เพราะน้องไม่เคยบอกหรือเล่าอะไร ตนรู้เพียงว่าหลังจากสามีน้องสาวตายทรัพย์สมบัติทั้งหมดก็เป็นชื่อของน้องตนหมด

 

ตนก็ไม่ได้พูดคุยกับลูกเลี้ยงของน้องสาวตนทั้ง 4 คนเลย เพราะไม่ได้สนิทหรือคุยกันมาก มีเพียงเจอก็ทักทายเท่านั้น หลังจากนี้ก็คงปล่อยให้ตำรวจจัดการไป

เศรษฐินีตายเปลือยปริศนาญาติสงสัยถูกฆ่าชิงมรดก 4 พี่น้องโต้ไม่ได้ฆ่าแม่หวังสมบัติ