จากกรณีในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.00 น. ที่บริเวณบริเวณร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ริมถนนพหลโยธินฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ได้มีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาขอความช่วยเหลือด้วยสภาพที่มีเลือดเต็มร่างกาย และมีรอยเลือดหยดเป็นทางมา โดยได้มาขอความช่วยเหลือร้านหมูกระทะเก่าและแจ้งว่า ถูกทำลายด้วยอาวุธมีดมา โดยเจ้าของร้านหมูกระทะดังกล่าวได้พยายามช่วยเหลือ แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายธนากร หรือ บาส อายุ 41 ปี

 

โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. สามเงา นำโดย พ.ต.อ.ธนกฤต ธนาพงศ์ศักดา ผู้กำกับการสภ. สามเงาจังหวัดตาก และเจ้าหน้าที่ร้อยเวร และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องจึงเข้ามายังจุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สามเงา จึงได้เร่งรัดติดตามตัวผู้ก่อเหตุซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายกฤษดา อายุ 35 ปี หรือ นายเบริท ซึ่งหลังจากก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปภายในไร่ข้าวโพดซึ่งอยู่บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุ

 

โดยบ้านที่เกิดเหตุจะอยู่ตรงข้ามกับ ร้านหมูกระทะที่นายบาสเข้าไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากที่นายเบริทได้หลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เร่งติดตามตัวและควบคุมตัวนายเบริทได้ ในช่วงเวลาประมาณตี 3 ของวันที่ 3 มีนาคม 2567 ซึ่งหลังจากควบคุมตัวได้เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายเบริท มาสอบสวนก็ให้การรับสารภาพในทุกข้อกล่าวหา

 

จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ร้อยเวร สภ. สามเงา จังหวัดตราด จึงได้ควบคุมตัว นายกฤษดา หรือนายเบริท มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณจุดเกิดเหตุคือบ้านของนายเบริท โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดประมาณ 15 นาย มาอำนวยความสะดวกในการทำแผนประกอบกับรับสารภาพ

 

โดยในจุดแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พานายเบริท ขึ้นไปบนชั้นสองของ บ้านไม้ใต้ถุนสูง และเดินไปบริเวณด้านหลังซึ่งเป็นลักษณะห้องครัว โดยนายเบริทได้ให้การว่าในช่วงแรก ได้เสพกัญชาอยู่ในบริเวณห้องนี้ โดยมีนายบาสมานั่งอยู่ด้วย แต่หลังจากนั้นนายบาสได้ขอแบ่งกัญชาเสพบ้าง แต่นายเบริทไม่ให้ เนื่องจากกัญชามีอยู่น้อย จึงทำให้เกิดปากเสียงกัน และหลังจากนั้น นายบาสได้มาผลักไหล่ของนายเบริท ซึ่งก่อนหน้านี้นายเบริทได้ขี่รถจักรยานยนต์ล้ม จึงทำให้บาดเจ็บบริเวณบริเวณไหล่ขวามาเป็นเวลานาน และในช่วงที่มีปากเสียงกับบาสเมื่อวาน นายบาสได้ผลักบริเวณไหล่จุดที่บาดเจ็บอยู่ จึงทำให้เกิดบันดาลโทสะและโมโห จึงได้ไล่ให้นายบาสออกจากบ้านไป

 

โดยหลังจากนั้นนายบาสได้ลุกขึ้นแล้วเดินหันหลังมุ่งหน้าไปลงบันไดแต่ระหว่างทางเดินก็มีการตะโกนด่าและใช้คำที่หยาบคายตลอดโดยไม่หยุด นายเบริทจึงได้หยิบมีดที่เป็นลักษณะคล้ายมีดดาบแต่มีขนาดเล็ก และได้เดินติดตามลงไป จากนั้นเมื่อถึงบริเวณบันได นายเบริท ถึงได้เรียกนายบาส ให้หันมา เมื่อนายบาสหันมา นายเบริท จึงใช้มีดฟันลงไปบริเวณศีรษะ ทำให้นายบาสล้มลง จากนั้นนายเบริทก็หวังที่จะหนี แต่นายบาสให้เอาขามาขัดขาของนายเบริทไว้ นายเบริทจึงใช้อาวุธมีดเล่มเดิมฟันเข้าไปที่บริเวณน่อง ขาด้านขวา จากนั้นมีดจึงหลุดมือ นายเบริทจึงได้วิ่งหนีไปบริเวณหลังบ้าน และได้มุ่งหน้าไปที่บ้านของของป้า

 

โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว นายเบริท ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดที่สอง โดยในระหว่างทางผู้สื่อข่าวจึงได้ถามกับนายเบริท ถึงสาเหตุที่เกิดเหตุในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา โดยนายเบริทได้เปิดเผยว่า

 

“ในช่วงเมื่อวานนี้นายบาสเข้ามาหาตน ที่บ้านของตน โดยหลังจากนั้นตนก็ได้ขึ้นไปเสพกัญชาบนบ้าน จากนั้นในบาสจึงได้ตามไปและขอแบ่งกัญชา ซึ่งตนไม่ให้เพราะกัญชามีน้อย จึงได้มีปากเสียงกัน จากนั้นนายบาสได้มาผลักไหล่ของตนซึ่งตนบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงทำให้เกิดบันดาลโทสะก่อเหตุดังดังกล่าว

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมักจะถูกนายบาสข่มเหงและรังแก เพราะนายบาสจะมีรูปร่างที่ใหญ่ ส่วนต้นนั้นจะมีรูปร่างเล็กกว่านายบาส อีกทั้งต้นไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับบ้านของตนและเรื่องของตนทุกเรื่อง โดยเมื่อวานที่ก่อเหตุไปตนไม่ได้ตั้งใจให้ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งตนมาทราบว่านายบาสเสียชีวิตภายหลังตนก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรเพราะเหตุมันเกิดไปแล้ว”

 

โดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัว นายเบริท ไปยังบริเวณบ้านป้าของนายเบริท ซึ่งบริเวณจุดนี้นายเบริท ได้วิ่งมาเรียกบ้านหลังจากที่เกิดเหตุเสร็จ และได้บอกกับป้าให้โทรไปหาแม่ของเขา และให้แจ้งแม่ของเขาว่าเขาใช้อาวุธมีด ฟันเพื่อนที่มาหาที่บ้าน ซึ่งหลังจากนั้นป้าของนายเบริทได้โทรหาแม่ของนายเบริท และได้รีบไปดูบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นนายเบริท ได้วิ่งหนีออกไปทาง หลังบ้านของป้า เพื่อที่จะไปหลบซ่อนตัวในไร่ข้าวโพดที่หลังบ้าน

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายเบริท ขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปยังจุดที่สาม ซึ่งบริเวณจุดที่สามนี้จะเป็นจุดที่ นายเบริท มาใช้หลบซ่อนตัวหลังจากที่ก่อเหตุแล้ว ซึ่งบริเวณจุดดังกล่าวจะเป็นไร่ข้าวโพด ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร โดยนายเบริท ได้สาธิตดูว่า ได้เข้าไปนอนภายในไร่ข้าวโพดเพื่อหลบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้วิธีการนอนหงายราบไปกับพื้น ซึ่งขณะนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามกับนายเบริทว่าทำไมต้องใช้พื้นที่บริเวณจุดนี้ในการหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยนายเบริท ได้ตอบกลับผู้สื่อข่าวว่า “ตนมีความเคยชินกับพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากใช้เป็นที่หากินมาตั้งแต่เด็ก โดยตนมักจะออกมายิงนกตกปลาบริเวณบริเวณนี้เป็นประจำ และมักจะนอนหลับในไร่ข้าวโพด ซึ่งเมื่อนอนกับหญ้าก็จะไม่รู้สึกคัน” ซึ่งหลังจากที่ทำแผนประกอบกับรับสารภาพและชี้จุดทั้งหมดเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ. สามเงา ก็ได้นำตัว นายเบริท ขึ้นรถกลับไปคุมขังที่สภ. สามเงา

 

โดยจากกรณีที่เกิดเหตุนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าไม่ได้มีการปล่อย ปะละเลย และหลังจากเกิดเหตุก็ได้รีบติดตามตัวคนร้ายโดยทันที ซึ่งจากระยะเวลาที่เกิดเหตุ ใช้เวลาเพียงประมาณ 5 ชั่วโมงก็สามารถจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้

 

โดยในวันนี้ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยังหน้าร้านหมูกระทะที่นายบาสได้มาเสียชีวิต โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.อาภาภรณ์ อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยเหลือในบาส ตอนที่มาขอความช่วยเหลือบริเวณหน้าร้านหมูกระทะ โดยได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

 

“ในช่วงเมื่อคืนเวลาประมาณ 21.00 น. ตนได้ทำงานอยู่ภายในร้านหมูกระทะก็ได้เห็นว่ามีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาบริเวณหน้าร้าน ตนจึงคิดว่าเป็นลูกค้าจึงเดินออกไปต้อนรับ แต่เมื่อไปเห็นก็พบว่าชายคนดังกล่าวมาด้วยสภาพเลือดโชกมาเต็มตัว โดยมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะและน่องขาขวาทะลุบริเวณหน้าแข้ง ซึ่งในตอนนั้นตนก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นชายคนนั้นดังกล่าวเลยได้ขอความช่วยเหลือจากตนและแจ้งว่าถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีดมา และหลังจากนั้นจึงได้ถามหาช่างกับพ่อของตน

 

โดยหลังจากนั้นตนก็ได้รีบวิ่งขึ้นไปตามพ่อที่อยู่บนบ้าน หลังจากที่พ่อลงมาพ่อก็จำได้ว่าคนนี้คือนายบาส และได้พยายามสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในตอนนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว เพราะมีอาการเหมือนจะหมดสติ ตนจึงได้รีบช่วยห้ามเลือดแต่หลังจากนั้นพบว่าเขาหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นจึงได้รีบทำการปั๊มหัวใจเพื่อช่วยเหลือและเรียกรถพยาบาลเพื่อมาจุดเกิดเหตุ

 

แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้เสียชีวิตซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากการที่เขาเสียเลือดมากโดยหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและแพทย์จึงได้มาบริเวณจุดเกิดเหตุและทราบภายหลังว่าเขาถูกก่อเหตุจากบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับร้านของตน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ต้องรีบช่วยเหลือเพื่อที่จะช่วยยื้อชีวิตของผู้ได้รับบาดเจ็บไว้”

 

จากนั้นทีมข่าวจึงได้พบกับ นางปทุ อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายเบริท (ผู้ก่อเหตุ) ทีมข่าวจึงได้สอบถามถึงเหตุการณ์ โดยนางปทุมได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

 

“เมื่อวานตอนช่วงที่เกิดเหตุตนไม่ได้อยู่บ้านเพราะไปงานศพของพระที่มรณภาพที่วัด โดยระหว่างช่วงที่เกิดเหตุนั้นตนได้รับโทรศัพท์จากญาติ ว่าลูกชายของตน ได้ใช้มีดฟันเพื่อนที่มาที่บ้านให้รีบกลับมาดู จนต้องรีบกลับไปดูที่บ้าน เมื่อตนไปถึงที่บ้านก็ไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่บ้าน แต่พบว่าที่บริเวณหน้าบ้านมีรอยเลือดเป็นทางออกไปยังถนน และฝั่งตรงข้ามมีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถพยาบาลจอดอยู่

 

โดยหลังหลังจากนั้นตนจึงได้ตามหาลูกชายของตนแต่ในช่วงแรกก็ไม่ทราบว่าไปหลบอยู่ที่ใด ซึ่งโดยปกติแล้วลูกชายของตนจะไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายกับบ้านที่เค้าอยู่และตัวของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ ลูกชายของตนมักจะเห็นนายบาสมาวนเวียนอยู่หน้าบ้าน และมักจะพูดกับตนว่า เบื่อและรำคาญนายบาส ที่มายุ่งวุ่นวาย และเมื่อเห็นไอ้บาสมาวนเวียนอยู่หน้าบ้านก็จะหมอบต่ำและหลบนายบาสไม่ให้นายบาสเห็น

 

ซึ่งตนเองก็เคยเตือนนายบาสหลายรอบแล้วว่าไม่ให้มายุ่งวุ่นวายกับลูกชายของตน เพราะลูกชายของตนในตอนนี้เหมือนคนไม่ปกติบางครั้งก็จะคุยคนเดียว และไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของที่เป็นของเขา แต่นายบาสเองนั้นเมื่อมาที่บ้านของลูกชายก็มัก จะทำเป็นเหมือนบ้านของของตัวเองลักษณะหยิบจับใช้ของอะไรโดยไม่ขออนุญาตซึ่งทำให้ลูกชายของตนไม่พอใจหลายครั้งแล้ว แล้วตนก็ยังยอมรับว่า ลูกชายของตนนั้นก็มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งโดยปกติแล้วจะเสพกัญชาและยาบ้า และในช่วงเกิดเหตุเมื่อคืนตนก็ทราบว่าเป็นเรื่องการทะเลาะกันเพราะนายบาสมาขอแบ่งกัญชาจากลูกชายของตนจึงทำให้ลูกชายของตนนั้นไม่พอใจ

 

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากเกิดเหตุตนก็ได้พยายามตามหาลูกชายและไปพบว่าลูกชายได้ไปหลบอยู่บ้านของป้าของเขาตนจึงได้พาเค้าไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาได้ทำ และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งจากเหตุการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็รู้สึกเสียใจที่ลูกชายของตนได้ทำแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะไม่ประกันตัวให้ลูกชายเพราะเค้าขอไม่ให้ประกันตัว และปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายและรับโทษที่เขาได้ก่อไว้ ซึ่งในวันนี้ตนได้ไปหาลูกชายที่ สภ. สามเงา โดยเขาบอกให้ตนดูแลตัวเองให้ดี ส่วนตัวเค้าเองก็ยินดีที่จะเข้าไปรับโทษในสิ่งที่เขาได้ก่อไว้”

ฉุน! สหายสายเสพขอแบ่งกัญชา คว้ามีดแทงตัดเส้นเลือดใหญ่ดับ