ที่ สภ.อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ในเช้าวันนี้ ได้มีการเรียกให้ผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 5 คนที่ก่อเหตุทำร้ายป้าบัวผัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครองอันดับ 1 ที่เป็นผู้ปกครองที่ดูแลและใกล้ชิดกับคนก่อเหตุมากที่สุด ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเอาผิดตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ให้เข้ามาเซ็นเอกสาร และส่งสำนวนไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว เพื่อให้ผู้ปกครองไปเสียค่าปรับ พร้อมทั้งไปยื่นเรื่องขอประกันตัวหลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหา โดยครอบครัวส่วนใหญ่ได้แอบใช้ประตูหนีไฟเข้าไปเพื่อเซ็นเอกสารกับทางร้อยเวร และเดินทางไปเองที่ศาล แต่มีเพียงครอบครัวของนายบิ๊ก เยาวชนอายุ 16 ปีเพียงครอบครัวเดียว ซึ่งมีพ่อเข้าไปภายในห้องสอบสวนเพื่อเจอกับร้อยเวรเจ้าของคดี โดยไม่ได้มีการหลบหนีสื่อ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายปอน (นามสมมติ) พ่อของนายบิ๊ก หนึ่งในคนก่อเหตุ เผยว่า ในวันนี้ตนเองทราบว่าทางร้อยเวรได้แจ้งเบื้องต้นว่า ให้มีการเตรียมเงินสำหรับค่าปรับจำนวนหนึ่ง และอาจมีเงินอีกจำนวนหนึ่งสำหรับประกันตัว ในคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งตนเองก็เตรียมเงินจำนวนหนึ่งแต่ไม่รู้ว่าเพียงพอตามที่ศาลมีการให้ยื่นเป็นหลักประกันหรือค่าปรับหรือไม่ หากไม่มีตนเองก็จะยอมติดคุก เพื่อที่จะรับกับการกระทำของลูกชายที่มีผลพวงมาถึงผู้ปกครอง เพราะตัวเองก็ทำใจยอมรับมาตั้งแต่ที่ทราบว่าลูกไปก่อเหตุแล้ว ว่าสุดท้ายแล้วคนเป็นผู้ปกครองก็ต้องร่วมรับผิดกับเหตุการณ์

ส่วนกรณีในวันที่ 25-26 มกราคม นี้ ที่มีการเบิกตัวกลุ่มเยาวชนคนก่อเหตุทั้งหมดและรวมถึงลูกชายของตนเองด้วย มาแจ้งข้อกล่าวหาต่อหน้าสหวิชาชีพภายในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากมีเด็กบางคนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ตนเองก็เข้าใจว่านายโก๊ะ อาจมีการก่อเหตุและวีรกรรมที่มากพอสมควร จึงพอรับได้ในระดับหนึ่ง แต่ตัวของนายแบงค์ซึ่งเป็นเพื่อนของลูกชายตัวเองก็ไม่คิดมาก่อนว่า จะเคยไปร่วมก่อเหตุกับนายวินหัวหน้าแก๊งตังค์ไม่ออกที่มีการฆ่าโยนทิ้งน้ำ ซึ่งตัวเองเพิ่งทราบว่า ตัวของนายแบงค์กำลังจะมีข้อกล่าวหาเพิ่ม จึงค่อนข้างตกใจ และในวันที่มีการขึ้นศาลเยาวชน ส่วนตัวคงไม่มีอะไรพูดกับลูกชายมากไปกว่าการพบเจอกันตามปกติ เพราะที่ผ่านมาได้มีโอกาสรับฟังและพูดคุยกันพอสมควรแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าในวันที่ 25 มกราคม ที่จะถึงนี้ ตัวเองจะมีโอกาสได้เจอกับลูกหรือไม่ เพราะถ้าหากวันนี้ไม่มีเงินประกันตัวหรือวงเงินจ่ายค่าปรับไม่พอ ก็จะต้องรับโทษตามกระบวนการหรือยอมติดคุก ก็อาจจะไม่ได้เจอลูก

ส่วนกรณีคลิปเสียงและแชตการสนทนาระหว่างของนายโก๊ะกับนายเชน ที่มีการให้ข้อมูลกับรุ่นพี่ในกลุ่มที่ไม่ตรงกัน โดยสังคมมองว่า  เป็นลักษณะของการโบ้ยให้กันนั้น ส่วนตัวมองว่าทั้งคู่คงจะเล่นเกมโยนกันไปมา คงไม่มีใครกล้ารับผิดเอง แต่ถ้าเทียบกับพฤติกรรมของคนที่ก่อเหตุมากที่สุดคือนายโก๊ะ ตนเองก็บอกว่านายโก๊ะน่าจะเป็นคนที่เป็นผู้กระทำและสั่งให้คนอื่นทำตาม แต่คนที่รองลงมาคือนายเชนลูกของตำรวจ เพราะนายเชนอาจทำตัวเป็นแบ็คเพื่อเคลียร์หรือให้การสนับสนุน ส่วนคนอื่นนั้นก็เป็นลักษณะแค่ลิ่วล้อที่ถูกสั่งและให้ทำตามเท่านั้น

ดังนั้นจากกรณีบทสนทนาของนายโก๊ะที่เป็นคลิปเสียง กับแชตของนายเชนที่มีการพูดคุยกับรุ่นพี่ ส่วนตัวจึงเชื่อน้ำหนักและความเป็นจริงจากเนื้อหาของแชตนายเชนมากกว่า เนื่องจากพฤติการณ์ทั้งหมดในแชตของนายเชนที่การคุยกับรุ่นพี่ ตรงกับสิ่งที่ลูกชายเคยเล่าให้ฟังตอนที่ตนเองไปเยี่ยมที่สถานพินิจ

แบงค์เปิดใจรับผิดฆ่าเด็ก 16 อ้างป้องกันตัว

นายแบงค์ เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น กลุ่มของตนเองไปกันประมาณ 6 คน ทุกฝ่ายของคู่กรณีบุกเข้ามาหาเรื่อง ซึ่งฝ่ายของตนเองก็พยายามหนี แต่ถูกฝ่ายคู่กรณีปาระเบิดใส่ก่อน ตนเองจึงได้มีการใช้อาวุธมีดตอบโต้กลับ ซึ่งคนที่ฟันนายยาวก็คือตนเองกับนายวิน ส่วนเพื่อนคนอื่นอีกบางคนก็ช่วยร่วมก่อเหตุแต่ไม่ได้มีอาวุธ และหลังเกิดเหตุตนเองยอมรับผิดและอยากจะขอโทษ และรู้สึกผิดมาก และที่สำคัญสิ่งที่ตนเองทำ ทำให้พ่อแม่เดือดร้อน

ตาไอ้แบงค์พร้อมนอนคุก เพราะจน ไร้เงินประกัน

ขณะที่นายพงษ์ ตาของนายแบงค์ เผยว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเคยให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ระบุว่า ยายของนายแบงค์คือคนที่เป็นคนดูแลหลานและเป็นผู้ปกครอง แต่ในวันนี้ตนเองตัดสินใจที่จะออกมารับผิดและรับในคดีแทนตัวของยาย เพราะเนื่องจากตนเองสงสารยาย จึงมีการรับเองว่าเป็นผู้ปกครองและเป็นคนดูแลนายแบงค์

ซึ่งการส่งศาลในวันนี้ ตนเองก็ได้ให้ญาติเตรียมเงินประกันและค่าปรับเอาไว้ส่วนหนึ่งแล้ว แต่หากไม่พอก็ยอมติดคุกตอนแก่ เพราะมันเกิดจากการกระทำของหลานที่ก่อเหตุไปแล้ว ตนเองจึงทำอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ยอมรับความเป็นจริง และพร้อมที่จะรับความผิดในฐานะผู้ปกครอง เนื่องจากหลานไปก่อเหตุฆ่าเขา

ส่วนกรณีที่ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ตนเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเพราะไม่เข้าใจในการแถลงข่าววันนี้ ซึ่งผิดก็ต้องว่าไปตามผิด เขามีหลักฐานมากแค่ไหนก็ให้เขาแจ้งเพิ่มไปตามนั้น และในวันที่ 25 มกราคมนี้ ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะได้เจอหลานหรือไม่ และหากได้เจอก็ยังคิดไม่ออกว่าจะคุยอะไรกัน