วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล1111 ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ (ทนายความเสี่ยแป้ง) นำหนังสือมอบอำนาจจากครอบครัว "เสี่ยแป้ง" เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯประจำรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กรณีเจ้าหน้าที่ข้ามขั้นตอนในการเข้าค้นบ้าน และทางครอบครัวหวั่นไม่ปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

โดยทนาย ชัชวาล กล่าวว่า ครอบครัวเสี่ยแป้งที่เขารู้สึกถูกคุกคามจากเจ้าหน้าที่ ที่อาจจะไม่ยุติธรรมกับครอบครัว เพราะตลอดเวลาที่เสี่ยแป้งหลบหนี ครอบครัวก็ยืนยันความบริสุทธิ์​ใจ ว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี่ยแป้งเลย โดยเฉพาะญาติสนิท ลุง ป้า น้า อา ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน อย่างนายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง หรือนายพงษ์ พี่ชายเสี่ยแป้ง ถูกเข้าค้นบ้าน แม้จะมีหมายค้น แต่การปฏิบัติหน้าที่หมิ่นเหม่ มิชอบหรือไม่ เพราะมีการเชิญตัวไปพบพนักงานสอบสวนแล้วก็แจ้งข้อกล่าวหาเลย ทำให้ครอบครัว มองว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำที่การไม่ถูกต้อง

 

ซึ่งหนังสือร้องทุกข์ ของนายพงษ์ ถูกเขียนด้วยลายมือที่มาจากความรู้สึกของเขาเอง และการกระทำดีงกล่าวเป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะนายพงษ์ เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ดังนั้นการจะแจ้งข้อกล่าวหาต้องกลั่นกรองไม่ใช่ทำให้กระทบต่อหน้าที่การงานและชื่อเสียง จึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรม และให้ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ และขัดต่อ พรบ.อุ้มหายหรือไม่รวมถึงไปให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐกับเสี่ยแป้ง มีอำนาจตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ต้องไม่เกินกว่าเหตุและมีของเขต โปร่งใส เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาของประชาชน

 

หลังจากยื่นหนังสือเสร็จสิ้น นักข่าวถามถึงเรื่องความชัดเจนในการมอบตัวของ เสี่ยแป้ง โดยทนายชัชวาลย์ ยอมรับว่า "เสี่ยแป้ง มีการส่งผ่านข้อความมาให้ตนเอง เป็นนิมิตรหมายที่ดีในระดับหนึ่ง ที่จะนำไปสู่การมอบตัว แต่ยังมีเรื่องความห่วงใยเรื่องความปลอดภัย รวมถึงญาติๆก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยด้วย"

 

ส่วนการจะกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมเมื่อไรนั้น ยังตอบไม่ได้ จะต้องมีการประเมินก่อน โดยวันนี้สิ่งที่ได้เนินการทำแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ การรับฟังสิ่งที่เขาพูด และนำข้อรับฟังไปปฏิบัติและตรวจสอบ ส่วนข้อที่ 3 เสี่ยแป้ง คาดหวังผลของการตรวจสอบว่าออกมาเป็นอย่างไร ทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่าสิ่งที่เขาร้องเรียนมาใครผิดใครถูก โดยนายธนกฤต ได้ส่งเรื่องไปยังหน่วยงานต่างๆแล้ว ซึ่งวันนี้ มีข้อร้องเรียนอยู่แล้ว และได้ทำไปแล้ว มีการตรวจสอบแล้วจากหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนไป เหลือแค่ผลการตรวจสอบว่า 6-7 ข้อจะออกมาอย่างไร โดยเฉพาะการรื้อฟื้นคดีว่าทำได้หรือไม่ได้

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มีการระบุว่า หลบหนีไปอยู่ประเทศลังกาวีแล้ว จริงหรือไม่ ทนายชัชวาลย์ ระบุว่า เป็นแค่การคาดเดา และแป้งก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาที่ตนเองโดยตรง และถ้ามีการไล่ล่าให้เขากลับมา มองว่าจะยิ่งถูกต่อต้าน ส่วนการจะมอบตัวนั้น คงต้องผลของความยุติธรรมเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ อยู่ในระดับที่พึงพอใจ พร้อมยืนยัน ไม่ทราบว่า เสี่ยแป้งอยู่ที่ไหน และไม่คิดจะถามด้วย ถ้าเขาอยากบอกเขาก็จะบอก แต่คาดว่า "เสี่ยแป้ง" จะปล่อยคลิปที่ 4 ออกมา แต่จะไว้ใจใครส่งไปให้ใคร ก็ต้องรอดู และมองว่าในอนาคต อาจจะมีกระแสข่าวที่เป็นข่าวดีก็ได้ เพราะหากประเมินจากหน่วยงานหลายๆหน่วยงาน ที่ทำตามคำขอแล้ว

 

ขณะช่วงสายที่ผ่านมา 4 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามนายอำเภอป่าบอน จ.พัทลุง โดยทางด้านนายพรพนม จันทรเทพ นายอำเภอป่าบอน จ.พัทลุง เผยว่า ในขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่นายกัมปนาท ตกเป็นผู้ต้องหาในการพาเสี่ยแป้งหลบหนีว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร พร้อมกันนั้นก็ได้ประสานงานไปยังนายพันธการต์ กำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน เพื่อให้นำนายกัมปนาท เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.ตะโหมด เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนต่อไป ในส่วนของนายกัมปนาท นั้นยังปฏิบัติในตำแหน่งดังกล่าวได้ เนื่องจากขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด ดังนั้น การเข้ามามอบตัวนั้นเป็นเรื่องที่นายกัมปนาท ในฐานะฝ่ายปกครองจะต้องเข้ามอบตัวเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิของตนเองในกระบวนการยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่เจ้าตัวจะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน เพื่อมิให้ภาพลักษณ์ของฝ่ายปกครองใน อ.ป่าบอน ได้รับความเสียหาย

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังบ้านของนายโจ้ กัมปนาท 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ตำรวจแจ้งข้อหาช่วยเหลือพาเสี่ยแป้งหลบหนีลงเขาบรรทัด ที่กำลังหลบหนีอยู่อีกครั้ง โดยทีมข่าวช่อง8 ได้พบกับ นางสมบูรณ์ อายุ 70 ปี แม่ของนายโจ้ กัมปนาท โดยในวันนี้นางสมบูรณ์ มีท่าทีที่เครียดหนัก มีสีหน้าเคร่งเครียดต่างจากเมื่อวาน ก่อนจะยอมเปิดใจบอกกับทีมข่าวช่อง8 ว่า ในส่วนเรื่องการมอบตัวของลูกชาย ตอนนี้ตนยังไม่ทราบเรื่องเลย รวมไปถึงตอนนี้ลูกชายก็ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาเช่นกัน จากนั้นนางสมบูรณ์บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ต่อว่า ตอนนี้ตนพูดอะไรไม่ออกแล้วเพราะเครียดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะเดินหนีไปทันที

 

"ธรรมนัส" ยันไม่รู้จัก “แป้ง นาโหนด” หลังมีรูปโผล่ว่อน ลั่นหากเป็นลูกน้องจริงจะสั่งให้มามอบตัว พร้อมถามกลับเป็นเสี่ยตรงไหนมีตังค์เยอะหรอ

 

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการเผยแพร่ภาพถ่าย ที่ปรากฏอยู่ร่วมกับนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ เสี่ยแป้ง นาโหนด และมีการระบุว่าเจ้าตัวรู้จักเป็นการส่วนตัวกับร้อยเอกธรรมนัส โดยร้อยเอกธรรมนัส,ถามกลับว่า "มีด้วยหรือ" ด้วยสีหน้าสงสัย

 

ก่อนจะย้ำว่าตนไม่รู้จัก และถามกลับว่า "มีตนเคยไปถ่ายรูปด้วยหรือ ตนไม่รู้เพราะเราก็ถ่ายรูปกับคนเยอะ ไม่รู้จัก"

 

ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า เคยมีคนออกมาบอกว่า เสี่ยแป้งเคยเป็นลูกน้องของร้อยเอกธรรมนัสอยากจะชี้แจงอย่างไรหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัสตอบด้วยเสียงดัง ว่า "ไม่ต้องชี้แจงเพราะตนไม่รู้จัก ถ้าเป็นลูกน้องตนก็จะสั่งมาให้มอบตัวเลย " ก่อนบอกต่อว่า "ตนเป็นคนชัดเจนอย่างนี้ และย้ำว่าหากเป็นลูกน้องจริงๆก็จะสั่งให้มอบตัวแต่ตนไม่รู้จัก "

 

ส่วนก่อนหน้านี้ที่เคยลงไปปฏิบัติภารกิจที่ภาคใต้เคยเห็นหน้าเสี่ยแป้งหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า "ตนเป็นคนที่รู้จักคนเยอะและคนก็อยากรู้จักเราเยอะและคนก็อยากรู้จักเราเยอะ ถ้ารู้จักก็ใช่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่  ส่วนภาพที่มาถ่ายด้วยกันตอนไหนนั้น ตนก็ไม่รู้ว่านี่คือเสี่ยแป้ง " พร้อมถามกับสื่อว่า "เป็นเสี่ยตรงไหนมีตังค์เยอะหรอ"

 

จากนั้นร้อยเอกธรรมนัสได้ขอดูรูปภาพดังกล่าวจากสื่อมวลชน

คู่กับพี่ไหมและหันกลับมาถามสื่อมวลชนว่าเคยถ่ายรูปกับพี่ไหม นักข่าวจึงตอบว่า ไม่เคยเคยแต่จิ้มไมค์ถาม ร้อยเอกธรรมนัส

จึงถามต่อว่า ก็เห็นมีรูปกับนายวราวุธ ศิลปอาชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่เห็นไปถามนายวราวุธบ้างเลย นักข่าวจึงตอบว่าถามแล้ว

 

ร้อยเอกธรรมรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า "รูปนี้ไม่ใช่รูปคู่เป็นรูปที่ถ่ายรวม ตนไม่รู้จักจริงๆ"

ธรรมนัสถามแป้ง "รวยหรอ" ถึงมาถ่ายรูปคู่ กัมปนาทเครียดถูกข้อหา โต้ช่วยแป้ง