เปิดผัง 6 บุคคล แบ่งหน้าที่พา เสี่ยแป้ง หนีหลังปะทะเจ้าหน้าที่

คนที่ 1 ขี่จยย.ไปรับแป้งที่บริเวณเทือกเขา พร้อมรับคำสั่งเอาปืนไปฝัง ส่วนคนที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถเก๋งสีดำไปสตูล ขณะที่คนที่ 3 ทำหน้าที่วางแผนคิดเรื่องนี้ คนที่ 4 ทำหน้าที่เปลี่ยนเส้นทางและตรวจสอบเส้นทาง ด่านตำรวจ คนที่ 5 เป็นทีมประสานงานหนีตั้งแต่โรงพยาบาล หนีจากเทือกเขา และไปส่งท่าเรือ ส่วนคนที่ 6 ทำหน้าที่ประสานเรือนำตัวเสี่ยแป้งออกจากท่าเรือไทย


ทนงศักดิ์ รับเสี่ยแป้งนับถือตนเป็นพี่ชาย ยันตัวเองบริสุทธิ์ใจ ไม่มีส่วนร่วมกับการหลบหนี

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังพื้นที่ในอ.ป่าบอน จ.พัทลุง มาพบกับนายต่อ ทนงศักดิ์ เพื่อนสนิทของเสี่ยแป้ง มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยเป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ตำรวจแจ้งข้อหาช่วยเหลือพาเสี่ยแป้งหลบหนีลงเขาบรรทัด โดยนายต่อเปิดใจกับทีมข่าวช่อง8 ว่า ตนเองกับเสี่ยแป้ง รู้จักกันมานาน โดยเสี่ยแป้งนับถือเป็นพี่ชายอีกคนหนึ่ง เพราะบ้านของแม่เสี่ยแป้งอยู่ละแวกเดียวกันกับบ้านตน เสี่ยแป้งจึงไปมาหาสู่กัซึ่งบตนบ่อยๆ ซึ่งตนนั้นเคยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเสี่ยแป้งในหลายๆเรื่อง เช่นการไปช่วยงานศพพ่อแม่ของเสี่ยแป้ง การไปช่วยงานกุศลต่างๆของเสี่ยแป้ง ส่วนเสี่ยแป้งก็ให้การช่วยเหลือสนับสนุนตนในหลายๆเรื่องเช่นกัน แต่ในเรื่องส่วนตัวของเสี่ยแป้งตนไม่เคยไปก้าวก่ายหรือยุ่งเกี่ยวเลย

โดยในวันที่ตนเจอเสี่ยแป้งครั้งสุดท้าย ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่วันที่ 12 ตค.คือวันที่พ่อของเสี่ยแป้งเสีย นางแอนภรรยาของเสี่ยแป้ง เล่าให้ตนฟังว่าเสี่ยแป้งได้ส่งจดหมายมา ใจความว่าอยากจะฆ่าตัวตายในคุก เพราะรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ออกมาร่วมงานศพพ่อตัวเอง ทำให้หลังจากเสร็จงานศพของพ่อเสี่ยแป้งแล้ว ในวันที่ 20 ต.ค.ตนและนางแอนภรรยาของเสี่ยแป้งจึงเดินทางมาที่รพ.มหาราช เพราะทราบว่าเสี่ยแป้งป่วยต้องถูกส่งมารักษา แต่ไม่ได้พูดอะไรกัน และหลังจากวันนั้นจนวันนี้ก็ยังไม่เคยได้พูดคุยหรือเห็นหน้าเสี่ยแป้งอีกเลย

และในเรื่องที่ตำรวจได้ตั้งข้อหากับตนว่าเป็น 1 ใน 5 คนที่มีส่วนร่วมกับการหลบหนีของเสี่ยแป้ง ตำรวจก็ได้เชิญตนไปสอบสวน โดยตำรวจบอกกับตนว่า ตนเองอาจจะเป็นตัวการในการวางแผนให้เสี่ยแป้งหลบหนี เพราะตนสนิทกับเสี่ยแป้ง รวมถึงอีก 4 คนที่เหลือก็เป็นลูกน้องคนสนิทของตน แต่ตนขอยืนยันว่าในวันที่ 8-9-10 พ.ย.ตามที่มีข่าวยืนยันว่าเสี่ยแป้งหลบหนีลงเขาในวันนั้น ในช่วงวันดังกล่าวตนก็อยู่บ้านตลอด เพราะต้องเฝ้าดูแลภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ จึงได้ยืนยันไปกับตำรวจไปแล้วว่าตนไม่รู้เรื่องใดๆทั้งสิ้น ส่วนที่ตำรวจมาดำเนินคดีกับตน ตนก็ยินดีให้ตรวจสอบ และพร้อมน้อมรับแนวทางการสอบสวนของตำรวจเต็มที่

สุดท้ายตนก็อยากให้เสี่ยแป้งมอบตัว เพราะจะได้กลับมาใช้ชีวิตกับลูกเมียเช่นเดิม และหากเจ้าหน้าที่มีการบุกไปจับเสี่ยแป้งที่ไหนสักที่ ตนก็เชื่อว่าเสี่ยแป้งจะยอมมอบตัวแต่โดยดี และจะไม่เกิดการปะทะกันอีก


ชาวบ้านยันนายสุเชษฐ์ ถ้าจะไปสวนยางมักจะขับรถพ่วงไป แต่ไม่เคยเห็นใส่เสื้อม่วง ส่วนนายต่อ ก็ไม่ค่อยเห็นออกมาจากบ้าน

หลังจากนั้นทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านของชาวบ้านท่านนึงคือ นายเจี๊ยบ (นามสมมติ) ที่บ้านอยู่ใกล้เคียงกับนายเดี่ยว สุเชษฐ์ โดยนายเจี๊ยบ เผยกับทีมข่าวช่อง8 ว่าตนเองรู้จักกับนายเดี่ยว สุเชษฐ์ โดยมักจะเห็นนายเดี่ยว สุเชษฐ์ ขับรถฮอนด้าเวฟ สีเขียวดำ บ้าง แต่ส่วนมากภรรยานายสุเชษฐ์ จะเป็นคนขี่มากกว่า และหากวันไหนที่นายเดี่ยว สุเชษฐ์ จะออกไปตัดยางเมื่อไหร่ ก็มักจะสวมไฟส่องกบ ขับรถพ่วงข้างไปตัดยาง ไม่เคยเห็นขับรถเวฟสีเขียวดำไป ส่วนสวนยางของนายเดี่ยว สุเชษฐ์ ก็จะมีแถวบ้านบริเวณนี้ และแถววัดพลุนาขาวด้วย ส่วนเสื้อสีม่วงตนไม่เคยเห็นนายเดี่ยว สุเชษฐ์ สวมใส่เลย ส่วนประเด็นกล้องวงจรปิด ตนมองไม่ชัดเท่าไหร่ว่าเป็นนายเดี่ยว สุเชษฐ์ หรือไม่ ส่วนช่วงเวลาในตอนที่จะไปตัดยาง นายเดี่ยว สุเชษฐ์ จะออกไปตัดตอนเวลาตี1-2 ไม่เคยออกไปช่วง 3 ทุ่ม

ส่วนประเด็นของนายต่อ ทนงศักดิ์ ตนก็รู้จักเช่นกัน ซึ่งนายต่อนั้นมักอยู่บ้านตลอด ไม่ค่อยออกไปไหนเท่าไหร่ แต่ในช่วงที่ออกไปไหนมาไหน ตนก็ไม่ค่อยสังเกตเช่นกัน เพราะต่างคนก็ต่างอยู่กันไปและส่วนตัวคนในชาวบ้านแถวนี้ก็มักจะพึ่งพานายต่อได้เสมอ เพราะนายต่อจะชอบช่วยเหลือคน ชอบสนับสนุนเรื่องกิจกรรมต่างๆเช่น การสนับสนุนเสื้อฟุตบอลให้กับการแข่งขันต่างๆ เช่นการแข่งฟุตบอลอบต. หรือฟุตบอลประจำอำเภอ

แป้งเครียดบ่นอยากตาย เขียนจดหมายระบาย เพื่อนโวยถูกยัดข้อหา มีเมียท้องเป็นพยาน