จากเหตุการณ์ที่พบศพ นายเคียว เซย่า (KAYAW ZEYAR) อายุ 51 ปี ชาวสัญชาติเมียนมา นอนหงายจมกองเลือดอยู่กลางห้องพัก ของแมนชั่น ภายในซอยสุขุมวิท 4 ในสภาพใบหน้าบวมปูด ศีรษะแตก เลือดไหลออกจากปากและใบหู นอกจากนี้ภายในห้องยังมีร่องรอยการรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย ลูกบิดประตูด้านในถูกทุบจนหลุด ตัวใส่คีย์การ์ดหน้าห้องถูกรื้อออกเอาถ่านออก 2 ก้อน กันการเปิดประตูทั้ง 2 ด้าน นอกจากนี้ยังพบตู้เซฟขนาด 50×50ซม. สภาพใหม่เอี่ยมอีก 1 ตู้ กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ จึงยึดไว้ตรวจสอบ

 ซึ่งต่อมาทราบว่าคนร้ายเป็นชาย 2 คน คือ นายวิลเลี่ยมและนายจอห์น ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังอาคารแมนชั่นดังกล่าว พบว่าเป็นแมนชั่นนั้นมีจำนวน 2 อาคาร โดยอาคารที่เกิดเหตุจะอยู่บริเวณข้างในที่เป็นตึก A ซึ่งขณะที่ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามข้อมูล ทางด้านเจ้าหน้าที่ดูแลสถานที่ก็ไม่อนุญาตให้มีการสัมภาษณ์พนักงานภายในแมนชั่น พร้อมกับแจ้งว่าหากต้องการจะทราบข้อมูลให้ไปสอบถามตำรวจเพียงเท่านั้น

 

ไทม์ไลน์ก่อนเกิดเหตุ

วันที่ 13 ก.พ. เวลา 20.09 น. นายเคียว (ผู้ตาย) นายจอห์น และนายวิลเลี่ยม เดินออกจากโรงแรมแห่งหนึ่งย่านนานา ซึ่งเป็นจุดนัดพบ

จากนั้น 20.11 น. ทั้ง 3 คน พร้อมกระเป๋าเดินทางและเป้ เดินถึงหน้าแมนชั่นภายในซอยสุขุมวิท

20.13 น. ทั้ง 3 คน ขึ้นลิฟต์ไปบนห้องผู้ตาย ชั้น 23

20.30 น. ผู้ตายลงมาส่งนายวิลเลี่ยมด้านล่าง พร้อมกระเป๋าเดินทาง (ครั้งที่ 1)

20.50 น. ผู้ตายลงมารับนางเท เทวิน ขึ้นไปบนห้อง พร้อมกระเป๋าเดินทางและถุงกระดาษ 1 ใบ (ครั้งที่ 2)

 

21.05 น. ผู้ตายลงมาเอาของข้างล่างแมนชันเพียงคนเดียว เพื่อมารอรับนายวิลเลี่ยม (ครั้งที่ 3)

21.08 น. ผู้ตายและนายวิลเลี่ยมขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง

21.10 น. ผู้ตายลงมาข้างล่างอีกครั้ง และกลับขึ้นห้องเวลา 21.14 น. (ครั้งที่ 4) 

22.15 น. ผู้ตายและนายจอห์นลงลิฟต์ไปชั้น 1 และกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งเวลา 22.22 น. (ครั้งที่ 5)

22.33 น. นายวิลเลี่ยมและนายจอห์น ออกจากห้องผู้ตายพร้อมถุงกระดาษสีขาว 1 ใบ

 

22.35 น. นายวิลเลี่ยมและนายจอห์น เดินออกจากแมนชั่นผู้ตาย เลี้ยวขวาไปปากซอยสุขุมวิท 6 และข้ามถนนไปซอยสุขุมวิท 9

23.01 น. เท เทวิน กดลิฟต์ลงมาชั้นล่างเพื่อจะไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

หลักฐานชัด 12 นาที เวลาแก๊งเงินดำ ชิง 5 ล้าน

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งอยู่ห่างจากแมนชั่นดังกล่าวเป็นระยะทาง 120 เมตร โดยเป็นคลิปช่วงนาทีหลังจากที่นายวิลเลี่ยมและนายจอห์นได้ก่อเหตุทำร้ายนายเคียว (ผู้ตาย) และพยายามจะหลบหนี โดยในภาพเป็นวันที่ 13 ก.พ.67 เวลา 22.34 น. (กล้องเวลาช้า 5 นาที) จะเห็นว่านายวิลเลี่ยม นั้นได้วิ่งนำมาก่อน โดยที่ในมือนั้นได้หิ้วถุงสีขาวทึบใบใหญ่ จากนั้นนายจอห์น ก็ได้กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมาติด ๆ ซึ่งบางช่วงบางตอนนายจอห์นก็มีการพูดตะโกนไปยังนายวิลเลี่ยม แต่ไม่สามารถจับใจความได้ว่าพูดอะไร เพราะเสียงในกล้องวงจรปิดนั้นไม่ค่อยชัดเจน

 

เวลา 22.35 (กล้องเวลาช้า 5 นาที) กล้องอีกมุมหนึ่งก็จับภาพนายวิลเลี่ยมและนายจอห์นซึ่งกำลังวิ่งมุ่งหน้าออกไปยังสถานี BTS นานา

 

จากนั้นกล้องวงจรปิดบริเวณสถานี BTS นานา (ทางออก 3) ซึ่งมีระยะทางอยู่ห่างจากแมนชั่นที่เกิดเหตุ 500 เมตร ในเวลาเวลา 22.38 น. จะเห็นว่านายวิลเลี่ยม นั้นได้ถือถุงพลาสติกใบเดิมวิ่งลงมาจากบันไดด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน ส่วนนายจอห์น ก็เดินตามมาติด ๆ ด้วยท่าทีที่เรียบเฉยกว่านายวิลเลี่ยม

 

และต่อมาทั้งนายวิลเลี่ยมและนายจอห์นก็ได้เดินเท้าต่อมุ่งหน้าไปยังซอยสุขุมวิท 11

เค้นพยาน 1 เดียว เห็นนาทีฆ่าชิง 5 ล้าน

ขณะที่ต่อมาในช่วงบ่าย ชุดสืบสวน สน.ลุมพินี ได้เชิญตัวนางเท เทวิน หญิงสูงวัย ที่อยู่ในเหตุการณ์ แล้วอ้างว่าถูกตีหัวจนสลบ ที่ก่อนหน้านี้ถูกระบุว่าเป็น แม่บุญธรรมของ นายเคียว เซย่า (KAYAW ZEYAR) สัญชาติเมียนมา ที่เสียชีวิตมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม นาง เทเทวิน ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบและก้มหน้าเดินหนีผู้สื่อข่าว

 

ด้านนางเท เทวิน ให้ปากคำว่าตนโดนวิลเลี่ยมกับจอห์นต่อยเข้าที่หน้าจนสลบ เลยไม่เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น ซึ่งตนเห็นว่าวิลเลี่ยมกับจอห์นมีปากเสียงกัน หลังจากนั้นก็มาทำร้ายตน จนสลบไป พอฟื้นขึ้นมาก็เห็นว่านาย เคียว เซย่า เสียชีวิตแล้ว

 

โดยล่ามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาช่วยในการสอบปากคำ ตอบคำถามแทบเบื้องต้น ระบุว่า เทเทวิน หญิงรายนี้ ไม่ใช่แม่ และไม่ใช่ญาติของผู้เสียชีวิต แต่มีแม่ตัวจริงของผู้เสียชีวิตอยู่ต่างประเทศ โดยหญิงคนนี้เป็นเพียงคนรู้จักกับผู้เสียชีวิต ที่อยู่ในเหตุการณ์ และอ้างว่าถูกตีหัวจนสลบ ส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้เสียชีวิต

 

นายอู๋ (นามสมมุติ) หนึ่งในเอเจ้นท์ เผยว่า เมื่อช่วงต้นปี 67 ที่ผ่านมา ผู้ตายและพยานได้ติดต่อขอซื้อห้อง เนื่องจากลี้ภัยเข้ามา ประกอบกับอยากทำธุรกิจในไทย แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าธุรกิจใด โดยพยานอ้างว่ามีเงินสดเป็นจำนวนมาก พร้อมระบุแบบห้องที่ต้องการ แต่ด้วยความหวังดี ตนจึงแนะนำให้ลองเช่าอยู่ก่อนสัก 1 ปี โดยห้องนี้เป็นห้องที่ผู้ตายอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ส่วนพยานนั้นพักอาศัยย่านทองหล่อ แต่จะไปมาหาสู่ผู้ตายเป็นประจำ

 

ส่วนด้านการจ่ายค่าเช้าห้องนั้น ผู้ตายและพยานผลัดกันจ่ายค่าห้องดังกล่าว ซึ่งฝ่ายชายจ่ายตรงเวลา แต่ฝ่ายหญิง มักจ่ายไม่ตรงเวลา และขาดจ่ายไปบ้างบางเดือน ส่วนตัวตนคาดน่าจะมีปัญหาด้านการเงิน เพราะเคยมายืมเงินตนและเอเจ้นท์ของตน แต่ผู้ตายเคยเตือนตนไว้ว่าหากพยานมายืมเงินนั้น ไม่ต้องให้

 

ส่วนด้านธุรกิจที่พยานเคยบอกว่าจะมาหาทำในไทยนั้น ตอนแรกตนคิดว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการขายตรงเพราะวันที่ขนของเข้ามาอยู่นั้น มีของเป็นจำนวนมาก และทุกครั้งที่ตนไปที่คอนโดของพยาน มักจะเห็นนั่งจับกลุ่มอยู่กับชาวต่างชาติด้วยกัน ไม่ได้คิดถึงว่าจะทำอาชีพเงินดำนี้ ซึ่งตนพึ่งมาทราบเรื่องหลังจากนักข่าวมาถาม

 

ขณะที่ยังมีรายงานอีกว่า จากการประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทราบว่า ผู้เสียชีวิต เดินทางเข้าออกประเทศไทยแบบไปกลับทั้งหมด 52 ครั้ง โดยล่าสุดผู้เสียชีวิตเดินทางมาถึงไทย และลงที่สนามบินดอนเมือง เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567

 

ต่อมาทีมข่าวจึงเข้าไปสอบถามจากคนในละแวกดังกล่าว ทางด้านนายอุดม อายุ 50 ปี ได้เผยว่า เมื่อช่วงประมาณตี 3 ที่ผ่านมา ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์มาส่งภรรยาเปิดร้านขายหมูปิ้งข้าง ๆ แมนชั่นดังกล่าว ซึ่งตอนนั้นก็สังเกตว่าภายในแมนชั่นมีรถจอดอยู่ค่อนข้างเยอะ เมื่อมองเข้าไปก็พบกับรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถของ พฐ. ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้าไปดูเหตุการณ์ภายใน จนกระทั่งเทื่อช่วงสายที่ผ่านมาเพิ่งจะทราบเรื่องว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้น แต่เท่าที่ดูหน้าของผู้เสียชีวิต นายอุดมระบุว่าตนนั้นเคยเห็นหน้ามาก่อน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในละแวกนี้

 

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ยืนยันแล้วว่า ชื่อที่แท้จริงของ 2 ผู้ต้องสงสัย ตามพาสปอร์ต

คนที่ พยาน ระบุว่าคือ วิลเลี่ยม เป็นชาวแคเมอรูน เดินทางออกวันที่ 14/2/2024 เวลา 05:01:23 น.

ส่วนคนที่พยาน ระบุว่า คือ นายจอห์น เป็นชาวแคเมอรูน เดินทางออกวันที่ 14/2/2024 เวลา 05:01:53 น.

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางตุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นพนักงานนวดแผนไทยที่อยู่ติดกับแมนชั่นดังกล่าว เผยว่า กับผู้เสียชีวิตนั้นตนยืนยันว่าเคยเห็นเขาเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้ตักเป็นการส่วนตัวหรือเข้าไปพูดคุยอะไร ส่วนชายผิวสีต้องสงสัย 2 คน นั้นก็ยืนยันว่าเคยเห็นเช่นเดียวกัน เพราะทุกครั้งที่เขาเดินผ่านแถวนี้ก็จะเดินไปด้วยกัน 2 คน โดยที่คนหนึ่งจะมีศีรษะล้าน ซึ่งตนก็ยังคิดอยู่เลยว่าเขาน่าจะอาศัยอยู่แมนชั่นแถวนี้ แต่เท่าที่ดูเขาก็ปกติดีเหมือนนักท่องเที่ยวธรรมดา และส่วนตัวไม่ได้รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ เพราะตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุ เพียงแค่เห็นว่าเดินผ่านไปผ่านมาก็เท่านั้น

 

ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญขาการตำรวจนครบาล เรียกชุดสืบสวนคลี่คลายคดีประชุมแบ่งงานติดตามไล่ล่าผู้ก่อเหตุ

 

โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า เมื่อคืน 23.24 น. สน.ลุมพินีรับแจ้งเหตุพบศพที่แมนชั่นแห่งหนึ่ง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพจากนั้นแจ้งนิติเวช และพฐ.เข้ามาตรวจสอบ และที่เกิดเหตุพบ พยานอ้างว่า เสมือนเป็นแม่บุญธรรมของผู้ตาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำอยู่ เพราะพยานพูดไทยไม่ได้ พูดอังกฤษไม่ได้ จึงต้องใช้ล่ามแปล และกำลังสอบถามอยู่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในห้องดังกล่าวนั้น

 

จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว รวมถึงการไล่กล้องวงจรปิด พบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้นัดพบกับชาย2คนที่โรงแรมใกล้ๆ คือนายวิลเลี่ยม และนายจอห์น โดยมีการพูดคุยเจรจากัน จากนั้นทั้ง 3 คนได้เดินทางออกจากโรงแรมที่นัดพบ กลับมายังที่พัก และได้ขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องพัก

 

หลังจากนั้นตัวผู้ตายได้มาส่งผู้ต้องสงสัย คือ นายวิลเลี่ยม ลงมาข้างล่าง แล้วผู้ตายกลับมาพร้อมกับพยาน แล้วขึ้นไปห้องพักพร้อมกัน ซึ่งระหว่างนั้นก็มีผู้ต้องสงสัยชื่อนายจอห์น รออยู่ที่ห้องพักอยู่แล้วตั้งแต่ขึ้นไปพร้อมกันครั้งแรก แล้วสักพักผู้ตายก็ลงมารับนายวิลเลี่ยม ซึ่งไม่ทราบว่าไปไหนกันมา แล้ววิลเลี่ยมกับผู้ตายก็ขึ้นไปห้องพัก สรุปได้ว่า ช่วง 22.22 น. มี คนอยู่ในห้องพักทั้งหมด 4คน คือผู้ตาย พยาน นายจอห์นและนายวิลเลี่ยม

 

หลังจากนั้น 11 นาที เห็นนายจอห์น กับนายวิลเลี่ยม ลงลิฟต์มา แล้วออกหลบหนีไปทางสุขุมวิทซอย 6 ออกไปทางซอย 9 และซอย11 ซึ่งขณะนี้ ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวชายดังกล่าวทั้ง2คน เพราะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

จากการซักถามพยานให้การว่า ถูก2คนนี้ทำร้าย โดยการ บีบคอ และผลักจนสลบ แล้วมีภาพวงจรปิดเห็นว่า พยานหญิงรายนี้ ลงมาจากลิฟท์ 5ทุ่ม เศษ แล้วมาแจ้ง รปภ..ก็ไปเจอสภาพศพ นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุ ยังเจอกระเป๋าหนึ่งใบที่มีผง และกระดาษเป็นลักษณะรวมกันเป็นแท่ง อยู่ภายในห้องด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ว่า มีเหตุใดเกิดขึ้น แต่น่าเชื่อว่า เป็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท และมีการอ้างว่าทรัพย์สินในห้องพักหายไปประมาณ5ล้านบาทโดยจะขอสอบสวนปากคำพยานให้เสร็จสิ้นก่อน

และตอนนี้ได้ร่วมมือกับ สตม. และฝ่ายสืบสวนให้ บช.น. โดย ตม.ได้ตั้งระบบไว้แล้วว่าห้ามบุคคลต้องสงสัยตามภาพออกนอกประเทศ และสกัดทุกด่าน

 

ส่วนกระบวนการจะเป็นแก๊งเงินดำหรือไม่ ก็ขอให้กระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นก่อน

 

จากการสอบถามพยาน พบว่า ผู้ตายเดินทางมาทั้งหมด 52ครั้ง โดยอ้างว่ามาทำธุรกิจในเมืองไทย ไป-กลับ กรุงเทพจากย่างกุ้ง กรุงเทพไปฮานอย ด้วย และผู้ตายน่าจะมีการทำธุรกิจบางอย่างในเมืองไทย อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล และประสานสถานทูตพม่า ว่ามีประวัติอย่างไรบ้าง

 

ส่วนการเปิดเข้าพัก อยู่ระหว่างตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า มีการเปิดห้องพักนี้ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.โดยมีเอเจ้นท์เปิดให้ แต่ผู้ตายเข้ามาวันที่ 7 ก.พ. ส่วนนางเทเทวิน คนที่อยู่ในห้องที่เป็นพยาน เป็นญาติผู้ใหญ่ ไม่ใช่แม่ และคนละส่วนกับเอเจ้นท์ ทั้งนี้ที่เกิดเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบโดยละเอียด แต่สภาพในเบื้องต้นพบร่องรอยการต่อสู้

 

ส่วนคำให้การของพยาน ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่าเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะสภาพการถูกผลักหรือถูกทำร้ายแล้วทำให้สลบรวมถึงมีเหตุการตายเกิดขึ้น แล้วยังไม่รู้ตัว แต่มีการมาแจ้งหลังคนร้ายหนีไปแล้วครึ่งชั่วโมงจึงต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน โดยจะส่งพยานไปให้แพทย์นิติเวชตรวจร่างกายด้วย

ส่วนประเด็นว่าพยานมาอยู่ในห้องทำอะไรนั้น ต้องสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน

และจากการซักถามพยานอ้างว่า ผู้ตายทำการการกู้เงินจากต่างประเทศ มาทำธุรกิจกับ 2 คนที่ก่อเหตุนี้ เมื่อตำรวจมาเจอที่เกิดเหตุ เป็นเรื่องของ ‘เงินดำ’ จึงต้องทำการสืบสวนสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน

 

โดยสภาพที่เกิดเหตุมีการลากกระเป๋าที่มีผงใช้ทำเงินปลอม ซึ่งมีลักษณะของการปลอมแปลงเงินตราต่างประเทศ และจากการตรวจสอบมือถือของผู้ตาย มีภาพเงินดอลลาร์ด้วย

 

ทั้งนี้ที่พยานอ้างว่า ผู้ตายถอนเงินมาเก็บไว้ให้ห้อง 5 ล้านบาท และคนร้ายพยายามยื้อแย่งเงินจนเกิดการต่อสู้กัน แล้วพยานก็โดนบีบคอ แล้วผลักจนสลบไปแล้วผู้ตายถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

แก๊งเงินดำสังหารโหดนักธุรกิจ พยานแฉ 12 นาทีปลิดชีพ ฉก 5 ล้านบินซุกสิงคโปร์