จากกรณีเมื่อเวลา 08.30 นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ ทิพยโสตถิ สว. (สอบสวน) สภ.บางปะหัน ได้รับประสานงานจาก ศูนย์วิทยุ ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยาว่าให้มาควบคุมตัวผู้ต้องหาชาย รับสารภาพว่าได้ฆ่าคนตายโดยทิ้งศพไว้ในพื้นที่ริมถนน สายบางปะหันมุ่งหน้ามหาราช หมู่ .4 ต. ตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำมาชี้จุดเกิดเหตุ


ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นริมถนนชนบท ห่างจากถนนลงไปประมาณ 100 เมตร ใต้ต้นไม้ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ยังไม่ทราบชื่อ ไม่สวมใส่เสื้อ สวมใส่กางเกงขายาว สีเทา นอนคว่ำหน้า ถูกอาวุธตีบริเวณใบหน้ามีบาดแผลเลือดไหลออกมา และยังมีถุงหูหิ้วคลุมศีรษะอีกชั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกันไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่





ทางด้าน ร.ต.ท.พงษ์อนันต์ เผยว่า สืบเนื่องจากนายพุทธ ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำร้ายชายนิรนามจนเสียชีวิตในเขตพื้นที่บางปะหัน เมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์จากนั้นขี่รถจากจักรยานยนต์เข้าไปในเขตตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ร้อยเวรของ สภ.พระนครศรีอยุธยา สังเกตุเห็นนายพุทธเดินวนเวียนอยู่หน้าโรงพัก บริเวณที่ขามีลักษณะเปื้อนเลือดจึงเข้าไปสอบถาม นายพุทธจึงยอมรับว่าได้ก่อเหตุฆ่าคนตาย ในพื้นที่ของ หมู่ 4 ตำบลตานิมอ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้แจ้งมายัง สภ.บางปะหัน เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบ ก็พบชายนิรนามนอนเสียชีวิตอยู่ในบริเวณ ป่ารกร้างบริเวณถนนสาย 7 มหาราช- บางปะหัน จึงได้นำตัวผู้ต้องหามายังจุดเกิดเหตุ


เบื้องต้นสอบถาม นายพุทธ ยังคงให้การวกวนแต่จับใจความได้ว่า ผู้ก่อเหตุได้มาพักอาศัยอยู่บ้านปู่-ย่าในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ตานิม จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านจุดเกิดเหตุโดยอ้างว่าเห็นผู้ตายนอนขวางถนนอยู่ โดยมีขวดเหล้าวางอยู่ข้างกาย เข้าไปพูดคุยผู้ตายจะใช้อาวุธมีดทำร้าย จึงกลับไปเอามีดที่บ้านและมาทำร้ายชายนิรนามดังกล่าว โดยไม่รู้จักกันจนเสียชีวิต จากนั้นเอาอาวุธมีดไปทิ้งที่บริเวณข้างห้องน้ำของวัดบ้านแจ้ง ต.ตานิม อ.บางปะหัน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี เข้าจอดที่ สภ.พระนครศรีอยุธยาจนกระทั่ง ร้อยเวรของ สภ.พระนครศรีอยุธยา เข้าควบคุมตัว





ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้ จะต้องรอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะผู้ก่อเหตุพูดจาวกไปวนมา และยังทราบว่า ผู้ก่อเหตุนั้นได้สมัครเป็นทหารเกณฑ์ อยู่ประมาณปีกว่า ๆ หลังจากนั้นให้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอยุธยานำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตต่อไป


ล่าสุดวันนี้หลังตำรวจนำตัวนายพุทธ ผู้ก่อเหตุ ไปชี้จุดเกิดเหตุ ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ สภ.บางปะหัน ซึ่งทันทีที่ตำรวจนำตัวมาถึงโรงพัก ทีมข่าวได้พยายามถามกับนายพุทธ ว่าสรุปแล้วไปฆ่าผู้ตายด้วยเรื่องอะไร ซึ่งนายพุทธ มองหน้าแล้วก็ยิ้มให้ พร้อมกับส่ายหน้าบอกว่าจำอะไรไม่ได้ ทีมข่าวก็บอกว่า มีอะไรบอกกันได้นะ แต่นายพุทธ ตอบว่า บอกไม่ได้ครับ เพราะจำไม่ได้ จากนั้นตำรวจจึงต้องคุมตัวนายพุทธ ไปเข้าห้องขังเอาไว้ก่อน เพื่อรอตำรวจชุดสืบสวนคุมตัวออกมาทำบันทึกจับกุมและจะต้องส่งตัวนายพุทธไปตรวจอาการจิตเวชอย่างละเอียด ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ์ศูนย์รังสิต จังหวัดปทุมธานี


จากนั้นในช่วงเที่ยงตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มีการนำหลังฐาน ก็คือ รถจักรยานยนต์,กระเป๋าเป้สีดำ, หมวกแก๊ป, เสื้อผ้า ที่พบในที่เกิดเหตุกลับมาตรวจสอบที่โรงพัก โดยอาวุธมีดที่นายพุทธ ใช้ก่อเหตุเป็นมีดอีโต้ ยาว 15 นิ้ว และในกระเป๋าของนายพุทธ ยังพบถุงยางอนามัยหลายชิ้นอยู่ภายในกระเป๋า จากนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงได้มีการเข้าไปเก็บ DNA จากกระพุ้งแก้มของนายพุทธ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ DNA บนก้อนหิน ที่มีร่องรอยคราบเลือดติดอยู่ เพื่อพิสูจน์ว่านายพุทธ ใช้ก้อนหินหรือด้ามมีดทุบหัวผู้ตาย เนื่องจากนอกจากรอยบาดแผลที่ผู้ตายถูกฟันบริเวณใบหน้าและลำคอ ยังมีร่องรอยฟกช้ำที่บริเวณหน้าอก และบริเวณศรีษะของผู้ตาย โดยบาดแผลที่ผู้ตายถูกฟัน จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น พบว่าผู้ตาบมีร่องรอยถูกมีดฟันที่ใบหน้าทั้งหมด 5 แผลและมีร่องรอยถูกฟันที่ลำคออีก 1 แผล


ส่วนภาพวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มาในวันนี้ จะเป็นภาพหลังเกิดเหตุที่สามารถจับภาพนายพุทธ ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปซุกซ่อนมีดและล้างเลือดที่วัดบ้านแจ้ง โดยภาพวงจรปิด มุมที่ 1 จะเห็นว่า นายพุทธ มีการขี่รถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุ ผ่านเข้ามาฝั่งตรงข้ามวัดในเวลา 19.00 น. ซึ่งพอมาถึงหน้าวัด นายพุทธได้เลี้ยวรถข้ามสะพานมายังฝั่งวัด จากนั้นก็ขี่รถเลาะกำแพงไปเข้าอีกทางของวัด


จากนั้นเมื่อเข้ามาในวัด นายพุทธก็ขี่รถผ่านหน้ากล้อง 2 มุมเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำหลังโบสถ์ ซึ่งจะเห็นว่า เจ้าตัวขี่รถมานิ่ง ๆ และยังสวมเสื้อสีเขียวตัวเดิมเข้ามาในวัด กระทั่งพอไปถึงหน้าห้องน้ำ นายพุทธก็จอดรถ ซึ่งในระหว่างจอดรถตามข้อมูล นายพุทธได้จะโกนถามกับยายที่เฝ้าวัดอยู่ว่าห้องน้ำใช้ได้หรือไม่ จากนั้นเมื่อยายตอบว่าใช้ได้ นายพุทธ จึงลงรถและเดินมุ่งหน้าเข้าไปยังห้องน้ำ


ซึ่งในขณะที่นายพุทธ เดินออกมาตรงราวตากผ้าหน้าห้องน้ำ ทีมข่าวซูมภาพเข้าไปเห็นนายพุทธ มีการยืนล้างเนื้อล้างตัวอยู่ตรงโอ่งน้ำ ได้ประมาณ 3 นาที ซึ่งเมื่อล้างเสร็จนายพุทธก็เดินกลับมาที่รถ






จากนั้นเมื่อนายพุทธเดินทางถึงรถ เจ้าตัวมีการยืนอยู่ที่รถประมาณ 2 นาที กระทั่งในเวลา 19.07 น. นายพุทธ ก็สตาร์ทรถขี่ผ่านหน้ากล้องออกมา 2 มุม แต่มุมที่ 3 จะเห็นว่านายพุทธไม่ได้ขี่รถย้อนกลับข้ามสะพานอีกฝั่งซึ่งเป็นเส้นทางไปจุดเกิดเหตุ แต่มีการขี่รถมุ่งหน้าไปฝั่งเดียวกันกับวัด ซึ่งเส้นทางดังกล่าว จะไปยังบ้านของนายพุทธ และเป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปยัง สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา


ส่วนภาพวงจรปิดชุดสุดท้ายจะเป็นเหตุการณ์ในวันนี้ ซึ่งหลังพบศพและนายพุทธ ให้การว่านำมีดไปซุกไว้ที่วัด จะเห็นว่าในเวลา 09.14 น. ตำรวจได้คุมตัวนายพุทธเข้ามาที่วัด จากนั้นพอมาถึงตำรวจได้นำตัวนายพุทธ ลงจากรถตู้ไปชี้จุดซ่อนมีด ซึ่งหลังจากจากชี้เสร็จประมาณ 10 นาที ตำรวจก็คุมตัวนายพุทธไปขึ้นรถตู้ แล้วก็ขับออกมาในเวลา 09.24 น.


จากนั้นทีมข่าวจึงได้ย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งลักษณะตรงจุดที่พบศพจะอยู่บริเวณป่าใต้ต้นก้ามปู และจะอยู่ห่างจากขอบทางลงไปด้านล่างประมาณ 20 เมตร ซึ่งบริเวณรอบ ๆ ไม่มีไฟส่องสว่างและไม่มีกล้องวงจรปิด และตรงพื้นซึ่งเป็นจุดพบศพ ยังพบร่องรอยคราบเลือดและก้อนหินเปื้อนเลือด อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนบริเวณตรงทางถนน จากการตรวจสอบถัดจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 50 เมตร จะมีทางเข้าไปยังบ้านของนายพุทธ ผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านของนายพุทธ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร





นางสมปอง (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ บอกว่า เมื่อวานนี้ประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสอง ส่วนตัวเห็นคนตายนั่งอยู่คนเดียวตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งตอนที่เห็นคนตายใส่เสื้อสีแดง นั่งอยู่ข้างกระเป๋าเป้สีดำ แต่ก็ไม่ได้จอดรถลงไปทัก เนื่องจากคิดว่าเป็นคนงานเข้ามานั่งพักหลบแดด ส่วนช่วงเย็นในขณะที่ขับรถไปซื้อกับข้าว ก็ยังเห็นคนตายนั่งอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่เห็นรถจักรยานยนต์ของคนก่อเหตุ ยอมรับหลังพบศพก็รู้สึกตกใจ เพราะมาเกิดเหตุใกล้บ้าน และก่อนเกิดเหตุยังเห็นผู้ตายมีชีวิตอยู่ ซึ่งผู้ตายน่าจะเป็นคนเร่ร่อนที่มาจากพื้นที่อื่น เนื่องจากเห็นเขาเข้ามาอยู่ตรงจุดเกิดเหตุได้ประมาณ 2 วัน


ต่อมา นายพุทธ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 อีกครั้ง โดยเผยว่า ขี่รถผ่านไปเจอคนตายนอนอยู่ข้างทางจึงเข้าไปคุยด้วย แต่ไม่ได้ขอมีเพศสัมพันธ์กับคนตาย ยันถุงยางที่ตำรวจพบในกระเป๋า พกไว้ตั้งแต่หนีทหารออกมาเที่ยว ปัดชอบผู้ชายยืนยันชอบผู้หญิง ยอมรับฟันผู้ตายไปหลายครั้งแต่ไม่ได้เอาก้อนหินทุบหัว


จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเก็บ DNA ของนายพุทธ เสร็จแล้ว ทางตำรวจชุดสืบสวนจึงได้มีการเข้ามาขอเบิกตัวนายพุทธ ไปสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งทันทีที่ตำรวจนำตัวนายพุทธ ออกมาจากห้องขัง ทีมข่าวก็เข้าไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นรอบที่สอง





โดยนายพุทธ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ผมหนีทหารมายังไม่ถึงปี ก่อนเกิดเหตุขี่รถไปเห็นคนตายนอนอยู่ตรงที่เกิดเหตุ จากนั้นก็นั่งอยู่ด้วยกัน ซึ่งประเด็นเรื่องใครกันแน่ที่เป็นคนขอมีเพศสัมพันธ์ก่อนเกิดเหตุ ยืนยันตนเองไม่ได้ขอมีเพศสัมพันธ์กับคนตาย ส่วนถุงยางที่ตำรวจไปเจอในกระเป๋า เป็นถุงยางที่ซื้อมาตั้งแต่ตอนหนีทหารไปเที่ยวผู้หญิงนอกค่าย ซึ่งทีมข่าวก็ถามว่า สรุปเอ็งชอบผู้ชายหรือผู้หญิง ทำไมถึงไปอยู่กับคนตาย แต่นายพุทธ ยืนยันกับทีมข่าวว่า ชอบผู้หญิงไม่ได้ชอบผู้ชาย ยอมรับตอนก่อเหตุฟันผู้ตายไปหลายที แต่ไม่ได้เอาก้อนหินทุบหัว ส่วนเรื่องที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปมอบตัวกับตำรวจที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา ยืนยันตั้งใจไปมอบตัว โดยไม่ได้คิดจะหนีไปไหน


ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ไปเจอกับนายโอ๊ต (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ที่น้องชายป่วยเป็นจิตเวช เนื่องจากตอนอายุประมาณ 16 ปี น้องชายเคยถูกวัยรุ่นรุมทำร้ายโดยการเอาไม้ฟาดที่ศรีษะ จนต้องเข้ารับการรักษาอาการทางสมอง จากนั้นก็เป็นผู้ป่วยจิตเวชตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งก่อนที่น้องชายจะไปเป็นทหาร ทางครอบครัวเคยย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่ตัวเมือง เนื่องจากปู่ของน้องชาย ย้ายไปเป็นตำรวจที่ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา จากนั้นเมื่อปู่เกษียณอายุราชการ ทางครอบครัวจึงย้ายกลับมาอยู่ที่อำเภอบางปะหัน กระทั่งเมื่อนายพุทธ อายุ 21 ปี ทางพี่ชายของนายพุทธ จึงได้พานายพุทธไปสมัครเป็นทหาร ซึ่งหลังจากนายพุทธได้รับการฝึกกลับมาก็ดูเหมือนจะอาการดีขึ้น พูดคุยกับเพื่อนบ้านได้ แต่บางครั้งก็นั่งคุยคนเดียว แต่ไม่ออกไปไกลจากบ้าน เพราะไม่มีรถจักรยานยนต์





จากนั้นเมื่อพี่ชาย เห็นว่าอาการของนายพุทธดีขึ้น พี่ชายก็มีการซื้อรถจักรยานยนต์ให้ และหลังจากซื้อรถให้ได้ประมาณ 2 เดือน จู่ ๆ นายพุทธ ก็ไม่ยอมกลับไปเข้าไปเป็นทหาร ขี่รถล่อนไปล่อนมา บางครั้งก็หายไปทั้งวัน กระทั่งเมื่อวานนี้ขี่รถไปเจอกับคนตายจึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งยืนยันว่าก่อนหน้านี้ ทางญาติพยายามที่จะส่งนายพุทธ กลับเข้าไปที่กรมทหาร แต่นายพุทธไม่ยอมไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทางญาติรู้เรื่องหมดแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าบอกกับย่า เพราะหลัวย่าช็อกเนื่องจากย่า รักนายพุทธมาก ซึ่งย่าเข้าใจว่านายพุทธอยู่ที่กรมทหารมาโดยตลอด ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พูดอะไรไม่ออก ไม่คิดว่าเหตุการณ์โหดร้ายแบบนี้จะเกิดขึ้น ซึ่งดวงของคนตายถึงคราวซวยที่ไปเจอกับนายพุทธในที่เกิดเหตุ





ขณะเดียวกันในประเด็นเรื่องศพของผู้ตาย วันนี้หลังจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยไปนำศพออกมาจากจุดเกิดเหตุ ทางกู้ภัยได้มีการนำศพไปจอดพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ตายที่หน้าโรงพัก ซึ่งบรรยากาศในช่วงที่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ทางรองผู้กำกับสืบสวนได้มีการเข้าไปถ่ายรูป ลายนิ้วมือที่ศพเพื่อส่งลายนิ้วมือ กับรอยสักตามร่างกายของผู้ตายไปเช็กประวัติกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เพื่อตามหาตัวตนของผู้ตายว่าเป็นใครมาจากไหน


โดยตามข้อมูลรอยสักของผู้ตาย มีรอยสักเป็นรูปเสือ ที่แขนด้านซ้าย และมีรอยสักรูปหัวนกอินทรีที่กลางหลัง แต่ไม่พบรอยสักชื่อคนตามร่างกาย ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะอายุประมาณ 30 - 40 ปี ซึ่งในส่วนของผู้ตายทางกู้ภัยในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ซึ่งถ้ายังไม่มีญาติผู้ตายมาขอรับศพ ทางกู้ภัยจะนำศพไปฝากไว้ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ ที่จังหวัดปทุมธานี ต่อไป

 

ทหารหนีค่ายพกถุงยางนับสิบ แทงหนุ่มรอยสักโบ้ยคนตายขอมีเซ็กซ์ทำยัวะ วงจรปิดมัดซุกมีดล้างเลือด