จากกรณีเมื่อเวลาประมาณสองทุ่มของคืนวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายหลอนยาคลั่งใช้อาวุธมีดไปแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต แทงเจ้าที่ อส. ของอำเภองาวรวย คนร้ายเป็นชายได้ใช้อาวุธมีดแทงเข้าบริเวณลิ้นปี่ 1 แผล และบริเวณหน้าท้องอีก 1 แผล ซึ่งเป็นแผลฉกรรจ์ เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านพักของนายอำเภองาว หลังจากเกิดเหตุเพื่อน ๆ ที่เป็น อส.ด้วยกันได้นำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

เจ้าที่ตำรวจพะเยา สามารถจับกุมได้ในพื้นที่ของอำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา โดยคนร้ายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้เข้าพักรักษาตัวโรงพยาบาลในจังหวัดพะเยา ทราบชื่อคนร้ายต่อมาคือ นายนันท์ปวิธ อายุ 39 ปี เป็นคนจังหวัดเชียงราย

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว เบื้องต้นทราบว่า ช่วงเวลาประมาณทุ่มกว่าคนร้ายได้ขี่รถ จยย. มาจากเชียงราย เนื่องจากทะเลาะวิวาทกับภรรยา และได้จอดรถที่ด่านตรวจยาเสพติดนาแกของอำเภองาวเพื่อขอนอนพักค้างคืน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรขนาดนั้นไม่ยอมให้นอนพัก เนื่องจากไม่มีที่นอนจึงแนะนำให้ไปนอนพักที่ สภ.งาว



ขณะนั้นคนร้ายพูดจาวกวนไปมาคล้ายกับหลอนยา และแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนขับรถยนต์จำนวนสองคันไล่ติดตามเพื่อทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่เห็นว่าพูดคุยกันไม่รู้เรื่องจึงบอกให้ออกไปก่อนทำให้คนร้ายเดินข้ามถนนหน้า สภ.งาว ไปยังบ้านพักของนายอำเภองาวก่อนที่จะก่อเหตุใช้อาวุธมีดปลายแหลมที่พกติดตัวมาแทง อส. จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียเลือดมากก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

จากเหตุการณ์คลั่งยาในครั้งนี้มีผู้ถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด รวมทั้งหมด 7 คน เสียชีวิต 1 คน ซึ่งเป็น อส. ของอำเภองาว ซึ่งขณะนี้คนร้าย ยังนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่จังหวัดพะเยา หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วจะได้นำตัวส่งที่ สภ.งาว เพื่อสอบสวนปากคำเพื่อที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นภาพก่อนเกิดเหตุนาทีที่นายนนท์ปวิธได้เข้ามาขอนอนพักที่ด่านตรวจ แต่เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปนอนพักที่ สภ.งาว นายนนท์ปวิธ จึงขี่รถ จยย. ออกไป และไปก่อเหตุแทง อส. ในจุดที่ 1 ลานหน้าบ้านนายอำเภอ จากนั้นนายนนท์ปวิธได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดงขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป

ต่อมาเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดจุด 2 คือ สามแยกบ้านใหม่ ที่นายนนท์ปวิธ ได้ก่อเหตุชิงรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน สีเขียว ขณะจอดติดไฟแดงอยู่ ซึ่งจุดนี้มีระยะทางอยู่ห่างจากจุดที่ 1 ลานหน้าบ้านพักนายอำเภอ ประมาณ 1.3 กิโลเมตร ซึ่งพฤติกรรมการก่อเหตุ นายนนท์ปวิธนั้นได้ขี่รถ จยย. มาจอด แล้วเดินไปเปิดประตูรถกระบะพร้อมกับลากคอนายชลชาติผู้เป็นคนขับลงมา จากนั้นได้มีการใช้อาวุธมีดฟันไปที่หลัง แล้วก็ได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวหนีออกไป

ต่อมาเป็นจุดที่ 3 บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท.หนองเหียง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยนายนนท์ปวิธได้ขับรถกระบะที่ชิงมาจากนายชลชาติ และมีการพยายามจะสับเปลี่ยนรถโดยการวิ่งไล่ตามชิงรถคันอื่น แต่ไม่สำเร็จ จากนั้นจึงขับรถไปพุ่งชนกับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา พร้อมกับพยายามจะทำร้ายนายสุวรรณและแย่งชิงรถ แต่รถเกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ ทำให้นายนนท์ปวิธนั้นขึ้นรถกระบะคันเดินแล้วขับหลบหนีไป ซึ่งจะเห็นว่าทางด้านของนายชลชาติ ก็ได้ขี่รถ จยย. ตามมาเพื่อจะเอารถของตัวเองคืน



จากนั้นได้ขับรถออกจากปั้มน้ำมัน ปตท.หนองเหียง ขับหลบหนีไปจอดในจุดที่ 4 หน้าร้านเซเว่นอิเลฟเว่น สาขาปงเตา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเดิมประมาณ 6.7 กิโลเมตร และได้ใช้อาวุธมีดฟัน น.ส.ชุติกร พร้อมชิงเอารถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีเทา ขับหลบหนีไปทางจังหวัดพะเยา

เมื่อนายนนท์ปวิธ ได้ขับรถหลบหนีไปถึงจุดที่ 5 หน้า รร.ประชาราชวิทยา ซึ่งอยู่ห่างออกมา 3.8 กิโลเมตร ก็ได้เฉี่ยวชนกับรถยนต์กระบะอีก 2 คัน เสียหลักตกลงร่องกลางถนนได้รับความเสียหาย จากนั้นนายนนท์ปวิธก็ได้เข้าไปชิงรถยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร่ พร้อมลากตัวคนขับลงมาจากรถและใช้อาวุธมีดฟัน ก่อนจะขับหลบหนีไปก่อเหตุที่จังหวัดพะเยา ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีก 28 กิโลเมตร

ความคืบหน้าล่าสุดทีมข่าวได้สอบถาม นางสาวอาย หนึ่งในผู้เสียหายเจ้าของรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ เล่าว่า ขณะตนเองขับรถปาเจโร่จะไปทำธุระที่จังหวัดเชียงรายกับสามีตนเองและพบเห็นอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันจึงจอดรถลงไปดูหวังจะไปช่วยเหลือในเหตุการณ์ดังกล่าว

ปรากฏว่าระหว่างจอดรถและเปิดประตูลงไปนั้น ตนเองพบกับหนุ่มคลั่งรายนี้ หลังจากนั้นหนุ่มคลั่งใช้อาวุธมีดฟันเข้ามาที่ร่างกายตนเอง 5 ครั้ง ฟันไปทั้งตัวและฟันทั้งบริเวณต้นขา ซึ่งได้รับบาดเจ็บต้นขาเพียงเล็กน้อย และบริเวณต้นขานั้นก็ไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลแต่อย่างใด และหลังจากนั้นสามีตนเองที่นั่งอยู่ในรถก็เปิดประตูลงมาช่วยเหลือตนเอง

โดยมาต่อว่าหนุ่มคลั่งรายนี้บอกว่าจะมาทำร้ายภรรยาผมทำไม หลังจากนั้นหนุ่มคลั่งคว้ามีดฟันเข้าไปที่ใบหน้าของสามีตนเอง จนเป็นแผลยาวมีเลือดไหลเต็มใบหน้าและหลังและหนุ่มคลั่ง ขึ้นไปขับรถชิงรถปาเจโร่หลบหนีไป บนถนนสายลำปาง-งาว มุ่งหน้าไปทาง จ.พะเยา จากนั้น ตนเองก็รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว และกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือนำสามีตนเองไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลงาวดังกล่าว

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเองรู้สึกตกอกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่ สามีตนเองยังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลงาวลำปาง ส่วนตนเองก็ต้องเสียเวลาและต้องรอเคลียร์เรื่องคดีดังกล่าว หลังจากหน่มคลั่งทำร้ายตนเองและสามีแล้ว ก็ขโมยขับรถปาเจโร่ของตนเองหนีไปทางจังหวัดพะเยา ซึ่งขณะนี้ตนเองก็ได้แจ้งความลงประจำวันไว้ที่โรงพัก สภ.งาว ลำปาง เรียบร้อยแล้ว



ทางด้าน นายสมจิตร จุลเจริญ นายอำเภองาว ที่วันนี้ได้มาร่วมงานศพ เล่าให้ฟังบอกว่า เมื่อวานนี้ช่วงเย็นทีมงานของฝ่ายปกครองได้มาร่วมรับประทานอาหารที่บ้านพักนายอำเภอ กระทั่งเวลา 20.00 น. มีแขกที่มาร่วมงานเป็นผู้หญิงกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน พอออกไปที่ประตูบ้านก็เจอกับคนร้ายจอดรถจักรยานยนต์ขวางประตูอยู่ ท่าทางดูไม่น่าไว้ใจ แขกคนดังกล่าวจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านพักนายอำเภอ ไปบอกทีมงาน อส. ให้มาช่วยตรวจสอบ ตอนนั้นนายพิสิทธิ์และเพื่อนก็ออกมาดูและรีบเข้าไปควบคุมตัวคนร้าย เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไปทำร้ายประชาชนคนอื่น ระหว่างนั้นเองคนร้ายใช้อาวุธมีดแทง อส.พิสิทธิ์ สุดท้ายไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

นายสมจิตร เผยว่า สำหรับ อส.พิสิทธิ์ ได้ปฎิบัติหน้าที่เป็นอาสารักษาดินแดนมา 9 ปี และเป็นคนที่ช่วยเหลืองานของราชการได้อย่างดี จนตัวเองไว้วางใจให้มาขับรถให้ เมื่อวานนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุ อส.พิสิทธิ์ ยังไปปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจเพื่อเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อยู่เลย จึงถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่จะต้องเสียเจ้าหน้าที่น้ำดีไป 1 คน

สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของ อส.พิสิทธิ์ จะมีการพิจารณาเรื่องเงินบำเหน็จและสิทธิต่าง ๆ ให้กับทางครอบครัว เบื้องต้นจะมีเงินบำเหน็จในการดำรงชีพให้กับครอบครัวเป็นเงิน 200,000 บาท นอกจากนี้จะมีการประสานหน่วยงานราชการและเอกชนเพื่อระดมทุนช่วยเหลือครอบครัวของ อส.พิสิทธิ์ ต่อไป



ต่อมาทีมข่าวได้คุยกับ นางสิรินญากรณ์ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของ อส.พิสิทธิ์ (ผู้ตาย) โดยเธอเล่าให้ฟังบอกว่า เมื่อวานนี้มีงานเลี้ยงที่บ้านนายอำเภอ ซึ่งเธอก็อยู่ในที่เกิดเหตุนั่นแหละ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนตะโกนบอกว่า “สามีเธอโดนแทง” ตอนนั้นยอมรับว่าสติแทบหลุด จึงรีบวิ่งไปดูสามีแล้วก็ได้พยายามถามสามีว่า “ไหวไหม” ตอนนั้น อส.พิสิทธิ์ ก็พยักหน้าตอบแต่ท้ายที่สุดเมื่อไปถึงโรงพยาบาล สามีเธอก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยน้ำมือของคนที่เป็นทาสยาเสพติด

ที่ผ่านมา สามีปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมาดีโดยตลอด และสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว ที่ต้องดูแลลูกสาวอายุ 7 ปี และลูกชายอายุ 15 ปี ตอนนี้ครอบครัวก็ได้รับผลกระทบหนัก อาตตะต้องส่งลูกชายไปอยู่กับญาติคนอื่น ๆ เพราะด้วยภาระที่ตนต้องแบกรับคนเดียวหลังจากนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คงต้องให้ตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ตอนนี้ครอบครัวของตัวเองเป็นผู้สูญเสีย จึงอยากฝากถึงผู้ก่อเหตุหรือคนในลักษณะนี้ อยากให้มีสติเพราะตนไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครอีก

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเป็นประธาน และร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมศพ อส.พิสิทธิ์ ซึ่งตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้าน โดยคืนนี้เป็นคืนแรก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พบกับภรรยา ลูก 2 คน ของ อส. ที่เสียชีวิต และได้กล่าวให้กำลังใจ และแสดงความเสียใจ จากนั้นได้เข้าวางพวงหรีด และเคารพศพเพื่อไว้อาลัย โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้กล่าวยกย่อง ที่ได้ปฎิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี และอย่างเสียสละ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย จนเป็นประโยชน์ต่องานรักษาดินแดน

กระทรวงมหาดไทยจึงได้มอบเครื่องหมายรักษาดินแดนยิ่งชีพ เพื่อสดุดี และเชิดชู อส.ที่เสียสละชีพในครั้งนี้ โดยมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยกระทรวงฯ จะดูแลครอบครัวของ อส.ผู้สูญเสียครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งบรรจุ นางสิรินญาภรณ์ สิทธิชุม ภรรยาเข้าทำงานในตำแหน่ง อส. ต่อจากสามี และดูแลค่าเล่าเรียนของลูกทั้ง 2 คน ให้อยู่ในระดับสูงสุด



ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปคุยกับ นายชลชาติ หรือ เอ็กซ์ อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกผู้ก่อเหตุข่มขู่และลากตัวลงมาจากรถกระบะ โดยนายชลชาติโชว์บาดแผลที่หลังให้นักข่าวดู เป็นรอยมีดที่ผู้ก่อเหตุแทงเข้าไปที่หลังของเขา ในช่วงที่ฉุดกระชากกัน นายชลชาติเล่าให้ฟังบอกว่า เมื่อวานนี้ตัวเองและแฟนสาวออกจากบ้านเพื่อที่จะไปรับลูก แต่พอไปถึงบริเวณสามแยกไฟแดงบ้านใหม่ ระหว่างที่กำลังรอไฟแดงอยู่

จู่ ๆ รถของผู้ก่อเหตุก็ขี่มาขนาบข้าง ตอนนั้นตัวเองที่เป็นคนขับได้เปิดกระจกรถและไม่ได้ล็อกรถด้วยเนื่องจากเป็นรถรุ่นเก่า หลังจากที่ผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์มาถึง ได้บอกตนให้ลงจากรถและกระชากตัวลงมาจากรถ ตอนนั้นตนเห็นผู้ก่อเหตุถือมีดมาด้วยและพยายามเข้ามาข่มขู่ ตนจึงเข้าไปแย่งมีดจากผู้ก่อเหตุ ช่วงที่ตัวเองถูกสบัดจนล้ม จึงถูกผู้ก่อเหตุเอามีดมาฟันที่หลัง

หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขึ้นไปบนรถกระบะของตนและขับหลบหนีไป โชคดีที่ตัวเองมีสติจึงรีบขึ้นไปบนรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุ และขี่ตามหลังไปติด ๆ จนมาถึงปั๊มน้ำมัน ตนก็เห็นผู้ก่อเหตุพยายามเข้าไปแย่งชิงรถกระบะอีกคัน แต่แย่งไม่สำเร็จ สุดท้ายผู้ก่อเหตุก็มาขึ้นรถกระบะของตนอีกครั้ง ตอนนั้นตนไม่มีอาวุธป้องกันตัว จึงจำใจต้องเห็นผู้ก่อเหตุขับรถออกไปจากจุดนี้

นายชลชาติยังเล่าให้ฟังด้วยว่าก่อนที่ตัวเองจะออกจากบ้าน เหมือนมีลางบอกเหตุบางอย่าง คือสุนัขแม่ลูกอ่อนที่เลี้ยงไว้หอนส่งเสียงดังลั่น ซึ่งปกติสุนัขจะไม่ค่อยหอนลักษณะนี้ โดยส่วนตัวเชื่อว่านี่น่าจะเป็นการหอนเพื่อเป็นลางบอกกล่าวให้ตนนั้นป้องกันตัว ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต ตนจึงอยากให้ตำรวจดำเนินการกับผู้ก่อเหตุถึงขั้นประหารชีวิตไปเลย

ระทึกไอ้คลั่งหลอนยา ฟันคนกลางเมือง ชิงรถรวด 5 คัน อส. ดับ-ลูก 2 กำพร้า