วันนี้เวลา 08.30 ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง ชั้น 3 นายสมชาย (พ่อจรวด) เข้าให้ปากคำต่อ พล.ต.ต.โอภาส ทั่งทอง ผบก.กต.9 จต. และคณะโดยใช้เวลา 4 ชั่วโมง ก่อนจะหลบหนีทัพนักข่าววิ่งออกด้านข้างไปขึ้นรถเก๋งสีขาวที่มีผู้มารอรับขับออกไปทันที่

 

ในขณะเดียวกันทางด้านนายกัมปนาท (อยู่ในระหว่างการหลบหนี) ซึ่งเป็นสารวัตรกำนัน ต.วังใหม่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุงนั้นได้ข่าวว่าจะมีการมอบตัวเร็วๆ นี้ ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

 

ล่าสุดวันนี้ (3 ธ.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา “ทนายชัช หรือว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงค์” ทนายกลุ่มทนายใจดี ได้เดินทางมายังบ้านของ “นายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง” พี่ชายเสี่ยแป้ง หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์จากญาติของเสี่ยแป้ง ถึงผลกระทบจากการเข้าบุกตรวจค้นบ้านและมีการจับกุมแจ้งข้อหาในการช่วยเหลือเสี่ยแป้งไปก่อนหน้านี้ตามที่ได้มีการเสนอข่าว

 

ซึ่งทางครอบครัวของ “นายกษิดิ์ชาติ” ได้เน้นย้ำกับสื่อมาโดยตลอด ว่าที่ผ่านมาแม้ว่าตัวเองจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยถึงขั้นตอนกระบวนการแจ้งข้อหา ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม

 

ส่วนบรรยากาศที่บ้านของทางด้าน “นายกษิดิ์ชาติ” ได้มีการเตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องและยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับทางทนายชัช ซึ่งเอกสารที่นำมาแสดงให้ทีมข่าวดู มีทั้งข้อมูลการลงบันทึกมาทำงานในวันที่ 22 ตุลาคม ในบัญชีการลงเวลา ของพนักงานราชการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด

 

เอกสารใบรับรองแพทย์ที่เข้าไปรักษาอาการป่วยเนื่องจากก้างปลาทิ่มคอที่คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทลุง ลงวันที่ 23 ตุลาคม 66

 

ซึ่งบางช่วงบางตอนทนายได้มีการสอบถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย.2566 เนื่องจากในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 6 นำหมายศาลจังหวัดพัทลุง เข้าทำการค้นบ้าน โดยพี่ชายของเสี่ยแป้งได้เล่าเหตุการณ์ให้กับทางทนายชัช รับทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการเข้ามาตรวจค้นของเจ้าหน้าที่กองปราบปรามซึ่งทราบว่าเป็นของส่วนกลางร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวร ในพื้นที่นำหมายศาลเข้ามาตรวจค้น แต่ไม่ได้มีการแสดงหมายจับหรือหมายเรียกแต่อย่างใด พฤติการณ์ในวันนั้นเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นได้มีการเชิญตัวเพื่อไปให้ข้อมูล ที่ สภ. เมืองพัทลุง

 

แต่สุดท้ายเมื่อไปถึง สภ. เจ้าหน้าที่กลับแจ้งข้อหาและนำตัวเข้าห้องขังเป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง ก่อนนำตัวส่งศาลและให้ทางครอบครัวญาติไปประกันตัวที่ชั้นศาล

 

พี่ชายเสี่ยแป้ง ยืนยันว่า ก่อนการเข้าตรวจค้นหรือแจ้งข้อหาไม่ได้มีหมายเรียก หรือหมายจับมาที่บ้าน ซึ่งทางพี่ชายของเสี่ยแป้งเอง ได้ให้ข้อมูลกับทางทนายว่า ค่อนข้างรู้สึกตกใจและเสียความรู้สึก เพราะไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือให้ความช่วยเหลือกับเสี่ยแป้งตามที่มีการตั้งข้อหาเลย และตนเองปฏิเสธตั้งแต่ชั้นสอบสวนมาโดยตลอด

 

ผลกระทบของครอบครัวโดยหลัก ตอนนี้ลูกที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นมหาวิทยาลัยเกิดความอับอาย เนื่องจากหลายคนเองที่ไม่เข้าใจก็มีการตีตราว่าตนเองในฐานะพ่อเป็นผู้กระทำความผิด รวมไปถึงญาติและบุคคลอื่นที่มีการพาดพิงถึงโจทก์กล่าวถึงข้อกล่าวถูกจ้อง เเละเล็งเล่นงาน

 

“ทนายชัช” ได้ให้ข้อต่อว่า วันนี้ตนเองได้เดินทางมาพบกับทางญาติ เนื่องจากได้รับการประสานมาจากครอบครัวและญาติของเสี่ยแป้งหลังจากที่ตกเป็นข่าวและมีการเข้ามาตรวจค้นบ้านทรวมไปถึงมีการตั้งข้อหา ตลอดจนครอบครัวญาติบางคนยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กล้าที่จะออกมาพูดคุยหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกและเรื่องของคดีความ

 

ทำให้ตนเองเดินทางมาเพื่อพูดคุยกับ “นายกษิดิ์ชาติ” ในฐานะมีศักดิ์เป็นพี่ของเสี่ยแป้ง ซึ่งตนเองได้รับทราบข้อมูลก็พอจะทำให้ทราบเรื่องว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่มีการเข้ามาตรวจค้นนั้น อาจจะเชื่อมโยงมาจากข้อสันนิษฐานของทางสถานีตำรวจ หลังจากทราบว่าทางเสี่ยแป้งได้มีการหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณเทือกเขาบรรทัด สอดคล้องกับทางด้านพี่ชายที่ทำงานอยู่ของกรมอุทยานรับผิดชอบบริเวณเทือกเขาบรรทัดอาจทำให้มีการเชื่อมโยง ว่าพี่ชายให้ความช่วยเหลือเสี่ยแป้งอยู่เบื้องหลัง

 

แต่ตนเองจากการสอบถามพี่ชายเสี่ยแป้ง ยอมรับว่าในมุมของข้อกฎหมายเบื้องต้นข้อค่อนข้างพบความผิดปกติบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเด็นหมายเรียก หมายจับ หรือขั้นตอนในการแจ้งข้อหา ซึ่งพี่ชายเสี่ยแป้งถูกตั้งข้อหา มาตรา 192 เกี่ยวกับกรณีให้ความช่วยเหลือ ซึ่งจริงแล้วโทษไม่เกิน 3 ปี หากเป็นขั้นตอนกระบวนการตามปกติก็จะต้องมีการออกหมายเรียกก่อน ซึ่งผู้ที่ถูกออกหมายเรียกก็ มีสิทธิจะไปหรือไม่ไปให้การก็ได้ หรือ มีสิททธิ์หาทนายเพื่อมาสู้คดี

 

หลังจากนี้ในฐานะทนายความ ตนเองก็จะนำหลักฐานและข้อมูลที่ได้รับเพื่อไปเรียกร้องความเป็นธรรมในลำดับต่อไป

 

ซึ่งข้อมูลที่ได้รับนั้นทางญาติของเสี่ยแป้ง มองว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งการแจ้งข้อหา การค้นบ้าน การไม่ให้สิทธิติดต่อหรือประสานบุคคลอื่นเพื่อสู้คดี ทำให้พี่ชายแป้ง ไปอยู่ในคุกใต้ถุนศาล อยู่ 3 ชั่วโมง ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบความผิดปกติก็อาจจะต้องมีการร้องเรียนตามข้อกฎหมายหรืออาจจะร้องเรียนในส่วนของวินัยและประพฤติมิชอบ หรืออาจขัดต่อ พ.ร.บ.อุ้มหายหรือไม่

 

แต่เบื้องต้นส่วนตัวจะขอร้องความเป็นธรรมให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ร้องเรียนไปที่ตำรวจภูธร ภาค 9

 

ส่วนก่อนหน้านี้ที่มีกระแสข่าวว่าภายหลังที่มีการปล่อยคลิปตัวที่ 3 ออกมา และมีข่าวว่าเสี่ยแป้งจะมีการเข้ามอบตัวภายใน 4-5 วัน ภายหลังที่มีการปล่อยคลิปยอมรับว่า ทนายความเองก็ไม่ได้รับสัญญาณหรือมีการสื่อสารมาถึงตนเอง และเสี่ยแป้งจะมอบตัวหรือไม่ ตนก็ได้ทำหน้าที่ในฐานะทนายความที่มีการส่งสารหรือนำเอกสารที่ทางเสี่ยแป้งส่งผ่านมาเท่านั้น การจะมอบตัวหรือไม่มอบตัวขึ้นอยู่กับตัวเสี่ยแป้งเอง

 

ด้าน “นายกษิดิ์ชาติ” ยังบอกต่อว่า การเข้าบุกค้นบ้าน และการตั้งข้อหาของตำรวจในตอนนั้น ทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากตนเองก็มีตำแหน่งทางราชการ ตนเองพร้อมให้ความร่วมมือตำรวจทุกอย่างเนื่องจากบริสุทธ์ใจและพร้อมให้เข้าตรวจค้น แต่เมื่อตำรวจเดินได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ข้อมูลกับตำรวจ แต่สุดท้ายตำรวจกลับแจ้งข้อกล่าวหา “ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด “ กับตนเอง

 

โดยให้เหตุผลว่าพฤติการของตนเองนั้น เป็นการช่วยเหลือในเรื่องของการจัดเตรียมในส่วนของเสบียงและอาหารให้กับทางเสี่ยแป้งเพื่อนำขึ้นเขาหลบหนี ซึ่งในความจริงตนเองไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่มีการระบุ

 

โดยตนเองยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินจำนวน 36,000 บาท ออกมาเพื่อสู้คดีต่อในชั้นศาล อีกทั้งในส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังมีการให้ข้อมูลถึงสาเหตุของการแจ้งข้อหา ว่ามีการตรวจสอบแล้วพบว่าตนเองได้มีการเดินทางไปกดเงินผ่านตู้ATM แถวบริเวณโรงพยาบาลพัทลุง เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังที่ทางเสี่ยเเป้งหลบหนี โดยมีการกดเงินมาจำนวน 10,000 บาท รวมไปถึงส่วนตัวมีนามสกุลและความสนิทสนมกับเสี่ยแป้ง เลยมีการตั้งข้อสงสัยว่าการกดเงินดังกล่าวในวันนั้น เป็นการนำไปเพื่อซื้อเสบียงหรืออุปกรณ์อื่นๆให้กับเสี่ยแป้งในการหลบหนีหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้ว ตนเองพร้อมมีหลักฐานว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามที่มีการระบุของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

แต่เป็นเหตุการณ์จริงที่ตนเองเดินทางไปโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ ซึ่งต้องเข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลก่อนที่จะแวะกดเงินจำนวน 10,000 บาท เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับทางภรรยาและเป็นค่าเทอมลูก ก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านโดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับประเด็นเสี่ยแป้งแต่อย่างใด

 

นอกจากนี้ช่วงที่ มีการคุมตัวตนเองไปที่ สภ.เมืองพัทลุงนั้น ภรรยาได้มีการเดินทางตามไปเพื่อไปดำเนินการเรื่องเอกสารให้ แต่กลับโดนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่ด้วย

 

วันนี้ตนเองออกมาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับทางตนเองและครอบครัวที่ถูกพาดพิง ตนเองไม่ได้จะกล่าวหาทางเจ้าหน้าที่แต่อยากทราบในมุมของความเป็นจริงว่าการกระทำดังกล่าวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

พี่ชายแป้งเครียดถูกตราหน้าให้ท้ายแหกคุก งัดหลักฐานโต้ครหา พ่อจรวดหนีสื่องดจ้อ