พบหลักฐานใหม่แจ๊คเก็ตเปื้อนเลือดในป่า ปมฆ่าพนักงานปั๊ม

 

กรณีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2567 ล่าสุดทางตำรวจพบหลักฐาน ใหม่ เสื้อแจ็คเก็ต สีดำ มีรอยเปื้อนเลือด ทิ้งในป่า ฝั่งตรงข้ามถนนหน้าปั๊มน้ำมัน ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร เชื่อว่าอาจเป็นคนของร้ายที่ก่อเหตุ และทิ้งระหว่างหลบหนี จึงได้นำไปตรวจชันสูตร เทียบเคียงผลชันสูตรของสถาบันนิติเวช เพื่อเปรียบเทียบรอยนิ้วมือแฝง ของผู้ต้องสงสัย ทั้ง 3 ราย ที่มีการติดต่อกับ พนักงานม่ายสาว ก่อนตาย และมี 1 ในผู้ต้องสงสัย เป็นอดีตนากการเมืองท้องถิ่น

 

วันนี้ 4 มกราคม 2567 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังกระท่อมดังกล่าว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และเยื้องกับปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ ห่างจากปั๊มน้ำมันประมาณ 350 เมตร

 

จากการตรสจสอบ เถียงนาดังกล่าว พบว่ามีเสื้อผ้า และของใช้ วางอยู่ด้านบนเถียงนา คาดว่าจะเป็นของเจ้าของเถียงนาดังกล่าว ส่วนบริเวณรอบๆ จะมีถุงกระสอบใส่ขวดพลาสติก,กระป๋องเบียร์ ที่ผ่านการดื่มแล้ววางอยู่ในกรถสอบข้างๆ เถียงนา

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายยาว (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้เถียงนา ที่ตำรวจมาเจอเสื้อเปื้อนเลือด ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ตอนช่วงกลางคืน ตัวเองนอนอยู่ด้านในที่ทำงาน ที่ตัวเองรับจ้างเฝ้าที่ทำงานอยู่นั้น โดยที่ทำงานของตัวเองอยู่ฝั่งตรงข้าม เยื้องๆกับปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ และอยู่ใกล้กระเถียงนาที่ตำรวจ มาเจอเสื้อเปื้อนเลือดเมื่อวานนี้

 

ตัวเองขอยืนยันว่า ช่วงคืนวันที่เกิดเหตุนั้น (29 ธันวาคม 2566 ) ตัวเองไม่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน หรือเสียงปืนแต่อย่างใด เพราะตัวเองนอนอยู่ในห้อง มาทราบข่าวอีกทีก็ช่วงหลังเกิดเหตุแล้ว

 

ส่วนเมื่อวานที่ตำรวจ มาเจอเสื้อเปื้อนเลือด ที่เถียงนาหลังหนึ่ง ใกล้กับที่พักของตัวเองนั้น โดยเถียงนาดังกล่าว คือของนายลำไย ชาวบ้านน้ำผึ้ง จ.นครพนม เท่าที่ตัวเองสังเกต ช่วงกลางวันระยะ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเองก็ไม่ค่อยเห็นคนแปลกหน้า มานั่งที่เถียงนาดังกล่าว แต่ถ้าช่วงกลางคืน ตัวเองก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้ออกมาดู แต่ยอมรับว่าถนนเส้นหน้าปั๊ม และบริเวณเถียงนาดังกล่าวนี้ มีวัยรุ่นชอบขับรถมอเตอไซค์มาจอดเป็นประจำ

 

เจ้าของเถียงนาเผย เสื้อเปื้อนเลือดที่เจอ คือของหลานชาย แต่ไม่เกี่ยวกับคดีเด็กปั๊มโดนยิง

 

ขณะที่เวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านของนายลำไย เจ้าของเถียงนา ที่เจอคราบเลือด เพื่อสอบถามข้อมูล

 

ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับนายลำไย (นามสมมติ) เจ้าของเถียงนาที่ตำรวจ มาตรวจเจอเสื้อเปื้อนเลือด ซึ่งเจ้าตัวให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองไม่ได้ไปที่เถียงนาดังกล่าวมาหลายวันแล้ว แต่จำไม่ได้ว่ากี่วัน กระทั่งพึ่งไปเถียงนาครั้งล่าสุด ก็คือเมื่อวานนี้

 

ส่วนเสื้อลายสก็อตขาวดำ เปื้อนเลือด ที่ตำรวจเจอที่เถียงนาตัวเอง และนำไปเป็นหลักฐานนั้น ตัวเองขอชี้แจงว่า เป็นเสื้อของหลานชายวัย 17 ปีของตัวเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ ประมาณเดือนกว่า หลานชายตัวเองได้ไปเที่ยวงานหมอลำ และเจอคู่กรณีทำร้ายบริเวณศีรษะ จนศีรษะแตก เลือดจึงไหลเปื้อนเสื้อของหลานชาย จากนั้นภรรยาของตัวเอง ได้เอาเสื้อของหลานชายตัวดังกล่าว ไปที่นา ตั้งใจว่าจะเอาไปซัก แต่พอผ่านมาหลายวันก็ลืม จึงทิ้งเสื้อตัวดังกล่าวไว้ตรงนั้น และขอยืนยันว่าเลือดดังกล่าวเป็นเลือดของหลานชาย ไม่ได้เป็นของผู้ตายทั้งสองแต่อย่างใด

 

ส่วนขวดเบียร์ที่เจอบริเวณนาตัวเองนั้น คาดว่าน่าจะเป็นของนายยาว คนงานที่พักอยู่แถวๆนั้น เพราะที่ผ่านมา ก็เห็นมีนายยาว กับเพื่อนของเขา ที่ชอบไปนั่งเถียงนาตัวเอง ส่วนคนอื่นๆ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าใครไปนอนที่เถียงนาตัวเองบ้าง เพราะว่าตัวเองก็ไม่ค่อยได้ออกไปดู

 

ส่วนหยดเลือด ที่ตำรวจเจอบริเวณเถียงนาตัวเองนั้น ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นหยดเลือดมาจากไหน เพราะตัวเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ถึงเป็นหยดเลือดจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

 

โดยส่วนตัวก็เคยไปเติมน้ำมัน ที่ปั๊มจุดเกิดเหตุมาเหมือนกัน ซึ่งพนักงานผู้เสียชีวิตทั้งสองคน เค้าก็เป็นคนดีพูดจาดี ไม่เคยเห็นมีเรื่องทะเลาะกับใคร ยอมรับว่ารู้สึกตกใจที่พนักงานทั้งสองคนถูกฆาตกรรม

 

สัปเหร่อ เผยบอนดำทาปากศพ จี้คนร้ายสารภาพผิด

 

ด้านนายศักดิ์สิทธิ์ อายุ 51 ปี สัปเหร่อที่ใช้บอนดำ ทาปากศพนายพรหมจักร ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ตอนนั้นเป็นวันรับศพนายพรหมจักรมาถึงวัด แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้มาตัดเล็บนายพรหมจักร ผู้ตายไปด้วย หลังจากนั้นทางด้านแม่ของนายพรหมจักร ก็ได้ให้ตัวเองทำพิธีเอาบอนทาปากให้ผู้ตาย โดยตอนนั้นตัวเองได้ใช้ต้นบอนดำ มาตัดเป็นท่อนเล็กๆ ก่อนจะเอายางของบอน มาทาที่ปากผู้ตายแบบทวนเข็มนาฬิกาจำนวน 3 รอบ พร้อมกับท่องคาถา ตามแบบฉบับที่ตัวเองเรียนมา จากนั้นนายศักดิ์สิทธิ์ ก็ท่องคาถาให้ทีมข่าวดู ขณะสัมภาษณ์ และบอกว่า การทำพิธีดังกล่าว ฤทธิ์ของบอนดำจะช่วยให้คนร้ายคันปาก และยอมสารภาพผิดออกมา ภายใน 3-7 วัน ยิ่งถ้าใช้บอนดำ ยิ่งมีฤทธิ์แรง กว่าบอนชนิดอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาตัวเองก็เคย ใช้บอนดำทาปากคนตาย กรณีที่มีเหตุฆาตกรรม มาแล้ว ซึ่งคดีที่ผ่านมา ไม่นานตำรวจก็ตามจับคนร้ายได้ โดยพิธีกรรมดังกล่าว ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล

 

แม่พรหมจักร เผย ให้ สัปเหร่อเอาบอนทาปากศพ หวังคนร้ายคันปากสารภาพผิดออกมา

 

ด้านนางตุ่นคำ อายุ 63 ปี แม่ของนายพรหมจักร พนักงานหนุ่มชาวลาว ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้วันเผาศพลูกชายแล้ว ตัวเองก็อยากให้ลูกชายไปสู่สุคติ ส่วนเรื่องคดี ก็อยากฝากถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้จับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ซึ่งหากในอนาคตตัวเองได้เจอหน้าคนร้าย ก็อยากจะถามเขาว่า ถ้าลูกชายตัวเองทำไม

 

ซึ่งนายพรหมจักร เป็นลูกผู้ชาย คนเดียวของตน เป็นเสาหลักของครอบครัว และดูแลน้องสาว 2 คน ดูแลพ่อแม่มาตลอด ตอนนี้เหมือนตัวเองเสียเสาหลักไปแล้ว

 

แม่ของนายพรหมจักรผู้เสียชีวิตยังบอกอีกว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ตัวเองได้ให้สัปเหร่อ นำยางของต้นบอน มาทาปากลูกชาย ตาม ความเชื่อของชาวลาว เพื่อให้อย่างของบอน ไปทำให้ผู้ร้ายคันปาก และสารภาพผิดออกมา

 

ตร. เชิญตัวเด็ก 17 เจ้าของเสื้อเปื้อนเลือดสอบ โยงฆ่า 2 เด็กปั๊ม

 

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนสภ. เมืองนครพนม ได้เชิญตัวนายหนุ่ย วัย 17 ปี หลานชายของเจ้าของเถียงนา มาสอบปากคำ ที่ห้องสืบสวน โดยใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 30 นาที

 

หลังจากสอบปากคำเสร็จ ตำรวจได้พาตัวนายหนุ่ย (นามสมมติ)  อายุ 17 ปี  รีบขึ้นรถกระบะ ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถาม นายหนุ่ย เป็นจังหวะสั้นๆ เจ้าตัว ยอมรับว่า เสื้อลายสก็อตสีขาวดำ ที่เปื้อนเลือด ถูกพบบนเถียงนานั้น เป็นของเป็นของตัวเองจริง โดยเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว ตัวเองไปดูหมอลำ และถูกทำร้ายร่างกายบริเวณศีรษะ จนมีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก ทำให้เสื้อตัวดังกล่าวเปื้อนเลือดไปด้วย จากนั้นยายของตัวเองได้เอาเสื้อไปไว้ที่เถียงนา ตัวเองขอยืนยันว่า เลือดที่พบในเสื้อของตัวเอง ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับ เลือดของผู้เสียชีวิตของเด็กปั๊มทั้งสองแต่อย่างใด

 

น้องเขยเจ้าของปั๊ม เผย ที่ดินดังกล่าว เคยมีเหตุฆ่าชิงทรัพย์ มาแล้ว 5 ศพ

 

ด้านนายสมศักดิ์ อายุ 71 ปี น้องเขยเจ้าของปั๊ม ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนจะมีปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุนั้น แต่ก่อนเป็นโรงสีเก่า และพื้นที่เต็มไปด้วยป่า เมื่อประมาณ 50-60 ปีที่แล้ว ก็เคยมีเหตุฆ่าชิงทรัพย์มีผู้เสียชีวิตมาแล้ว 5 ศพ ทั้งหมดเป็นผู้ชาย ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้เป็นข่าว

 

สำหรับปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ ตัวเองเป็นหนึ่งคนที่ร่วมก่อสร้างมาตั้งแต่แรก โดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 7 เดือน ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็ไปนอนที่ปั๊มน้ำมันทุกวัน ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ผิดปกติอะไร กระทั่งมาเกิดเหตุ ฆ่าพนักงานปั๊ม 2 ศพ ล่าสุด ซึ่งตัวเองก็อยากให้ตำรวจจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็

ล็อกโจ๋ 17 มีเลือดหยดกระท่อม โต้ไม่รู้ 2 เด็กปั๊มใครทำ สื่ออึ้งคนร้ายล่องหนเพราะแบบนี้