วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีสังหารโหดพนักงานปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บ้านผึ้ง อเมือง จ.นครพนม เสียชีวิต 2 ราย คือ นายพรมจัก อายุ 33 ปี พนักงานชาวลาว รวมถึง น.ส.วิชุดา วัย 50 ปี ชาวบ้านดอนม่วง จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่คนร้ายก่อเหตุยังหลบหนี จนกระทั่งภายหลังมีการสืบสวน หาเบาะแสจนกระทั่งมีการจับกุม ส.อ.กฤษณะพล อายุ 38 ปี พลขับทั่วไปสังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ตรวจค้นบ้านพักมีอาวุธปืนสงครามเถื่อน อาก้า พร้อมกระสุนปืนหลายนัด อ้างว่าซื้อมาส่วนตัวเนื่องจากเคยไปทำงานที่ชายแดน จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดี มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน สงครามไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีการคุมตัวไปฝากขังที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี





ล่าสุดจากการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐาน ตรวจลายนิ้วมือแฝง ทำให้ทางตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงเอาผิดเพิ่มเติม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ยังมีการคัดค้านการประกันตัว และฝากขังไว้ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 อุดรธานี นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม จะได้เรียกญาติผู้เสียชีวิตมาสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป เพื่อประกอบการดำเนินคดี สำหรับประเด็นสำคัญที่เชื่อมโยงการจับกุม มีประเด็นสำคัญ คือ เรื่องหลักฐานเกี่ยวกับอาวุธปืน วิถีกระสุน และหลักฐานที่ตกในที่เกิดเหตุ


นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับการตรวจสอบจุดเชื่อมสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ในจุดเกิดเหตุ แต่ทางตำรวจยังไม่เปิดเผยยืนยันชัดเจนของปมสาเหตุ เนื่องจากอ้างว่าจะกระทบหน่วยงานทหารต้นสังกัด แต่จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก มีข้อมูลคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นมือปืนรับจ้าง รับงานมาจากคนจ้างวาน หรืออาจจะมีทหารมาเกี่ยวข้องในการฆ่าตัดตอนเกี่ยวกับปมขัดแย้งบางอย่าง





จากการลงพื้นที่สอบถาม นางสุพัตรา พี่สาว น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยังคาใจเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของน้องสาว รวมถึงเพื่อนพนักงานปั๊มน้ำมัน เนื่องจากที่ผ่านมายืนยันไม่เคยมีปมชู้สาว หรือขัดแย้งกับใครมาก่อน ยังนึกไม่ออกมาจะเกิดจากอะไร หากผู้ต้องสงสัยที่เป็นทหารทำผิดจริง กรณีที่ตำรวจโทร. มาแจ้งข่าว ว่าจับกุมทหารเชื่อมโยงคดี แต่ไม่บอกปมสาเหตุ ยอมรับว่ารู้สึกหดหู่ใจ และอยากรู้เหมือนกันว่าฆ่าน้องสาวทำไม


วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของ น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิตหนึ่งในสองคนจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทีมข่าวได้เข้าไปไปนั่งพูดคุยกับนางสุพัตรา พี่สาวของผู้เสียชีวิต ที่ยังคงติดใจเกี่ยวกับแรงจูงใจในการก่อเหตุ ที่ทำให้ทหารคนดังกล่าวมาก่อเหตุกับน้องสาวตัวเอง


หลังจากพูดคุยกับทีมข่าวได้ไม่นาน พี่สาวของ น.ส.วิชุดา ได้เดินทางไปที่วัดดอนม่วง เพราะหลังจากรู้ข่าวว่าตำรวจมีหลักฐานที่มีการเชื่อมโยงกับทหารคนดังกล่าว เพราะมีการพบดีเอ็นเอที่เป็นเสื้อคลุมของทหาร ซึ่งตรงกับ น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิตในปั๊มน้ำมัน และมีการอนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา





พี่สาวของ น.ส.วิชุดา พานักข่าวไปเอาอัฐิที่บริเวณวัดดอนม่วงออกมา จากนั้นมีการจุดธูป 1 ดอก พร้อมพูดบอกกล่าวว่า ขอให้นันช่วยทำให้คดีไขข้อสงสัยให้เร็วด้วยเถอะ ให้คนก่อเหตุเปิดปากถึงสาเหตุการฆ่าน้องสาวและสาวไปถึงต้นตอคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขอให้ดวงวิญญาณมาช่วยทำให้พิสูจน์ข้อครหามลทินที่มีคนสงสัยว่าเป็นเรื่องชู้สาว ว่าจริงหรือไม่ก็ขอให้มาไขปมนี้และขอให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว ให้กระจ่างแจ้งว่าคนก่อเหตุยิงเพราะอะไรกันแน่ ซึ่งพี่สาวของ น.ส.วิชุดา กับดวงวิญญาณของผู้ตายอีกด้วยว่า เชื่อว่าเรื่องนี้มีคนบงการ ขอให้ผู้กระทำผิดยอมเปิดปากพูดความจริงออกมาให้หมด


นอกจากนั้นพี่สาวของ น.ส.วิชุดา ยังบอกอีกด้วยว่า หลังจากน้องสาวเสียชีวิตไปจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น ตัวเองรับรู้ได้ว่าวิญญาณของน้องสาวนั้นยังคงไปไหน เคยมาหาตัวเองที่บ้านด้วย ซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะยังห่วงและยังไม่ได้ความชัดเจนในคดี ว่าใครเป็นคนก่อเหตุที่แท้จริงกันแน่


ล่าสุด ตำรวจได้เชิญญาติของครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองรายมาชี้แจงเกี่ยวกับคดี หลังพบหลักฐานว่าผู้ก่อเหตุคือทหารยศสิบเอก ที่เป็นผู้ต้องสงสัยก่อนหน้านี้ ซึ่งภายหลังจากที่ญาติของผู้เสียชีวิตขึ้นไปพบกับผู้กำกับและพนักงานสอบสวนในคดีนี้





นางสุพัตรา พี่สาวของ น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิต ออกมาเปิดเผยกับทีมข่าวว่า แม้ว่าจะได้มีโอกาสพูดคุยกับพนักงานสอบสวนและผู้กำกับถึงการดำเนินคดี กับผู้ก่อเหตุที่เป็นทหารยศ สิบตรี โดยทางตำรวจยืนยันว่า มีหลักฐานแน่นหนาเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับทหารคนนี้ตามกระบวนการทางกฎหมาย แต่ไม่ได้เปิดเผยให้กับญาติทราบว่าเป็นหลักฐานอะไรบ้าง ที่สำคัญคือตำรวจไม่สามารถตอบกับญาติผู้ตาย ว่ามูลเหตุจูงใจที่ผู้ก่อเหตุทำลงไปเพราะเหตุใด


นอกจากนี้ ตำรวจระบุว่าวันนี้ได้ดำเนินคดีกับทหารคนนี้ทั้งหมด 3 ข้อหา คือข้อหาลักทรัพย์ ข้อหาพกพาอาวุธสงคราม และข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดย ข้อหาลักทรัพย์ สืบเนื่องจากก่อนก่อเหตุทหารคนนี้ไปลักทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ซึ่งตามข้อมูลพบว่าเป็นการไปขโมยปลอกแขนราคามูลค่าไม่ถึง 100 บาท ซึ่งเป็นการไปขโมยก่อนก่อเหตุประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะเตรียมหาอุปกรณ์ เพื่อใช้ป้องกันเขม่าที่เกิดขึ้นจากการยิงปืน


ทั้งนี้ นางสุพัตรา ติดใจในประเด็นนี้มากเนื่องจากยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างผู้ตายกับผู้ก่อเหตุ จึงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะต้องมีคนบงการ แต่อาจจะยังไม่มีพยานหลักฐานสาวไปถึง จึงอยากจะร้องขอให้ตำรวจ สอบปากคำผู้ก่อเหตุและพยานต่าง ๆ เผื่อมีโอกาสพบพิรุธนำไปสู่ผู้บงการที่แท้จริง





อีกทั้ง นางสุพัตรา ยังรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมาย ที่ตัวเองต้องเดินทางไปขึ้นศาลทหารที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเดินทางนานถึง 4 ชั่วโมงต่อครั้ง และไม่ได้เข้าใจกระบวนการในการดำเนินคดี ที่ผู้ต้องหาเป็นข้าราชการทหารด้วย มากระทั่งวันนี้ที่ตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอจนนำไปสู่การตั้งข้อกล่าวหา ในฐานะญาติของผู้เสียชีวิตก็ยังไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าผู้ก่อเหตุ เพราะอยู่ในความควบคุมและดูแลของทหาร


ด้านวรินธร ลูกสาวของ น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิต ยอมรับว่ายังคงกังวลใจเพราะผู้ก่อเหตุคือทหาร และกลัวว่าแม่ตัวเองจะไม่รับความเป็นธรรม เนื่องจากยังคงมืดแปดด้าน เกี่ยวกับมูลเหตุแรงจูงใจที่ทหารคนนี้มาก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเอง


ที่ผ่านมายืนยันว่าแม่ไม่มีเรื่องชู้สาวอย่างแน่นอน แม้ตำรวจจะมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุคือทหารคนนี้ และบอกกับญาติว่าไม่ได้เป็นการจับแพะอย่างแน่นอน ในฐานะลูกสาวเองก็เชื่อมั่นในกระบวนการทางกฎหมาย แต่แค่ติดใจเกี่ยวกับมูลเหตุที่มาก่อเหตุฆ่าแม่ตัวเองเท่านั้น





ด้านนางน้อย ชาวลาว น้องสาวของนายพรมจัก ชาวลาวที่เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตัวเองก็มีความสบายใจขึ้นมาก หลังจากตำรวจยืนยันว่าสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ แม้จะไม่สามารถบอกแรงจูงใจที่แท้จริงให้กับตัวเองได้รับทราบ


ส่วนตัวแล้วนางน้อยก็เชื่อตามที่ตำรวจบอก ว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าทหารคนนี้ คือผู้ก่อเหตุกับพี่ชายตัวเอง นอกจากนั้นยังมีความรู้สึกย้อนแย้งที่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุคือทหารคนนี้ แต่ไม่สามารถบอกเหตุจูงใจที่แท้จริงได้


ตอนนี้อยากรู้ว่าคนร้ายมีจุดประสงค์อะไรต้องการอะไร เพราะว่าพี่ชายตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใคร แล้วก็ไม่ได้รู้จักทหารคนก่อเหตุด้วย และเมื่อถามหาความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายตัวเองกับทหารคนนี้ ยืนยันเลยว่าทั้งสองคนไม่มีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ยังคงรอความชัดเจนจากตำรวจเนื่องจากว่าตัวเองได้แจ้งกับทางตำรวจแล้วว่าอยากทราบมูลเหตุจูงใจ ซึ่งตำรวจรับปากว่าจะพยายามคลี่คลายปมประเด็นนี้ให้กับทางญาติได้รับทราบ

ตะลึง! พลทหารขนปืนสงครามยิง 2 เด็กปั๊มหนีซุกค่าย ญาติงง ตร. นิ่งหวั่นทหารเคือง