จากกรณีอุบัติเหตุสลดรับวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 2567 มีรายงานว่า ร.ต.ท.ปรัชณันท์ ก่อคุณ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.คลองหลวง รับแจ้งเหตุรถแท็กซี่ชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณถนนเลียบคลองสาม ม.1 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง




ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย ชื่อ น.ส.พรนภา อายุ 40 ปี อาชีพครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บนทางเท้า และนายฐณต อายุ 41 ปี อาชีพวิศวกร สภาพศพเสียชีวิตอยู่ข้างริมตลิ่งเกือบตกลงไปในคลอง ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน และในน้ำพบรถจักรยานยนต์ตกอยู่ในคลอง และรถแท็กซี่ สภาพด้านหน้าพังยับเยิน คนขับชื่อ นายณธน อายุ 45 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอยู่ในสภาพมึนเมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวขึ้นรถ เพื่อป้องกันการรุมประชาทัณฑ์ แล้วนำตัวไปตรวจวัดค่าปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจ มีปริมาณสูงถึง 151 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด




ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดี ซึ่งจะเห็นช่วงเกิดเหตุเวลา 06.44 น. รถแท็กซี่ได้มีการขับมาด้วยความเร็ว ก่อนแซงซ้ายรถคันอื่น และเสียหลักข้ามฝั่งไปชนรถจักรยานยนต์ของคู่รักที่ขี่สวนมาทางตรง

จากนั้นกล้องวงจรปิดของชาวบ้านสามารถบันทึกภาพและเสียงวินาทีชนได้ ซึ่งจะเห็นว่าชนแรงจนรถจักรยานยนต์กระเด็นไปข้างทาง จากนั้นจะเห็นนายณธน คนขับแท็กซี่ กระเด็นมาห้อยค้างอยู่ที่กระจกรถฝั่งคนนั่ง ก่อนจะได้สติผงกหัวขึ้นมาดู และกลับไปนั่งในรถตามเดิม ไม่ลงจากรถไปดูผู้เสียชีวิตเลย

นายณธน ผู้ขับขี่แท็กซี่ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนเองขับมาตรงๆ แต่รถ จยย. ตัดหน้ารถตนเอง โดยตนเองมาจากถนนเลียบคลองสามฝั่งธัญบุรี กำลังกลับบ้านที่ ม.พฤกษา 40 โดยดื่มเบียร์มานิดเดียวไม่มาก




ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบบริเวณริมถนนจุดที่ชน เต็มไปด้วยซากรถจักรยานยนต์ของผู้ตายกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด รวมถึงรองเท้าผ้าใบสีขาวและรองเท้าแตะของผู้ตายทั้งคู่ตกอยู่ด้วย

สอบถามนายเขียว (นามสมมติ) ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ขณะนั้นตนกำลังทำงานอยู่หลังร้านเตรียมเปิดร้าน ก็ได้ยินเสียงดังโครมจึงรีบออกมาดู ก็พบรถแท็กซี่ชนรถจักรยานยนต์ โดยเห็นผู้หญิงนอนอยู่ข้างทาง ส่วนผู้ชายตนไม่เห็นว่าเขานอนตรงไหน ส่วนคนขับแท็กซี่นั้นเห็นเขาหัวพาดออกมาจากรถ ตอนแรกก็คิดว่าตาย แต่สักพักเขาก็ผงกหัวขึ้นมาและชะโงกดู ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งในรถ จนตนโทรแจ้งกู้ภ้ย พอกู้ภัยและตำรวจมาคุมตัวออกไป เขาก็ไม่ได้ลงไปดูคนที่เขาชนเลยว่าเป็นอย่างไร




ตอนแรกตนก็ไม่ทราบว่า คนขับแท็กซี่ขับมาอย่างไร เร็วหรือไม่ เพราะตนอยู่หลังร้าน ส่วนเขาเมาหรือไม่ตนไม่ทราบเลยเพราะไม่ได้เข้าไปดูเขาใกล้ ๆ และเขาไม่ได้โวยวายอะไร กลับไปนั่งอยู่ในรถอย่างเดียว ส่วนพื้นที่ตรงนี้ก็เคยเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นทางตรง และรถขับกันไว

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าพูดคุยกับนายสายฝน อายุ 61 ปี พ่อของ น.ส.พรนภา ผู้เสียชีวิต เปิดใจกับทีมข่าวว่า ลูกสาวของตนเรียนจบมาก็ทำงานเป็นครูเลย และได้มาคบหากับแฟนเขาจนถึงตอนนี้ คบกันได้ประมาณ 15 ปีแล้ว จนมาเกิดเรื่องนี้ขึ้น




ตนก็ทราบมาว่า คนขับแท็กซี่เมามาก ตนเห็นรูปที่ตอนเกิดเรื่องแล้วก็รู้สึกเสียใจที่ต้องมาเสียลูกสาวและแฟนของลูกสาวไป ซึ่งตนก็รู้สึกว่ามันแรงเกินไป เรื่องมันก็เกิดจากความเมา ประมาทของแท็กซี่ ซึ่งหากเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ตนคงไม่ว่าอะไร แต่นี่เสียไปทั้ง 2 คน

ซึ่งตัวลูกสาวกับแฟนก็อยู่ด้วยกันมานาน และเก็บเงินตั้งใจว่าจะแต่งงานกันในปีนี้ แต่ก็มาจากไปด้วยกันทั้งคู่ ตนก็เสียใจมาก เพราะลูกสาวตนก็เป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ส่วนถ้าแท็กซี่อยากเข้ามาขอโทษ มาขอขมาตนก็โอเค มาได้หากสำนึกผิดจริง ๆ แต่ในส่วนของเรื่องกฎหมาย ครอบครัวตนและฝั่งของแฟนลูกสาวก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุดเช่นกัน

ว่าที่บ่าวสาวดับวันวาเลนไทน์ ถูกไอ้ขี้เมา ขยี้ร่าง พ่อช็อกสูญคนดี 2 อาชีพวิศวกร-ครู