นางสายทอง อายุ 79 ปี พร้อมลูกสาวคนโตเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก กันจอมพลัง หลังถูก นายเฟิร์ส อายุ 19 ปี หลานชายทำร้ายร่างกาย ด้วยการใช้เหล็กแป๊บกระหน่ำตีตามร่างกายจนบอบช้ำ เย็บถึง 8 เข็มได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับข่มขู่ เพราะไม่พอใจที่ยาย ตักเตือนเรื่องพฤติกรรมการขโมยของและเปิดเพลงเสียงดัง เป็นเหตุให้ชาวบ้านเดือดร้อนรำคาญ แต่เมื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วคดีไม่มีความคืบหน้า จนยายต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่สามารถกลับไปอยู่บ้านได้เกรงจะไม่ปลอดภัย

ขณะที่ ยายสายทอง อายุ 79 ปี เปิดเผยว่า ตนเองพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับพี่สาวอายุ 80 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมอง อยู่กับลูกชายอายุ 29 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมองเช่นกัน และพื้นที่บ้านของตนเอง มีบ้านอีกหนึ่งหลัง ให้ลูกชายของตนเองอาศัยอยู่กับหลานชายคนเล็ก อายุ 19 ปี

 

ในวันที่เกิดเหตุ 9 มกราคม 2567 ตนเองให้หลานชายคนโตที่พิการทางสมองมายืมรถมอเตอร์ไซค์ไปหาหมอเพื่อไปรับยา แต่หลานชายคนเล็กมีอาการไม่พอใจ อารมณ์ฉุนเฉียว บอกว่าถ้าพี่ชายกลับมาจะฆ่าให้ดู ตนเองจึงบอกว่า รถของยายน้ำมันหมด รถของหลานก็มี แล้วรถหายไปไหน ตนเองยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหลานคนเล็กพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกาย โดยการต่อยตี ใช้เหล็กฟาด ใช้หินทุบจนตนเองสลบไป

จากนั้นตนเองตื่นมาอีกที พยายามใช้กำลังเฮือกสุดท้ายพยุงตัวเองขึ้น และวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านให้มาช่วย จากนั้นเพื่อนบ้านมาช่วยนำตัวตนเองส่งโรงพยาบาล ซึ่งร่องรอยบาดแผลของตนเองเต็มตัวไปหมด รวมถึงแขนข้างขวามีร่องรอยบาดแผลต้องเย็บ 8 เข็ม ตนจึงโทรหาลูกสาวอีกคนที่อยู่ จ.ชลบุรี

ตนเองเคยถูกหลานคนเล็กทำร้ายร่างกายมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ไม่หนักขนาดนี้ ครั้งนี้ตนเองแจ้งความที่ สภ.ท่าเรือ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ตนเองอยากให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด

ต่อมา ท่านธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสร็จภารกิจ ได้เดินมาให้กำลังใจคุณยายสายทอง ซึ่งท่านธรรมนัส ได้ให้กำลังใจคุณยาย และกล่าวว่า เรื่องแบบนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น จึงสั่งการนายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ช่วยเข้ามาช่วยเหลือคุณยายเป็นพิเศษ

 

พ่อของหลานวัย 19 ปี ที่ก่อเหตุตียายวัย 79 ปี ซึ่งเป็นย่า ยอมรับว่าเลี้ยงลูกไม่ดี แต่ลูกก็อยู่ในสภาวะเก็บกดถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกคนอื่น ไม่มีใครยอมรับ จึงควบคุมอารมณ์ไม่ได้

โดยต่อมาในช่วงบ่าย กันจอมพลัง ได้พา ยายสายทอง เข้าพบ พ.ต.อ.ปองภพ ประสบพิชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งไปเจอกับนายอัชฌานัทธิ์ พ่อของนายเฟิร์ส ผู้ก่อเหตุ จึงได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวยายสายทองและนายเฟิร์ส ซึ่งนายอัชฌานัทธิ์บอกว่า ที่เกิดขึ้นเพราะลูกชายเป็นเด็กเก็บกด และถูกกดดันแต่เด็กจากแม่ตนเอง ซึ่งไม่ค่อยยอมรับลูกชาย และเกิดอารมณ์โมโหหิวอยู่แต่กลับถูกย่าดุด่า ซึ่งลูกชายอารมณ์ร้อนอยู่แล้ว จึงควบคุมตัวเองไม่ได้ คว้าไม้ตีย่า ตนเองพยายามเข้าห้ามปรามแล้ว แต่อารมณ์ลูกชายรุนแรง ทำให้แม่ตนเองเจ็บหนัก ยอมรับว่าหนักใจเพราะตัวเองเป็นคนกลาง

หลังจากนั้น นายอัชฌานัทธิ์ พ่อของผู้ก่อเหตุ และเป็นลูกชายของยายสายทอง เปิดเผยว่า ส่วนตัวยอมรับผิดที่สอนลูกได้ไม่ดี ละเลยให้ลูกชายต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพราะตัวเองไปมีภรรยาใหม่ แต่ลูกชายมักถูกคำดูถูกและกล่าวหาว่าไม่ใช่ลูกตนเอง ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขตนเอง แต่ตนเองก็สอนมาตลอดว่าอย่างไรลูกก็เป็นลูกของพ่อและแม่ ส่วนแม่ของลูกชายเสียชีวิตไปตั้งแต่ 1 ขวบ พอตนเองมีภรรยาใหม่ก็ทิ้งลูกให้กลายเป็นเด็กมีปัญหา เร่ร่อน ทำให้ลูกชายเติบโตมากลายเป็นเด็กเก็บกด และวันเกิดเหตุแม่ตนเองได้ดุด่าขณะที่กำลังทำสีรถลูกค้ากันอยู่ ด้วยความโมโหหิวและถูกแม่ตนเองท้าทายจึงเข้าไปทำร้ายทันที ตนเองและคนอื่นๆ พยายามห้ามปราม ไม่ได้ปล่อย ยืนยันลูกชายไม่ได้เสพยาเสพติด แต่ยอมรับว่าที่บ้านต้มน้ำกระท่อมกินกัน แต่ไม่ใช่สาเหตุที่จะไปทำร้ายแม่ หลังจากนี้ก็จะพาลูกชายย้ายออกจากบ้านไป หากพี่สาวและแม่ไม่สบายใจ

 

หลังกัน จอมพลัง ได้พูดคุยกับพ่อผู้ก่อเหตุแล้วว่าจะยุติปัญหาด้วยการย้ายออกจากบ้าน พาลูกชายไปอยู่ที่อื่น และขอให้ลูกชายได้เข้ามากราบขมายายสายทอง ซึ่งทันทีนายเฟิร์สเข้ามา พร้อมกับพานธูปเทียนแพและพวงมาลัย ได้พูดขอขมายายสายทอง บอกว่าตัวเองเก็บกด และเปรียบตัวเองเป็นเหมือนกับเทียนที่เจอคนจุดไฟ ก่อนที่จะกราบเท้าขอขมานางสายทองผู้เป็นย่า

หลังจากนั้น พ่อผู้ก่อเหตุก็เข้าไปกราบเท้ายายสายทองขอโทษผู้เป็นแม่ แทนลูกชาย และร่ำไห้ออกมา ซึ่งยายสายทองได้รับพานธูปเทียนแพ และบอกว่าไม่มีอะไรจะพูดเพราะรู้สึกเหนื่อยแล้ว

ด้านกัน จอมพลัง ได้สั่งสอนนายเฟิร์ส ไปว่า อย่าเอาเรื่องครอบครัวไม่ครบมาอ้างที่จะไปทำร้ายใครอีก เพราะอย่างตนเองก็มาจากเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาก็สามารถเป็นคนดีได้ และหลังจากนี้ห้ามทำร้ายย่าหรือแม้แต่ใครก็ตาม เพราะตนเองจะไม่ปล่อยไว้แน่นอน

หลานทรพียิ้มร่า กราบเท้าย่าอ้างที่กระทืบคนแก่ดั่งชีวิตมีไฟเหมือนเปลวเทียน