เมื่อเวลา 16:00 น. ของวันที่ 3 ธันวาคม 2566 บนถนนทางหลวงชนบทสาย 6066 บ้านถ้ำ-ม่วงชุม หน้าวัดมโนธรรมาราม หรือวัดนางโน หมู่ 3 ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ได้เกิดเหตุรถกระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ น.ส.ดาวรุ่ง อายุ 48 ปี ในสภาพศพนอนหงายอยู่ริมถนน คอหัก ขาขวาหัก หลังมือซ้ายมีแผลฉีกขาด ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 125 สีน้ำเงิน ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร พบรถกระบะของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ "ยศร้อยตำรวจตรี" สังกัดสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เป็นรถโตโยต้าวีโก้ สีขาว

 

โดยผู้ก่อเหตุ "ยศร้อยตำรวจตรี" คนดังกล่าวนั้นอยู่ในอาการมึนเมาไม่ได้สติ และยังแต่งกายอยู่ในชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจครึ่งท่อน แต่ได้มีการหลบอยู่ภายในรถและไม่ยอมออกจากรถโดยอ้างว่า "กลัวถูกชาวบ้านรุมทำร้าย" และกลัวว่าครอบครัวของผู้ตายจะรุมประชาทัณฑ์  ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเครื่องเป่าแอลกอฮอล์มาวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบว่าปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่ากฎหมายกำหนด พุ่งกว่า 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยเป็นเหตุการณ์ในวันที่ 3 ธ.ค.66 เวลา 15.06 น. ซึ่งกล้องตัวนี้จะจับภาพเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุ โดยจะเห็นว่ามีชายคนหนึ่ง (เสื้อดำ) ซึ่งเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน ได้พยายามหิ้วปีก ร้อยตำรวจตรีคนก่อเหตุ (เสื้อขาว) ข้ามถนนเพื่อไปส่งยังรถกระบะที่จอดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง จะเห็นว่าในภาพนั้น ร้อยตำรวจตรีคนก่อเหตุมีอาการเมา เดินเซ พยุงตัวไม่อยู่แล้ว

 

และกล้องวงจรปิดอีกมุมหนึ่ง ในเวลา 15.12 น. สามารถจับภาพรถกระบะของร้อยตำรวจตรีคนก่อเหตุเอาไว้ได้ ซึ่งลักษณะการขับนั้นมีลักษณะเซไปเซมาบนท้องถนน

 

จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ในเวลา 15.15 น. จับภาพรถจักรยานยนต์ของ น.ส.ดาวรุ่ง (ผู้ตาย) ขี่มาตามปกติ แต่จู่ ๆ รถกระบะของร้อยตำรวจตรีคนก่อเหตุก็ได้ขับสวนเลนพุ่งเข้าชนอย่างจัง และใช้เวลากว่า 2 นาที คนก่อเหตุจึงจะลงมาดูอาการของ น.ส.ดาวรุ่ง (ผู้ตาย) ซึ่งหลังจากที่ลงมาจากรถ จะเห็นว่า ร้อยตำรวจตรีคนดังกล่าวยังมีอาการคล้ายคนเมา และไม่สามารถทรงตัวได้ จนมีการสะดุดรถจักรยานยนต์ของผู้ตายแล้วล้มหงายหลังไปอีกครั้งหนึ่ง

 

ทางด้าน น.ส.ธิดารัตน์ กลิ่นหอม อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ตาย เผยว่า ตนกับแม่นั้นอาศัยอยู่คนละบ้านกัน แต่จะพูดคุยพิมพ์แชตหากันตลอดเวลา กระทั่งเมื่อวานนี้ก่อนเกิดเหตุ แม่ก็ยังโทรมาหาตนอยู่เลย แต่ตอนนั้นตนกำลังดูหนังอยู่ จึงบอกแม่ว่าค่อยโทรกลับ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทางญาติ ๆ ก็ได้โทรศัพท์มาแจ้งข่าวร้าย บอกว่า น.ส.ดาวรุ่ง ผู้เป็นแม่ของตนนั้นเสียชีวิตแล้ว ตนจึงรีบเดินทางไปในที่เกิดเหตุทันที และได้พยายามเดินเข้าไปดูหน้าผู้ก่อเหตุ พบว่าเป็นตำรวจท่องเที่ยวนายหนึ่ง อยู่ในสภาพที่เมาไม่ได้สติ ตอนนั้นตนทั้งเสียใจทั้งตกใจ ยิ่งเห็นว่าคนก่อเหตุเป็นตำรวจเมาแล้วขับ ตนยิ่งรู้สึกเจ็บใจ จึงได้ตะโกนร้องขอชีวิตแม่ตนคืน แต่ทางตำรวจคนดังกล่าวก็ไม่ได้มีท่าทีสลดหรือตอบอะไรกลับมา ซ้ำยังพยายามจะขับรถหลบหนี จนคนอื่น ๆ ต้องช่วยกันเอารถมาดักหน้าห้อมหลังไว้

 

ในตอนแรกตนก็กลัวว่าแม่จะไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวว่าตำรวจผู้ก่อเหตุจะหาหนทางเอาตัวรอดได้ แต่ก็รู้สึกเบาใจขึ้น เนื่องจากทางด้านผู้กำกับ สภ.เมืองกาญจนบุรี ก็ได้รับปากว่าจะดำเนินการตามกฎหมายให้ จะไม่มีการช่วยเหลือหรือละเลยความผิดของตำรวจนายนี้อย่างแน่นอน

 

ตอนนี้ตนก็อยากฝากถึงตำรวจคนดังกล่าว หรือแม้แต่ใครหลาย ๆ คนที่เมาแล้วขับ ตนอยากจะให้คนเหล่านี้ฉุกคิดถึงผลที่จะตามมา และอยากให้นึกถึงใจของครอบครัวที่เขาต้องสูญเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ต้องรักษากฎหมาย แต่วันนี้กลับมาทำผิดเสียเอง ตนก็หมดคำจะพูด หลังจากนี้ก็ขอให้เขามาชดใช้และรับผิดชอบตามความเหมาะสม ส่งนเรื่องที่ผู้ก่อเหตุจะได้รับการประกันตัวหรือไม่นั้น ตนก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะอย่างไรแล้วตนก็ยังเชื่อในกฎแห่งกรรม

โคตรแย่! ตำรวจเมาขยี้ร่างสาวใหญ่เดินเป๋เตะศพหัวทิ่ม ลูกร่ำไห้ถาม"แลกชีวิตกันไหม"