จากกรณีวันที่ 2 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทยิงกัน ที่บริเวณลานจอดรถหน้าตึกห้างดังโคราช ในพื้นที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาชื่อ นายณัฐดนัย อายุ 31 ปี อาชีพเป็นรปภ.โรงแรม ถูกยิงด้วยลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ มีบาดแผลถูกยิงบริเวณหัวไหล่ด้านขวาและบริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บ ต่อมาผู้ก่อเหตุตัดสินใจมอบตัวในเวลา 23.00 น.ของวันเดียวกัน

 

ทางผู้ก่อเหตุคือนายศุภพรพงษ์ ซึ่งคาดว่าเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำแหน่งพ่อครัวในโรงแรมติดกับบริเวณห้าง ได้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งจากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า ทางอดีตเซฟคนดังกล่าวนี้ได้มีปัญหากับทางรปภ.ห้างสรรพสินค้าจริงเนื่องจากโดนรปภ.รายงานเกี่ยวกับตนเรื่องที่นำเหล้าเข้าไปดื่มในที่ทำงาน จนเกิดความโกรธแค้นและถูกไล่ออกด้วย จึงได้บันดาลโทสะนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขับมอเตอร์ไซค์มาบริเวณห้างและได้เจอกับนายณัฐดนัย รปภ.ที่ตนโกรธแค้น ด่าทอและชักอาวุธปืนยิง หลังจากนั้นได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปทางหลังห้างสรรพสินค้านำปืนไปทิ้งบริเวณถังขยะ ก่อนขับรถกลับมาที่บ้านจนนั่งสงบสติอารมณ์ได้สักพักก่อนทางครอบครัวรู้เหตุการณ์จึงได้ให้ทางอดีตเซฟไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธปืนไปในที่สาธารณะและไม่มีอนุญาตพกพา เตรียมส่งฟ้องศาลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานจากวงจรปิด หลังจากที่คนก่อเหตุก่อเหตุเรียบร้อยแล้วก็ได้ขับรถย้อนศรนำอาวุธปืนมาทิ้งยังถังขยะด้านหลังของห้างเทอร์มินอล 21 และหลังจากที่ทิ้งปืนเสร็จก็ได้ขับรถหลบหนีไป ก่อนเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายอุดม อายุ 70 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ โดยนายอุดมบอกกับทีมข่าวช่อง8 ว่า เมื่อวานที่ผ่านมาตนกับลูกสาวและหลานอีก 2 คน เดินทางมาที่ห้างเทอร์มินอล 21 แต่ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าห้าง ตนก็เห็นคนก่อเหตุ กำลังเดินเข้าห้างเช่นกัน และจากนั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายเกิดขึ้น โดยเป็นเสียงของผู้บาดเจ็บ พูดขึ้นมาว่า “มึงจะทำทรงล้วงกระเป๋าทำไม มึงมัวแต่ล้วงกระเป๋าอยู่นั่นแหละ”

 

ซึ่งไม่นานคนก่อเหตุก็เดินเข้าไปกระชากเสื้อและต่อยผู้บาดเจ็บทันที โดยตนกำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่ ก็กำลังจะเดินไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่ทางตนมีหลานที่ต้องดูแลอยู่ จึงไปแยกไม่ได้ และในขณะที่กำลังยืนดูทั้งคู่มีเรื่องกันนั้น ทางฝั่งคนก่อเหตุก็ชักอาวุธปืนจากในกระเป๋ามายิงคนบาดเจ็บทันทีหนึ่งนัดเสียงดังสนั่น หูอื้อไปพักใหญ่ แล้วตนก็ยืนดูต่อ เพื่อจะดูว่าทั้งคู่จะยิงกันอีกไหม แต่ลูกของตนที่อยู่ในห้างได้เรียกตนให้รีบเข้ามาในห้าง ตนจึงรีบอุ้มหลานเข้าไปในห้างทันที และในระหว่างที่อุ้มหลานเข้าห้าง ตนก็คอยดูเหตุการณ์อยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็เห็นว่าคนก่อเหตุก็เดินไปอย่างสบายใจ โดยที่ไม่มีรปภ. เข้าไปสกัดจับเลย

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนหวังว่าทางรปภ. ของห้าง ควรมีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ เนื่องจากคุณเป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่คุณไม่เข้าไปห้ามหรือระงับเหตุการณ์เลยแม้แต่น้อย เอาแต่ยืนดูเฉยๆ จนทำให้เหตุการณ์บานปลายแบบนี้ ส่วนหลังจากนี้คนแถวบ้านก็บอกว่า ห้างแห่งนี้มีการก่อเหตุยิงกันบ่อย ก็กลัวและไม่ขอไปห้างอีกแล้ว แต่ทางตนมองว่าห้างดังกล่าวอยู่ใกล้บ้านยังไงก็ต้องจำใจไปอยู่ดี

 

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านของนายณัฐดนัย ผู้บาดเจ็บ แต่เมื่อมาถึงพบว่านายณัฐดนัย ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่รพ. จึงได้โทรศัพท์ไปหานายณัฐดนัย เพื่อสอบอาการบาดเจ็บและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายณัฐดนัย บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ขณะนี้ตนกำลังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยตอนนี้ทางแพทย์ได้ผ่าออกกระสุนออกจากใบหน้าแล้วเมื่อเช้านี้ และขอยืนยันว่าหลังจากนี้ตนเตรียมจะเอาเรื่องคนก่อเหตุให้ถึงที่สุด

 

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่ตนนั้น เลิกงานมาแล้ว และมาที่ห้างเทอร์มินอล 21 เพื่อมาซื้อของและมากดเงิน แต่ในขณะที่กำลังเดินเข้าห้างก็ได้เจอกับเพื่อนที่เป็นรปภ.อยู่ในห้างเทอร์มินอล 21 จึงยืนคุยกัน แต่ก็บังเอิญเจอกับคนก่อเหตุ ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันที่ทำงาน ซึ่งคนก่อเหตุก็ตะโกนด่า ตนจึงตอบกลับไปว่า “เป็นอะไรมากไหมหลายรอบแล้วนะ” และก็ไม่มีอะไรคนก่อเหตุก็เดินออกไป แต่ว่าไม่นานคนก่อเหตุก็มาอีกครั้ง โดยปรี่เข้ามาหาตนที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนที่เป็นรปภ.อยู่ มาต่อยตนและยิงใส่ตนทันที ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หนีออกไปทันที

 

ส่วนเรื่องที่ตนมีปัญหาหรือทะเลาะอะไรกับคนก่อเหตุนั้น ตนไม่ขอบอกว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะขอไปให้ปากคำในชั้นศาลดีกว่า แต่ขอยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนหาเรื่องก่อน มีแต่ฝั่งผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดและคิดบาดหมางมาตลอด

ขวัญผวา! ชายบุกยิงอริหน้าห้างดังโคราช แค้นฟ้องนายจนถูกไล่ออก