จากกรณีเมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 21 มกราคม 2567 ร.ต.อ.ปัญญพนธ์ แก้วปรีชากร ร้อยเวรสอบสวน สภ.สามโคก ได้รับแจ้งเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เหตุเกิดที่ตำบลเชียงรากใหญ่ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี หลังรับแจ้งเหตุ จึงรายงายให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

 

ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน บริเวณชั้นล่างพบโต๊ะวงเหล้า ใกล้กันเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตหญิง ทราบชื่อ นางสาวสุรีรัตน์ หรือหยก อายุ 40 ปี ได้ชันสูตรพลิกศพแล้วพบว่า มีบาดแผลถูกยิง รวม 4 นัด เข้าที่รักแร้ขวา 1 แผล ใต้ราว 2 แผล และใต้สะดืออีก 1 แผล นอนจมกองเลือด

ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บ เป็นสามีของผู้เสียชีวิต ทราบชื่อคือนายเอนก อายุ 53 ปี นอนร้องครวญ พบถูกยิงเข้าหน้าท้องและสีข้าง รวม 2 นัด เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู นำตัวส่งรักษาที่ รพ.ปทุมเวช โดยอาการสาหัส ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 4 ปลอก และหัวกระสุนอีก 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ร.ต.อ.ปัญญพนธ์ แก้วปรีชาแก้ว ร้อยเวรสอบสวน สภ.สามโคก ร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจ และชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและ ร่วมชันสูตรพลิกศพพร้อมกับแพทย์เวร จึงได้บันทึกภาพในจุดเกิดเหตุ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้เสียชีวิตนั้นได้มอบให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาสาเหตุการตายอีกครั้ง

ส่วนเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.สามโคก ขณะนี้กำลังติดตามจับกลุ่มคนร้าย ซึ่งทราบชื่อเล่นว่า “นายต่อ”  มาดำเนินคดีต่อไป และจะได้ประสานทางญาติๆ มารับศพนำกลับไปบำเพ็ญกุศล

ต่อมาทางด้านมือปื ได้ขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานี และให้ชุดสืบสวน สภ.สามโคก เดินทางไปรับตัวที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายโสพล (หรือต่อ) อายุ 41  ปี พร้อมด้วยรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีน้ำเงิน

สอบสวนเบื้องต้น สาเหตุที่ก่อเหตุรัวยิงฝ่ายหญิงเสียชีวิตนั้น เพราะมือปืนหลงรักฝ่ายหญิง และรู้ว่าฝ่ายได้เลิกรากับสามีไปนานแล้ว แต่ไม่ทราบว่าฝ่ายหญิงมีสามีใหม่ แต่เมื่อรู้ก็เลยเกิดความหึงหวง และตนเองเสียเงินกับผู้หญิงคนนี้ไปเยอะ แต่ไม่ทราบว่าฝ่ายหญิงมีแฟนใหม่แล้ว และเมื่อมารู้ก็เลยเกิดความหึงหวง ก่อเหตุยิงฝ่ายหญิงจนเสียชีวิตและแฟนใหม่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวนที่ซ่อนของปืนของกลาง

 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุทางผู้ต้องหากลับไปที่บ้านและได้ติดต่อขอมอบตัว โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดปทุมธานีไปรับตัว ซึ่งที่มาก่อเหตุยิงฝ่ายหญิงเสียชีวิตเกิดจากความหึงหวง และตนเองเสียเงินกับผู้หญิงคนนี้ไปเยอะ จึงได้มาก่อเหตุ ส่วนอาวุธที่มือปืนใช้ในการก่อเหตุนั้น อยู่ในระหว่างการสอบสวนอีกครั้ง โดยทางผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้พาไปทำแผนที่เกิดเหตุอ้างเกรงความไม่ปลอดภัย

ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดตัวเต็มที่ทีมข่าวได้มาวันนี้ ทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ จะเห็นว่า ในเวลา 06.13 น. ก่อนที่นางสุรีรัตน์ ผู้ตายจะออกไปงานแต่งของหลาน เจ้าตัวได้มีการออกไปเปิดประตูรอรถตู้ของนายโสพลผู้ก่อเหตุที่หน้าบ้าน จากนั้นประมาณ 1 นาที นายโสพล ก็ขับรถตู้เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน กระทั่งเมื่อรถจอด นายโสพล ก็มีการลงรถมาเปิดประตูรถให้กับนางสุรีรัตน์ และลูกของนางสุรีรัตน์ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปงานแต่ง ซึ่งเหตุการณ์ในช่วงเช้า ไม่ได้มีอะไรที่บ่งบอกว่านายโสพล จะกลับมาก่อเหตุ

 

จนกระทั่งเมื่อเสร็จจากงานแต่ง จะเห็นว่ารถตู้ของนายโสพล คนก่อเหตุ ได้มีการขับรถกลับมาที่บ้านของนางสุรีรัตน์ ผู้ตายในเวลา 13.49 น. ซึ่งเมื่อมาถึง ก็จะเห็นว่าญาติๆ ของนางสุรีรัตน์ ผู้ตาย ได้เดินลงมาจากรถแล้วก็เดินเข้าบ้าน แต่นายโสพล ไม่ยอมกลับ ซึ่งจะเห็นว่าเจ้าตัวพยายามจะมองว่ามีใครอยู่ในบ้านบ้าง จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านของนางสุรีรัตน์ ซึ่งภาพเหตุการณ์นี้จะเห็นว่าในระหว่างที่นายโสพลเข้าไปในบ้าน รถกระบะของนายเอนก ผู้บาดเจ็บ ยังไม่ได้ขับรถกลับมาจากงานแต่ง

จากนั้นในเวลา 15.51 น. ในขณะที่นายเอนก ยังไม่กลับมาที่บ้าน จะเห็นว่านายโสพลมีการพาลูกชายของนางสุรีรัตน์ไปซื้อของที่ร้านชำ ซึ่งวงจรปิดจุดนี้จะมีสองมุมที่สามารถจับภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ โดยจะเห็นว่า ตอนที่นายโสพล ไปซื้อเบียร์เจ้าตัวมีการทักทายกับเจ้าของร้านและคนที่มาซื้อของตามปกติ เหมือนกับเคยมาซื้อของที่ร้านนี้เป็นประจำ จากนั้นเมื่อซื้อเสร็จ ก็พาลูกชายของนางสุรีรัตน์ เดินกลับไปที่บ้าน

จนกระทั่งในเวลา 17.36 น. จะเห็นว่ารถกระบะสีแดงของนายเอนก ผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นผัวของนางสุรีรัตน์ ได้ขับเข้ามาจอดในบ้าน และจะเห็นว่ารถตู้ของนายโสพล ก็ยังจอดอยู่ที่หน้าบ้าน ซึ่งภาพเหตุการณ์นี้ จะได้ยินเสียงนายโสพลกับนางสุรีรัตน์ คุยกันว่าจะไปเที่ยว อบจ. จากนั้นระหว่างที่เดินไปหน้าบ้าน นายโสพลได้หันมาถามนางสุรีรัตน์ว่า จะให้มาป่ะเนี่ย แต่ยังไม่ทันถึงรถ ก็มีคนมาเรียกนางสุรีรัตน์ กลับเข้าไปในวงเหล้า ซึ่งไม่รู้ว่านายเอนก จะเดินตามมาได้ยินทั้งคู่คุยอะไรกันระหว่างที่เดินมาส่งกันขึ้นรถหรือไม่ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ซึ่งจะเห็นว่า หลังจากที่นายโสพลเดินไปอยู่บนรถ นางสุรีรัตน์ผู้ตายก็ยังเดินมาโบกมือให้กับนายโสพล แต่นายโสพลก็ยังไม่ยอมขับรถกลับไป ซึ่งจะเห็นว่าหลังจากนายโสพลไม่ยอมกลับ ทั้งคู่ได้มีการเปิดประตูรถมาคุยกัน แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งจะเห็นว่านายโสพลมีการตะโกนใส่นางสุรีรัตน์ แล้วก็มีท่าทางโกรธอะไรขึ้นมาสักอย่าง แต่จับใจความไม่ได้ว่าเขาคุยอะไรกัน สุดท้ายนายโสพล ก็ขับรถออกไป ซึ่งจะได้ยินเสียงนางสุรีรัตน์ ยังเดินร้องเพลงกลับเข้ามาที่บ้านอยู่เลย

 

จนกระทั่งผ่านไป 16 นาที ในเวลา 17.54 น. จะเห็นว่านายโสพลได้ขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาที่บ้านของนางสุรีรัตน์ เมื่อจอดรถเสร็จ ก็จะเห็นว่านายโสพลเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้าไปในบ้านของนางสุรีรัตน์ จากนั้นก็หายเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน

กระทั่ง ในเวลา 17.58 น. ก็จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 6 นัด พอยิงเสร็จนายโสพล ก็เดินออกมาตะโกนว่า กูหมดไปเยอะแล้ว จากนั้นก็พยายามขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ

 

ล่าสุด วันนี้ (22 ม.ค.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี  เนื่องจากตำรวจจะต้องนำตัวนายโสพล อายุ 41 ปี หรือนายต่อ ผู้ต้องหา ออกจากห้องขังมาสอบปากคำ แต่ปรากฏว่าก็ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เพราะนายโสพล ยังมีอาการเครียด ซึ่งตามข้อมูลหลังเกิดเหตุ นายโสพลพยายามที่จะยิงตัวตายตาม แต่เพื่อนในวงเหล้าเข้ามาแย่งปืนไปได้ก่อนที่นายโสพลจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ กระทั่งเข้ามอบตัวกับตำรวจ

ซึ่งบรรยากาศภายในห้องขังตั้งแต่ช่วงเช้า จะเห็นว่า ก่อนจะมีการสอบปากคำ ทาง ร.ต.อ.ปัญญพนธ์ แก้วปรีชาแก้ว ร้อยเวรสอบสวน สภ.สามโคก เจ้าของคดี มีการเข้าไปพูดคุยกับนายโสพลภายในห้องคุมขังเพื่อคลายความเครียด เนื่องจากเกรงว่านายโสพลจะตัดสินใจฆ่าตัวตายในห้องขัง โดยในเบื้องต้นทางตำรวจจะไม่มีการนำตัวนายโสพลไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะที่เกิดเหตุเป็นบ้านของผู้ตาย และต้องรอทนายเข้ามาร่วมสอบปากคำ

 

ขณะเดียวกันในเวลา 11.30 น. หลังจากทางร้อยเวร โทรศัพท์ไปแจ้งทางญาตินายโสพลถึงเรื่องอาการเครียด ทางนางเปี๊ยก อายุ 82 ปี เป็นย่าของนายโสพล พร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของนายโสพล จึงได้มีการเดินทางเข้าไปเยี่ยมนายโสพล ที่โรงพัก ซึ่งบรรยากาศเมื่อนายโสพลรู้ว่าญาติมาเยี่ยม เจ้าตัวก็ยังมีอาการเครียดอยู่อย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นจะมีบางช่วงบางตอน ที่ญาติๆ ถามกับนายโสพลว่าไปทำเขาทำไม แต่ปรากฎว่านายโสพลก้มหน้า และตอบคำถามกับญาติๆ ว่า ตัวเขาเองคบหากับนางสุรีรัตน์ ผู้ตายมาได้ระยะนึง ซึ่งก่อนจะเกิดเหตุมีการไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เนื่องจากนางสุรีรัตน์ทำงานเป็นพนักงานที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน และก่อนจะเกิดเหตุนางสุรีรัตน์ก็ยังไปนอนกับนายโสพล เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มกราคม และยังไปนอนกับนายโสพล ทุกสัปดาห์ แต่ช่วงหลังนางสุรีรัตน์ออกจากงานที่ร้านสะดวกซื้อก็เลยห่างๆ กัน

นางเปิ้ล (นามสมมติ) เป็นเจ้าของร้านเหล้าต้นมะขาม เปิดใจกับทีมข่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ตายและนายโสพลมาดื่มเหล้าที่ร้านเป็นประจำ แต่มาทีก็มาคนเดียว ซึ่งวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา ผู้ตายยังเคยพานายเอนกผู้บาดเจ็บมาร่วมวันเกิดตนเองที่ร้าน พอกลางดึกนายโสพลก็เข้ามาที่ร้าน แต่เท่าที่เห็นนายโสพลไม่รู้จักกับนายเอนกมาก่อน และก็นั่งดื่มเหล้าร่วมวงกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

ซึ่งที่ผ่านมา ส่วนตัวยอมรับว่า รู้มาตลอดว่าผู้ตายกับนายเอนกผู้บาดเจ็บเป็นผัวเมียกัน และยอมรับว่าที่ผ่านมาหลังจากเห็นนายโสพลมากับผู้ตายบ่อยๆ ก็ยังเคยถามกับเจ้าตัวว่าเป็นอะไรกัน แต่ผู้ตายก็บอกว่าเป็นเพื่อนกัน แต่พฤติกรรมที่เพื่อนๆ ในวงเหล้าเห็นมันไม่ใช่ เพราะทุกครั้งที่ทั้งคู่มาที่ร้าน เขาทั้งสองจะนั่งใกล้ชิดติดกันตลอดแต่ไม่เคยเปิดเผยกับใครว่าเป็นอะไรกัน

ส่วนตัวในฐานะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นเพื่อนในวงเหล้ากับผู้ตาย ก็รู้สึกตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันที่ผ่านมาผู้ตายเป็นคนสนุกสนาน และไม่เคยมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้เพื่อนๆ ในวงเหล้าฟังว่าเขาคบกับใครบ้าง และมีปัญหาอะไรมาก่อนหน้านี้

นางสาวสุจันยา อายุ 54 ปี เป็นพี่สาวของผู้ตาย และเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนที่นายโสพลจะเข้ารับน้องสาวไปร่วมงานแต่งของลูกสาวตนเอง ได้เดินทางไปเตรียมงานก่อนแล้ว ซึ่งก่อนที่ครอบครัวจะไปร่วมงาน น้องสาวเป็นคนรับอาสาที่จะหารถตู้พาญาติๆ ไปร่วมงานแต่ง กระทั่งไปติดต่อให้นายโสพล เอารถมารับญาติๆ ที่บ้านตามภาพในวงจรปิด แต่นายเอนกผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นน้องเขยไม่ได้นั่งรถไปด้วยโดยมีการขับรถตามไปภายหลัง และพอถึงงานเหตุการณ์ก็ปกติ เพราะทางครอบครัวไม่มีใครรู้มาก่อนว่านายโสพล เป็นอะไรกับน้องสาว

 

จากนั้นเมื่อเสร็จจากงานแต่ง ทุกคนก็กลับมาที่บ้าน โดยส่วนตัวเมื่อมาถึงบ้านก็ขึ้นไปนอน เนื่องจากเหนื่อยมาจากการจัดงานแต่งของลูก ส่วนน้องสาวนั่งดื่มเหล้ากันต่อกับเพื่อนๆ ที่ใต้ถุนบ้าน กระทั่งประมาณเกือบๆ จะ 6 โมง ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นชุดแรกก่อน 3 นัด จากนั้นก็รัวขึ้นอีก 3 นัด ด้วยความตกใจจึงวิ่งจากบ้านว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ปรากฏว่าพอลงมา เห็นนายโสพลเดินสวนออกมา แล้วก็สะบัดปืน โดยไม่รู้ว่าเขาพยายามจะใส่กระสุนปืนหรือเอาปลอกกระสุนปืนออก ก่อนจะโวยวายและหลบหนีไปตามภาพในวงจรปิด

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเสียใจมาก ที่ต้องมาเห็นน้องสาวจากไปต่อหน้าต่อตา ส่วนความสัมพันธ์ของน้องสาวยืนยันว่าน้องสาวกับนายเอนกผู้บาดเจ็บแต่งงานกัน และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาประมาณ 8 - 9 ปี

ส่วนนายโสพล ทางญาติไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นอะไรกับน้องสาว และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นนายโสพลเข้ามาหาน้องสาวที่บ้านมาก่อน จะให้พูดกี่ร้อยกี่พันครั้งก็ยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่เคยรู้ว่านายโสพลเป็นอะไรกับน้องสาว

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวอยากจะให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายโสพลให้ถึงที่สุด ไม่เชื่อว่ามันทำน้องสาวด้วยความรัก รักยังไงถึงยิงใส่ถึง 5-6 นัด ซึ่งการกระทำของเขา คนรักกันเขาไม่ทำกันแบบนี้ เป็นผู้ชายทำไมถึงทำกับผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้  

ส่วนอาการบาดเจ็บของนายเอนก น้องเขย ตอนนี้ยังอาการสาหัส น่าสงสารเพราะเขาไม่มีญาติ และมีเพียงลูกของเขาที่นอนเฝ้าดูอยู่ที่โรงพยาบาล ยืนยันหากจัดการเรื่องงานศพน้องสาวเสร็จจะไปเยี่ยม และทางครอบครัวก็จะไม่ทิ้งเขาอย่างแน่นอน

หนุ่มหึงโหดรัว 6 นัดฆ่าสาวสนิทเพิ่งรู้มีเจ้าของ เสียงชัดสุดแค้น "กูหมดมาเยอะ"