หนึ่งในผู้ต้องสงสัยคดีชมพู่ เครียดชีวิตตกอับ

กรณีวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ได้มีนายวัชระ อุ่นพิมพ์ อายุ 35 ปี (ผู้ต้องสงสัย) เป็นคนต่างพื้นที่ ได้เดินผ่านถนนบ้านกกกอก กระทั่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกตำรวจคุมตัวไปสอบปากคำนั้น



วันนี้ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของนายวัชระ คนที่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีน้องชมพู่ เมื่อมาถึงที่บ้านหลังดังกล่าว แม่ของนายวัชระได้พาทีมข่าวไปที่บ้านของลูกชาย เพราะว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดประตูปิดหน้าต่างดงียบสงัด แต่ตัวของนายวัชระเก็บตัวอยู่ในบ้าน จนแม่ของนายวัชระ ต้องไปเรียกลูกชายที่หน้าบ้าน เพื่อให้ออกมาพูดคุยกับทีมข่าว

จากนั้นนายวัชระ ได้เปิดหน้าต่างออกมาคุยกับทีมข่าวช่อง 8 พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองยอมรับว่าตอนเกิดคดีน้องชมพู่ช่วงแรก ๆ ตอนนั้นตัวเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย ตัวเองรู้สึกเครียดหนักมาก เนื่องจากถูกตำรวจสอบนานถึง 3 วัน จนสุดท้ายตำรวจก็ได้ปล่อยตัวเองออกมา เนื่องจากตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการตายของน้องชมพู่ ส่วนวันที่น้องชมพู่หายตัวไปนั้น ตัวเองแค่เดินทางไปหาเพื่อนที่หมู่บ้านใกล้เคียงบ้านกกกอกเท่านั้น



ยอมรับว่า ชีวิตตอนนี้ลำบากมาก เพราะตั้งแต่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ตัวเองไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ทั้งที่ตัวเองก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ไปหมดแล้ว ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้



ด้านนางโสภา อุ่นพิมพ์ อายุ 55 ปี แม่ของนายวัชระ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนที่เกิดคดีน้องชมพู่ช่วงแรก ๆ ลูกชายตัวเองก็ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากวันที่น้องชมพู่หายตัวไป ลูกชายได้เดินาฃทางไปหาเพื่อนที่บ้านมะนาว หมู่บ้านใกล้เคียงบ้านกกกอก จนตกเป็นผู้ต้องสงสัย หลังจากนั้นลูกชายก็ได้แสดงความบริสุทธิ์โดยไปให้ปากคำกับตำรวจทุกวัน จนตำรวจได้ปล่อยตัวลูกชายออกมา ซึ่งหลังจากนั้นมาลูกชายก็เครียดหนักมาก จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ยอมออกจากบ้าน ขังตัวอยู่แต่ในบ้าน

ถึงแม้ตอนนี้ลุงพลถูกศาลตัดสินไปแล้ว ตัวเองก็รู้สึกเฉยๆกับคดีน้องชมพู่ เพราะถึง ลุงพลจะถูกศาลตัดสินไปแล้ว แต่อาการของลูกชายก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำลูกชายยังมาโดนภรรยาทิ้ง และลูกชายก็มีพูดแปลกๆว่า “แม่ ทำประกันไว้เยอะ ๆ นะ” ซึ่งตัวเองกลัวว่าลูกจะคิดสั้น จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ เพราะลูกชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ก่อนหน้าจะเกิดคดีน้องชมพู่ ลูกชายทำงานรับเหมาก่อสร้าง และรับจัดงานแต่งแต่ตอนนี้ลูกชายไม่ได้ทำงาน เพราะผลกระทบจากคดีดังกล่าว