จากกรณี สภ.พระประแดง ได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลบางจาก ว่ามีเด็กหญิง วัย 2 ปี 2 เดือน เสียชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ที่ห้องเก็บศพ พบร่าง เด็กหญิงธนพร (น้องโฟกัส) อายุ 2 ขวบ 2 เดือน ตรวจสอบสภาพศพพบมีร่องรอยเขียวช้ำตามลำตัว และใบหน้าปูดบวมเบ้าตาทั้งสองข้างเขียวช้ำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้มูลนิธินำร่างส่งสถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริง โดยบ้านที่เกิดเหตุ พบมีนางสาวเเพรวา อายุ 19 ปี แม่ของเด็ก นายฤทธิพร อายุ 21 ปี พ่อเลี้ยง รวมถึงนายวีรยุทธ อายุ 16 ปี พี่เลี้ยงเด็ก ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสืบสวนว่าใครกันแน่อยู่กับเด็กเป็นคนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต นั้น



ล่าสุด (18 ธ.ค 2566) ทางด้าน ร.ต.ท.หญิง ปัณณภัทร์ คุ่มเคี่ยม รอง สว(สอบสวน) สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้นำตัว นายฤทธิพร อายุ 21 ปี (พ่อเลี้ยง) ผู้ต้องหา ทำร้ายผู้อื่นเป็นเกตุถึงแก่ความตาย ส่งศาลอาญาจังหวัดสมุทรปราการ เป็นฝากแรกเวลา 12 วัน กำหนดโทษ จำคุกตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี ขณะเดียวกันได้มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณกว่า 10 คน ได้เข้ามารุมทำร้ายและประชาทัณฑ์นายฤทธิพร พ่อเลี้ยงที่ทำร้ายน้องโฟกัสถึงขั้นเสียชีวิต โกรธแค้นแทนครอบครัวแม่น้องโฟกัส ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังคุ้มกันและรีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาและรีบนำตัวขึ้นรถไปส่งศาลอย่างรวดเร็ว

นายฤทธิพร อายุ 21 ปี อยากจะบอกว่าตนเองรักลูก และยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นคนทำร้ายลูกแต่เป็นพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงทำร้ายน้องได้ยินเสียงดังแอ๊ก จากนั้นตนเองจึงลุกขึ้นไปดู จึงเห็นว่าลูกอ้วกและหยุดหายใจตนเองจึงเอาลูกไปเข้าห้องน้ำล้าง โดยล้างตัวลูกปกติ โดยตนเองยอมรับว่าตีลูกโดยใช้สายยาง ในห้องน้ำเพียงเบา ๆ และจากนั้นก็เตะเพียงเบา ๆ ที่ทำเพราะรักบอกลูกแล้วครับว่าเป็นการสั่งสอน ไม่ได้ตีเพราะความโมโห ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่าเคยตีลูกแต่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง อยากบอกว่ารักลูกมากรักเหมือนลูกแท้ ๆ ภรรยาของตนเองก็รักและไม่โกรธ ซึ่งตนรักทั้งคู่ สุดท้ายนี้ตนเองยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำให้น้องเสียชีวิต และยืนยันว่าผู้ที่ทำให้น้องเสียชีวิตคือ พี่เลี้ยงที่อายุ 16 โดยไม่รู้ว่าทำอย่างไรเพราะเรานอนห่างกัน ที่นอนเพราะต้องรีบตื่นไปรับเมีย และในคืนนั้นตนเองยอมรับว่าไม่ได้เมา



จากการสอบถามนายวีรยุทธ อายุ 16 ปี (พี่เลี้ยง) มาเลี้ยงน้องโฟกัสมาแล้วประมาณ 2 เดือน เราไปอยู่บ้านเขาเลย เซ็งตนเองรู้จักทั้งพ่อและแม่ แม่คือแม่แท้ ๆ ส่วนพ่อคือพ่อเลี้ยง คือสาเหตุเนื่องจากตอนพ่อเขากลับมา แล้วน้องเขาอึใส่ แล้วคำโมโหเขาก็เลยอุ้มน้องไป เข้าห้องน้ำ แล้วก็ไปตีน้องในห้องน้ำ โดยใช้สายยางตี โดยเป็นแผลเต็มตัวส่วนเบ้าตาอันนี้น้องเขาวิ่งตามผม แล้วเขาก็ไปดึงสายไฟ ส่วนหน้าไปโดนหัวชาร์จแบต ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อเขาตีบ่อยอยู่ สาเหตุมาจากความจนและดื้อ ส่วนตนเองก็ตีบ้างโดย ตีด้วยมือเปล่าๆ บางครั้งก็เอามาให้ขู่ไม้ก้านมะยมและกิ่งไม้ทั่วไป เพียงขู่เฉยๆ แต่วาระสุดนี้เป็นพ่อเขาทำ

จากการสอบถามบังริด อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า วันที่เกิดเรื่องประมาณตี 2 ตนได้ยินเสียงเด็กร้อง และได้ยินเสียง ตุ้บ ตอนแรกตนก็คิดว่าแม่เด็กกับนายฤทธิพร พ่อเลี้ยงเด็กทะเลาะกัน ตนจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่ตนก็มานึกขึ้นได้ว่าแม่เด็กออกไปทำงานไม่อยู่บ้าน แล้วตัวนายฤทธิพร พึ่งกลับมาจากงานเลี้ยง พอสักพักนึงนายฤทธิพร ได้มาเคาะประตูเรียกแม่ของเขา ตนจึงออกมาดูด้วย แม่ของนายฤทธิพร ก็ได้วิ่งออกไปดู ตนก็เห็นเขาอุ้มเด็กออกมาตัวเปียกหมด และไม่ใส่เสื้อผ้าอะไร

ตนก็สงสัยว่าทำไมเด็กผู้หญิงถึงตัวเปียกไม่ใส่เสื้อผ้า โดยมีคนเลี้ยงเป็นผู้ชาย ตนจึงได้ถามนายวีรยุทธ หรือนิค อายุ 16 ปี พี่เลี้ยงของเด็กว่าไปทำอะไรเด็กทำไมเด็กเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วเขาบอกว่าเด็กมันอ้วกมันอุจจาระ จึงล้างตัวทำความสะอาด ตนก็เลยไม่ได้อะไร



สักพักก็เห็นเด็กไม่หายใจตายแล้ว ตนจึงได้บอกให้รีบพาเด็กส่งโรงพยาบาล นายฤทธิพร พ่อเลี้ยงเด็ก กับนางสาวจุฑาพร การพงศศรี อายุ 44 ปี แม่ของนายฤทธิพร จึงได้รีบพาเด็กส่งโรงพยาบาล แต่หมอก็บอกว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว หมอตรวจแล้วก็พบว่าเด็กช้ำในทั้วตัว

โดยที่ผ่านมาตนก็เคยเห็นนายฤทธิพร ตีเด็กบ้างบางครั้ง แต่ที่เห็นบ่อยคือนายนิค พี่เลี้ยงเด็ก จะเห็นเขาทำร้ายร่างกายเด็กบ่อยๆ จนลุงแถวบ้านต้องด่านายนิคว่าอย่าทำอีก ถ้าทำจะเตะนายนิค เขาก็เลยเลิกทำไปช่วงนึง แต่ก็กลับมาทำอีก

ส่วนที่เกิดเรื่องนี้ตนก็ไม่แน่ใจว่านายฤทธิพร หรือนายนิคเป็นคนทำเด็กกันแน่ เพราะเขาเป็นคนที่อยู่กับเด็กก่อนที่เด็กจะเสีย แต่ส่วนตัวตนคิดว่าอาจจะเป็นนายนิคทำ เพราะตอนที่เกิดเรื่องนายฤทธพร เมา และนอนอยู่ แต่ตนก็ไม่ได้มั่นใจ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น

ตัวนายนิค เป็นเด็กที่อยู่แถวนี้ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน แต่ทางพ่อเลี้ยงกับแม่เด็ก น่าจะสนิทกับนายนิค จึงได้จ้างมาดูแลเด็กเดือนละ 3,000 บาท มาอยู่ได้ประมาณ เดือน สองเดือนได้ เพราะพ่อเลี้ยง กับแม่เด็กออกไปทำงานกลับดึก เด็กจึงจะอยู่กับนายนิคเป็นส่วนใหญ่



เปิดภาพกล้องวงจรปิดหลังเด็กตาย ผู้ต้องหากับแม่ ได้พาเด็กส่งโรงพยาบาล

โดยทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบภาพหลังจากที่เด็กเสียชีวิตแล้ว นายฤทธิพร ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเด็ก และแม่ของเขา อุ้มเด็กขึ้นรถจักรยานยนต์ ออกไปส่งโรงพยาบาล ในเวลา 02.04 น.

ด้าน นางสาวเเพรวา อายุ 19 ปี แม่ของน้องโฟกัส เผยว่า ตอนนี้ตนยังไม่ปักใจเชื่อว่าใครเป็นคนทำลูก ตนยังไม่เชื่อคำพูดของใครทั้งตัวนายฤทธิพร สามีและตัวนายวีรยุทธ หรือนิค อายุ 16 ปี พี่เลี้ยงเด็ก ตนเป็นกลางอยู่ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ตนมั่นใจว่ามีคนทำร้ายลูกตนแน่แน่เพราะหากไม่มีคนทำร้ายลูกตนจะตายได้อย่างไร

ซึ่งหากผลการสืบสวนออกมาแน่ชัดแล้วว่าใครเป็นคนทำไม่ว่าจะเป็นตัวสามีของตนเองหรือพี่เลี้ยงยืนยันว่าตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

โดยตัวนายนิค พี่เลี้ยงที่อายุ 16 ปี ตนรู้จักเขามาได้สักพักก็เป็นเพื่อนเที่ยวเล่นกัน จึงได้ให้เขามาช่วยอยู่เลี้ยงลูก สนิทกันในระดับหนึ่ง ลูกหนูเขาติดพูด แม่นิกตีหนู โดยน้องโฟกัสพูดแบบนี้ทั้งวัน แล้วจะไม่ให้หนูคิดได้อย่างไรว่าไม่ใช่พี่เลี้ยง บางทีน้องก็พูดว่าแม่ดูป๊าสิป๊าทำหนูอีกแล้ว หนูก็ไม่ได้เข้าข้างใคร ส่วนความคิดที่ว่าพี่เลี้ยงและพ่อเลี้ยงเด็กร่วมมือกันหรือไม่นั้นก็อาจจะเป็นไปได้ เมื่อเช้าหนูก็มาแล้วถาม น้องนิคหรือพี่เลี้ยงไปว่า เมื่อมึงเห็นมันทำทำไมมึงไม่ห้าม พี่เลี้ยงบอกว่าถ้าผมห้ามผมก็โดนด้วย มึงโดนด้วยมึงก็ยังสู้ได้ ลูกหนู 2 ขวบมันจะช่วยอะไรได้ โดยส่วนตัวมองว่าพี่เลี้ยงและพ่อเลี้ยงสนิทกันเนื่องจากเขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยากให้น้องกลับมาเกิดอีกครั้ง และแม่ขอโทษด้วยที่ดูแลหนูได้แค่นี้ ถ้าลูกยังอยู่ในวันนี้ลูกหนูน่าจะเตรียมเข้าโรงเรียนแล้ว



นางสาวจุฑาพร อายุ 44 ปี แม่ของนายฤทธิพล ผู้ต้องหา เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า วันที่เกิดเรื่องนั้นตนได้ยินเสียงลูกชายของตนมาเคาะประตูเรียกตนแล้วบอกว่าให้ออกมาหน่อย น้องโฟกัสอ้วก และนิ่งไป ลูกตนจึงได้เขย่าตัวเด็กดู แต่เด็กก็นิ่ง คนข้างบ้านจึงบอกให้พาเด็กไปโรงพยาบาล ตนกับลูกจึงได้รีบขี่รถจักรยานยนต์พาเด็กออกไปโรงพยาบาล

โดยก่อนที่ลูกจะมาเคาะห้องตนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เพราะตนหลับ โดยช่วงประมาณ 19.00 น. ก่อนที่จะเกิดเรื่องตนได้ไปรับเด็กมาเล่นที่บ้านตน เพราะแม่เด็กออกไปทำงานแล้วเด็กร้องไห้ตามแม่ ตนจึงเดินไปเอาที่ห้อง เพราะได้ยินเสียงนายนิคพี่เลี้ยงเด็กขู่ไม่ให้เด็กร้อง ไม่งั้นจะตี ตนจึงเอาเด็กมาอยู่บ้านตนและทำกับข้าวให้กิน ก่อนจะอาบน้ำให้

ตนก็สังเกตเห็นว่าเด็กมีรอยแผลเก่าๆบริเวณเลยคิ้วขึ้นไป และแถวใต้ตา ตนก็ได้ถามนายนิคว่าเด็กเป็นอะไร แต่นายนิคอ้างว่าเด็กวิ่งตามพ่อกับแม่จนสะดุดล้มทับปลั๊กไฟจึงมีรอยแผลตาม ตนจึงได้ด่าเขาไปว่าเป็นพี่เลี้ยงเด็กประสาอะไรปล่อยเด็กเป็นแบบนี้ แต่พอตนถามเด็ก เด็กบอกพี่เลี้ยงเป็นคนทำ ตนก็พยายามดูมาตลอด

โดยจากที่ตนสังเกต พบว่าเด็กทีท่าทีกลัวพี่เลี้ยง เวลาเด็กร้องไห้ นั่งตัวสั่น ตนถามว่านายนิคทำอะไรเด็ก เขาก็จะบอกแค่ว่า เพราะตนโอ๋เด็กเดินไปเด็กเลยงอแงแบบนี้

ที่ผ่านมาตนก็เคยเห็นเขาตีเด็กอยู่เรื่อยๆ ใช้ไม้แขวนผ้าบ้าง แต่เค้าก็อ้างว่าเป็นการสั่งสอนเด็กเฉยเฉย ต้นเลยยังบอกว่าหากจะใช้ไม้แขวนเสื้อผ้าตีให้ไปเอาก้านมะยมมาดีกว่าเด็กจะได้ไม่เจ็บมากส่วนตัวลูกชายของตนนั้นก็เคยมีการตีเด็กอยู่บ้างเหมือนเป็นการสั่งสอนปกติ แต่ยืนยันว่าลูกตนก็รักและเอ็นดูเด็กมาตลอด



ตนจึงคิดว่าอาจจะเป็นตัวนายนิคที่เป็นคนทำร้ายเด็กถึงแก่ชีวิตเพราะลูกของตนก็ได้เล่าให้ตนฟังว่าตอนที่เกิดเรื่องประมาณช่วงเที่ยงคืนเขาได้วิดีโอคอลหานางสาวพลอย แม่ของเด็ก ว่าเด็กอ้วก และอุจจาระ เขาจึงได้ถอดเสื้อผ้าเด็กออกไปล้างตัวให้ และเตะตูดเด็กเบาๆไป 2 ที และเอาสายยางตีหัวเด็กเบาๆอีก 2 ที จากนั้นลูกตนก็ได้ถามเด็กว่า เด็กจะนอนกับเขามั้ย แต่เด็กบอกว่าไม่นอน จะนอนกับนายนิค พี่เลี้ยงแทน

พอสักพักนายนิคได้ตะโกนมาบอกลูกตนว่า น้องโฟกัสอ้วก และน้องโฟกัสได้บอกกับลูกตนว่า “ป๋าขอน้ำกินหน่อย” แต่นายนิคได้พูดว่า “ไม่ให้กิน มึงนอนไปเลยนะ” จากนั้นลูกชายตนได้ยินเสียงดังตุ้บ แต่ด้วยความที่เขาเพิ่งไปกินเลี้ยงมาและมีอาการมึนเมาจึงลืมตาไม่ขึ้นจึงไม่ได้หันไปมองว่าเป็นเสียงอะไรแต่ในนิคได้วิ่งมาเขย่าตัวเขาแล้วบอกว่าน้องโฟกัสไม่หายใจเขาจึงตกใจลุกขึ้นและรีบวิ่งพาเด็กออกมาหาให้พาไปหาหมอ

โดยทางตำรวจได้มีการเรียกตัวนายนิคมาสอบปากคำตั้งแต่เมื่อวานและวันนี้ก็มาสอบอีกแต่ว่าไม่ได้มีการแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายน้องโฟกัสจนถึงแก่ชีวิต มีแต่มุ่งมาหาลูกชายคนเดียวเท่านั้น ตนจึงเกิดความสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น และตนก็สงสัยในพฤติกรรมของพี่เลี้ยงเพราะเด็กดูกลัวพี่เลี้ยงมาก และในอดีตที่ผ่านมาตนเพิ่งรับรู้จากลูกชายตนว่านายนิกเคยเอาหมอนกดหน้าเด็กมาก่อน

ตนอยากให้ตำรวจไปลองสอบปากคำหรือถามจากคนในหมู่บ้านในละแวกบ้านนั้น ว่าเป็นมาอย่างไรเพราะโดยปกติแล้วตัวลูกชายของตนและแม่ของเด็กจะไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องออกไปทำงานกลับมาในช่วงค่ำ เด็กก็จะอยู่กับพี่เลี้ยงเท่านั้น แล้วเด็กมีการร้องไห้ทุกวัน โดยตัวพี่เลี้ยงจะไม่ค่อยสนใจเด็กหากเด็กร้องไห้ก็จะมีการขู่ตีเท่านั้น อยากจะขอความกรุณาจากตำรวจให้ไปลองคุยกับชาวบ้านดูบ้างรอบข้างรวมถึงร้านค้าต่างๆ เพราะขนาดเวลาในนิคพาเด็กออกไปซื้อของที่ร้านค้ายังมีการตีหัวเด็กต่อหน้าคนอื่นอีกด้วย

ซึ่งหากถ้าลูกชายของตนกระทำจริงๆตนก็ยินดีที่จะยอมรับแต่ว่าตัวพี่เลี้ยงก็ต้องถูกทำโทษด้วยเพราะตนมั่นใจว่าเขามีความเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่าง 100% เพราะตอนนี้หลังจากเกิดเรื่องขึ้นตัวนายนิคยังไม่มีอาการสำนึกผิดใดใดยังเดินร้องอยู่ในหมู่บ้านอยู่เลย