ทีมข่าวของเรา ไปพูดคุยกับ นายวัชรินทร์ หรือ พ่อแบม พยานคนสำคัญ ในคดีน้องชมพู่ ในฐานะบุคคลที่เห็นลุงพลบริเวณตีนเขาภูเหล็กไฟ ใกล้กับกอไผ่หลังบ้าน

 

จนมาถึงวันนี้พ่อแบมยืนยันกับทีมข่าวของเราว่ายังยืนยันคำเดิมว่า ในวันที่ 11 พ.ค.63 เวลา 09.10-09.20 น. พบเห็นลุงพล ลงมาจากภูเหล็กไฟจริงๆ ซึ่งใส่เสื้อสีเทา

 

ในวันพรุ่งนี้ตัวเองก็จะเดินทางไปที่ศาลจังหวัดมุกดาหารด้วยเพื่อเริ่มฟังผลการตัดสินในคดีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะไปร่วมให้กำลังใจแม่น้องชมพู่ซึ่งเป็นผู้สูญเสีย

 

ก่อนแม้ตัวเองจะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารจากฝั่งลุงพลว่ามีการพูดเหน็บแนมตัวเองว่าถ้าหากว่าลุงพลป้าแต๋นถูกตัดสินมีความผิดในคดีนี้จริงตัวการสำคัญที่ทำให้เขาถูกตัดสินแบบนี้นั่นก็คือพ่อแบม พ่อแบมเองจึงรู้สึกว่าตัวเองอาจจะถูกหมายหัวเอาไว้แต่มาถึงจุดนี้เราก็ไม่กลัวอะไรแล้ว

 

แต่ยอมรับว่าหากพรุ่งนี้ผลการตัดสินออกมาว่าลุงพลกับป้าแต๋นผิดจริงก็กลัวในเรื่องของความปลอดภัยเพราะเคยถูกพูดเหน็บแนมเอาไว้ในประเด็นดังกล่าว

 

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ กล่าวว่า หากศาลตัดสินว่าทางลุงพลมีความผิดจริง หากจะทำเรื่องประกันตัวก็จะต้องดูว่าศาลตัดสินในความผิดใด ซึ่งมันจะมีในส่วนคดีพรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำคุก 15 ปี และก็จะมี ความผิดในฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา โทษคือประหารชีวิต ส่วนคดีอื่นก็จะเป็นเล็กๆน้อยๆในส่วนของการทำลายสภาพแวดล้อมศพก่อนชันสูตรพลิกศพ ก็จะต้องดูว่าศาลลงโทษหนักหรือไม่

 

ถ้าหากถูกตัดสินประหารชีวิต โดยทั่วไปศาลก็จะไม่ให้ประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนี เขาก็จะต้องยื่นศาลอุทธรณ์ต่อไป แต่ถ้าหาก เป็นความผิดโทษไม่หนักติดคุกสามปีหรือห้าปี เช่นในคดีพรากเด็ก ศาลก็อาจจะให้ประกันตัวก็ได้

 

และที่สำคัญชึ้นอยู่กับว่าทางอัยการ ตำรวจ พยาน แม่น้องชมพู่ ซึ่งเป็นโจทย์ร่วม จะยื่นคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันอีกครั้ง

 

แต่ถ้าหากทางศาลตัดสินว่าไม่ผิด ยกฟ้อง ลุงพลก็จะชนะคดี หากลุงพลจะฟ้องกลับ จะต้องมีหลักฐานว่าทางเจ้าหน้าที่มีการฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ นำสืบเท็จ ลุงพลถึงจะสามารถฟ้องกลับได้

 

แต่ส่วนตัวตนไม่คิดว่าลุงพลจะฟ้องกลับ เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว ก็คงจะจบกันไป โอกาสที่จะไปฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ นำสืบเท็จ มีน้อย

 

ส่วนถ้าจะให้ตนวิเคราะห์ว่าลุงพลจะชนะคดีนี้หรือไม่จากเท่าที่ตนทราบจากแหล่งข่าวมาส่วนตัวของตนแล้ว แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ทางด้านของฝั่งตำรวจ ก็มั่นใจว่าลุงพลจะต้องติดคุก อาจจะเป็นในคดีพรากเด็ก ส่วนคดีฆ่าคนตายโดยเจตนาคดีนี้อาจจะหลุดได้

ส่วนแหล่งข่าวทางลุงพลที่ตนได้มา เขาก็มีความเชื่อมั่นว่าเค้าจะชนะในคดีนี้แน่นอน เพราะไม่มีประจักษ์พยาน ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครรู้ว่าเอาเด็กไปเมื่อไหร่ และทำอย่างไร DNA ก็ไม่มี ที่เกิดเหตุก็ไม่มีใครเห็นว่าลุงพล อยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนเส้นผม เส้นขนต่างๆ ก็ได้มาโดยมิชอบ ได้มาภายหลัง เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างมีพิรุธไปหมด เขาจึงมั่นใจว่าลุงพลน่าจะชนะคดี

 

ตอนนี้ทางตัวโจทก์และจำเลยมองกันคนละด้านเลย ศาลก็ต้องมาชั่งน้ำหนักเอาว่าใครน่าเชื่อกว่ากัน

 

ซึ่งตอนนี้ตนมองว่าหากศาลตัดสินว่าลุงพลผิดหลังจากนี้ใครจะดูแลพญานาคให้เขา ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากลุงพล ป้าแต๋นติดคุกคู่ ก็จะมีปัญหาว่า วังพญานาคใครจะดูแล รวมถึงบ้านช่องของเขาที่สร้างมา เหล่าเอฟซีใครจะมาดูแลต่อหรือไม่

 

อีกประเด็นคือหากผิดจริงทางเอฟซี จะยังรักลุงพลป้าแต๋นอยู่หรือไม่ และยังมีคนไปกราบไหว้วังพญานาคอยู่ ก็ต้องรอติดตามกันอีกครั้งหนึ่ง

 

ทนายลุงพล-ป้าแต๋น ยันลูกความไม่ได้ทำผิด มั่นใจหลักฐาน"ลุงพล" ชี้ คืนนี้นอนหลับปกติ ลุ้นพรุ่งนี้ศาลตัดสิน

 

วันที่ 19 ธ.ค. 66 ที่ โรงแรมริเวอร์ฟร้อนท์ จ.มุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น จำเลยในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ พร้อมด้วยนายสุรชัย ชินชัย ทีมทนายความแถลงข่าว ก่อนศาลจังหวัดมุกดาหารนัดฟังคำพิพากษาในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.)

 

นายสุรชัย กล่าวว่า ตนในฐานะทนายความผู้รับผิดชอบคดี ยืนยันว่าลูกความของตนไม่ได้กระทำผิดและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เสียชีวิตของน้องชมพู่ในวันที่ 11 พ.ค. 2563 แม้แต่น้อย หลักในการต่อสู้ของคดีมีทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

 

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า จำเลยไม่มีเหตุจูงใจในการก่อเหตุทั้งเรื่องแย่งที่ดินทำกิน เรื่องชู้สาว หรือเรื่องทะเลาะวิวาท ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏในสำนวนนำสืบของพยานโจทก์ และข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่ปรากฏว่าพ่อแม่ของน้องชมพู่และจำเลยมีเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และยังมีความรักใคร่สามัคคีกันในหมู่ญาติ อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญทนายระบุว่าการตายของน้องชมพู่ ลุงพลและป้าแต๋นไม่ได้ประโยชน์โดยตรง เช่น กรมธรรม์ประกันชีวิต

 

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการต่อสู้คดีได้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผลชันสูตรน้องชมพู่มาหักล้างข้อกล่าวหาของโจทก์ เพราะไม่พบดีเอ็นเอของลุงพลในร่างชมพู่และกางเกงที่ชมพู่สวมใส่ และข้อเท็จจริงอีกหนึ่งอย่างคือเส้นผมที่อยู่ในรถลุงพล เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบว่าค้นจุดไหนบ้าง จึงมองว่าเป็นการได้วัตถุพยานไม่สุจริต

 

นายสุรชัย กล่าวต่อว่า การตรวจแบบซินโครตรอนเส้นผมก็ไม่มีรากผม จึงไม่สามารถตรวจดีเอ็นเอว่า เป็นเส้นผมของชมพู่หรือไม่ แต่สามารถตรวจได้แค่พิสูจน์สาแหรกฝั่งแม่ของน้องชมพูเท่านั้น นอกจากนี้ รถคันดังกล่าวเป็นรถที่ลุงพลและป้าแต๋นใช้เป็นประจำ เคยพาน้องชมพู่ไปเที่ยวหลายครั้ง และไม่เคยล้างรถเลย ที่สำคัญไม่พบการทำร้ายร่างกาย ไม่พบสารพิษและสิ่งแปลกปลอม รวมถึงอวัยวะเพศ มีเยื่อพรหมจารีสมบูรณ์ จึงเชื่อว่าลูกความของตนไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง

 

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า การไปเข้าเครื่องจับเท็จของจำเลยก็ไม่พบพิรุธแม้แต่น้อย และยังไม่มีพยานคนใดเห็นว่าจำเลยอุ้มน้องชมพู่ออกไปสักบ้าน ดังนั้น คดีนี้จึงถือว่าถือว่าไม่มีประจักษ์พยาน วันพรุ่งนี้เป็นวันฟังคำตัดสิน ศาลจะออกมาทิศทางใดก็พร้อมที่จะเคารพในคำพิพากษา

 

เมื่อถามว่าหากคดีเป็นบวกจะมีการยุติคดีหรือฟ้องกลับหรือไม่ ทนายความ ระบุว่า สู้กับเจ้าหน้าที่เอาตัวรอดก็เป็นบุญแล้ว จึงให้ข้อคิดกับลูกความว่าอาจเป็นวิบากกรรมหรือกรรมอย่างหนึ่งที่มากระทบครอบครัวและไม่ควรผูกใจเจ็บควรจะให้อภัย ที่สำคัญอยากเห็นชุมชนกกกอกมีความรักความสามัคคีกัน

 

หมอปลาลั่น ลุงพลยังคงแถเหมือนเดิม เชื่อคืนนี้เครียดจนนอนไม่หลับแน่

 

ทีมข่าวสอบถามนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา บอกว่า วันนี้ถือว่าเป็นรอบปี ที่มีโอกาสได้คุยกับบักพล หรือ ลุงพล แต่เขาก็เหมือนเดิม ลุงพลก็ยังคงแถเหมือนเดิมตามสโลแกน ความจริงไม่ต้องพูดเหมือนกันทุกครั้ง เพราะความจริงไม่ใช่บทสวดมนต์ ที่ต้องสวดให้เหมือนกัน

 

ซึ่งสิ่งที่ลุงพลบอกว่า ยังคิดถึงหมอปลาอยู่ ผมเองก็ไม่รู้ว่า ลุงพลกัดฟัน กัดลิ้นตัวเองพูดออกมาหรือเปล่า ก็ยังเป็นห่วงว่าเลือดมันจะออกทางลิ้นและปาก ก็เป็นห่วง หลังจากพูดเสร็จก็ขอให้ลุงพลไปหาหมอด้วย

 

ถ้าถามว่าอยากจะฝากอะไรถึงลุงพล หมอปลาบอกว่า พรุ่งนี้ตอนเข้าหลังจากลุงพลอาบน้ำเสร็จ ขอให้ไปกินอาหารที่ลุงพลคิดว่าอร่อยที่สุดให้อิ่ม และอยากฝากถึงเอฟซีลุงพลว่า เย็นวันนี้อย่าซื้อกาแฟให้ลุงพล เพราะตนเชื่อว่า ลุงพล น่าจะนอนไม่หลับ เดี๋ยวจะไปโทษกาแฟ เพราะที่แน่ ๆ วันนี้ลุงพลนอนไม่หลับอยู่แล้ว

 

โดยตนไม่มีอะไรจะฝากถึงลุงพลแล้ว เพราะมันเคยพูดกันไปหมดแล้ว แต่ก็พูดไม่รู้เรื่อง พูดไปเขาก็ไม่เชื่อ เช่นก่อนหน้านี้ บอกไปว่า ลุงพล อย่าเปิดรับบริจาค แต่ลุงพลก็เอารูปตนและครอบครัวไปเปิดรับบริจาค เมื่อตนรู้ก็โกรธ ก็เลยปิด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็บอกกับลุงพลตลอดว่า ลุงพลต้องเป็นลุงพล เพราะตอนแรกไม่มีใครเอาลุงพลเลย แต่วันนี้สิ่งที่ทุกคนเห็น มันเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปจนไม่ใช่ลุงพลคนนั้น คนที่พูดครับ แล้วพยักหน้า คนนั้นไม่อยู่แล้ว

 

สุดท้าย ก็อยากจะบอกกับลุงพลว่า ถ้านอนไม่หลับ ก็พยายามหลับตาให้เก่ง อย่างที่เราพูดว่า “ไม่เครียด” แต่ตนไม่เชื่อว่าลุงพลไม่เครียด เพราะวันนี้ขนาดโฟนอินก็เห็นว่า ลุงพลสั่นไปทั้งตัว

 

ด้าน พี่อุ๊บ วิริยะ วันนี้เดินทางมาพักค้างแรมอยู่ที่บ้านกกกอก นอนที่บ้านป้าถอน เพื่อเตรียมที่จะเดินทางไปให้กำลังใจ แม่น้องชมพู่ที่ศาลจังหวัดมุกดาหารในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้

 

ซึ่งวันนี้จริงๆแล้วพี่อุ๊บติดถ่ายภาพยนตร์ที่จังหวัดศรีสะเกษแต่ด้วยความที่อยากจะมาบ้านกกกอกและให้กำลังใจแม่น้องชมพู่จึงยอมนั่งรถมานานกว่า 6 ชั่วโมงเพื่อมาที่บ้านกอกแห่งนี้

 

พี่อุ๊บ วิริยะบอกว่า ตอนนี้ตัวเองเคยพูดไว้อย่างไร คงเป็นอย่างนั้นเพราะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายที่บ้านกกกอก

 

ส่วนพรุ่งนี้ผู้ต้องหาในคดีนี้จะได้รับโทษทางกฎหมายหรือไม่นั้น พี่อุ๊บบอกว่ามีคำตอบอยู่ในใจว่ามงจะลงที่ใคร แต่เชื่อว่าตำรวจเก่งหาพยานหลักฐานนำไปสู่การจับกุมคนร้ายที่ทำผิดทำให้น้องชมพู่เสียชีวิตได้อย่างแน่นอน

พ่อแบมท้าชนลุงพลเจอในศาล มั่นใจมีคนนอนคุก "เดชา-ทนายลุง" ชี้ถ้ารอดมีคนซวย