กู้ภัยเริ่มงมหาเมียฝรั่งอีกครั้ง แต่ไร้เงาสามีสวิสฯ คนปัจจุบันสังเกตการณ์

วันที่ 28 ม.ค. 2567 ความคืบหน้าในความพยายาม น.ส.อรทัย ภรรยาของชายชาวสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับเงินมรดกจากสามีที่เสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ.2564 มากว่า 13 ล้านบาทไทย แล้วแต่งงานใหม่กับชายชาวสวิตเซอร์แลนด์อีกคน ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ประเทศไทยที่บ้านโคกแขวน หมู่ที่ 5 ต.เฉลียง อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ได้ประมาณ 2 ปีเศษ แต่มาหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา หลังจากที่เกิดมีปากเสียกับสามีใหม่ไม่ทันข้ามวัน

วันนี้นับเป็นวันที่ 20 แล้วที่ น.ส.อรทัย หายตัวไป ทางญาติได้ขอความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิกู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา นำกำลังชุดประดาน้ำมางมตรวจสอบสระน้ำข้างวัดโคกแขวน ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน อยู่หลังบ้านพัก น.ส.อรทัย ห่างไปประมาณ 200 เมตร โดยสระน้ำดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 5 ไร่ ที่ทางญาติสงสัยว่า หาก น.ส.อรทัย ถูกฆาตรกรรม ก็อาจจะถูกนำตัวมาทิ้งอำพรางศพที่นี่ได้ เพราะก่อนหน้านี้มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าลูกสาวถูก น.ส.อรทัย เข้าสิง แล้วบอกหมายเลขโทรศัพท์ญาติ เพื่อให้ช่วยติดต่อให้ทางครอบครัวช่วยงมค้นหาร่างที่ถูกยัดถุงดำถ่วงน้ำขึ้นมาโดยเร็ว เพราะตอนนี้ตัวเองหนาวและทรมานมาก รวมถึงยังมีร่างทรงอีกหลายร่างที่โทรมาบอกเรื่องราวในลักษณะเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางชุดประดาน้ำได้งมค้นหาสระน้ำบริเวณที่ญาติคาดว่าจะมีร่างของ น.ส.อรทัว อยู่ไปแล้ว 2 จุด พร้อมกับสูบสระน้ำไปแล้ว 1 สระแต่ก็ยังไร้วี่แวว

ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา ได้ใช้ชุดประดาน้ำ 5 ราย เริ่มดำน้ำค้นหาเมื่อเวลา 10.00 น. ท่ามกลางบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่มามุงดูเหตุการณ์ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และครอบครัวของผู้สูญหายนับร้อยชีวิต โดยทางชุดประดาน้ำได้ใช้วิธีดำหน้ากระดานค้นหาริมขอบสระน้ำโดยรอบ เพราะสระน้ำนั้นค่อนข้างกว้างไม่มีเรือ คาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ในขณะที่บรรดาญาติพี่น้องกำลังลุ้นระทึกกับการค้นหาร่างพี่สาว แต่ก็ไร้วี่แววของสามีชาวต่างชาติของผู้สูญหายซึ่งไม่ได้มาดูเหตุการณ์ในวันนึ้ หรือแม้แต่ตลอดระยะเวลาที่มีการค้นหา ส่วนใหญ่จะเก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านพัก จะออกจากบ้านเพียงแค่เวลาไปกินข้าวหรือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำเท่านั้น โดยเมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม และเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มเพื่อเก็บดีเอ็นเอไว้ประกอบแนวทางสอบสวนแล้ว