พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์  ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ที่หนีออกจากโรงพยาบาลและมีการใช้อาวุธปืนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบนเทือกเขาบรรทัด  เปิดเผยว่าจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของชุดคลี่คลายคดีพบว่ามีกลุ่มบุคคลในพื้นที่จังหวัดพัทลุงคอยให้การช่วยเหลือเสี่ยแป้งในการหลบหนีลงจากเทือกเขาบรรทัดโดยมีขบวนการทั้งหมด 5 คนแต่ขณะนี้จับได้แล้วทั้งหมดสี่คนแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครทำหน้าที่อะไร  จะต้องรอการสอบสวนและสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางกลุ่มผู้ต้องหาที่ช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีมีการใช้ยานพาหนะเป็นรถจักรยานยนต์และเป็นรถยนต์ในการพาหลบหนี อยู่ระหว่างขยายผลเพิ่ม

 

จึงทำให้ช่วงเช้าวันนี้มีการตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหาทั้งหมด 5 จุด  โดยค้นบ้านผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดพัทลุง 4 จุด  และค้นบ้านผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดสตูลอีก1 จุด  ซึ่งยังมีการยึดอาวุธปืนเล็กยาว HK 33 ขนาด 5.56*45 มม. 1 กระบอก แต่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นปืนของเสี่ยแป้งที่ใช้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่รอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอประกอบ

 

และในส่วนที่ว่าผู้ต้องหาทั้งสี่รายนี้เป็นคนที่รู้จักกับนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จังหวัดพัทลุงหรือไม่  ในส่วนข้อมูลตรงนี้ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงแต่เบื้องต้นทั้งผู้ต้องหา4 รายมีการปฏิเสธว่าไม่ได้พาเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากเทือกเขาบรรทัด ส่วนทั้ง 4 รายนี้จะมีการช่วยเหลืออย่างไรอยู่ในสำนวนคดีไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจเร่งตามจับอีก 1 รายที่หลบหนีแล้ว  ซึ่งอยู่ร่วมขบวนการนี้ในการช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีออกจากเทือกเขาบรรทัด

 

ผ่าแผนลูกน้อง “แป้ง” พาหนีลงเทือกเขาบรรทัด  แบ่งหน้าที่ 5 คนส่ง “แป้ง” ท่าเรือสตูล โดยวงจรปิดจับชัดรถเก๋งต้องสงสัยรับเสี่ยแป้งออกจากทางเข้าน้ำตกหม่อมจุ้ย

 

ทีมข่าวได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวลับเผยแผนลูกน้อง “แป้ง” พาหนีลงเทือกเขาบรรทัด  แบ่งหน้าที่ 5 คนส่ง “แป้ง” ขึ้นท่าเรือจ.สตูล โดยเปิดไทม์ไลน์  ช่วง 12.00 น. วันที่ 8 พ.ย. แป้งปะทะเจ้าหน้าที่ก่อนหลบหนีต่อ  ที่บ้านในตระ ต.ปะเหลียน จ.ตรัง  ซึ่งจุดปะทะใกล้รอยต่อจ.พัทลุง

 

จากนั้นกลางดึกวันที่ 9 พ.ย. แป้งเดินเท้าหลบหนีกำลังเจ้าหน้าที่ที่ปิดล้อมเทือกเขาบรรทัดฝั่งจ.ตรัง  หนีลงเขามาทางฝั่งพัทลุง  โดยลงจุดใกล้บริเวณน้ำตกหม่อมจุ้ย  เมื่อเดินลงใกล้ตีนเขาได้โทรศัพท์หาลูกน้องรายหนึ่งให้มารับ  จากนั้นขบวนการลูกน้องแป้งมีทั้งหมด 5 คน แบ่งหน้านี้กัน  คนหนึ่งขี่รถจยย.ไปรับตีนเจาบรรทัดฝั่งใกล้จุดน้ำตกหม่อมจุ้ย  คนหนึ่งขับรถเก๋งสีดำจอดรอหน้าซอยทางเข้าตีนเทือกเขาบรรทัดใกล้จุดน้ำตกหม่อมจุ้ย  โดยมีสองคนคอยประสานงาน  และมีคนขับรถกระบะสีขาวรอรถเก๋งที่รับเสี่ยแป้งที่จ.สตูล

 

ซึ่งทีมข่าวเคยไปสำรวจเส้นทางเข้าน้ำตกหม่อมจุ้ยตามเบาะแสที่ชาวบ้านและแหล่งข่าวลับให้ข้อมูล โดยมีทีมงานพาเสี่ยแป้งออกมาจากบริเวณตีนเทือกเขาบรรทัดจุดน้ำตกหม่อมจุ้ย ซึ่งซอยที่ออกมาเป็นซอยเล็กและเป็นทางลูกรังมีเพียงรถเล็กหรือจะต้องเดินเท้าออกมาจากตีนเทือกเขาบรรทัดเท่านั้น  ซึ่งสองข้างทางก็เป็นป่ารกและบางจุดเป็นสวนยางพาราของชาวบ้าน ห่างจากน้ำตกหม่อมจุ้ยประมาณ 1.5 กิโลเมตร

 

โดยจะเห็นหลักฐานภาพวงจรปิดที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาก่อนหน้านี้  ช่วง 23.09 น. วันที่ 9 พ.ย. เป็นนาทีที่รถเก๋งต้องสงสัยขับออกมาจากซอยทางเข้าน้ำตกหม่อมจุ้ย ที่ทีมข่าวไปสำรวจ  คาดว่ารับช่วงต่อจากรถจยย.ที่รับเสี่ยแป้งลงตีนเขา  แล้วมาขึ้นรถเก๋งคันนี้  เพื่อมุ่งหน้าหนีต่อไปยังจ.สตูล 

 

โดยเส้นทางที่รถเก๋งต้องสงสัยคล้ายรถที่ชาวบ้านและแหล่งข่าวลับให้เบาะแส  มุ่งหน้าไปยังเส้นทางบ้านเกาะเรียน - บ้านควน  ในต.ตะโหมด จากนั้นไปบ้านท่าเชียด - บ้านโหล๊ะบ้า - เหมืองตะกั่ว ในต.คลองใหญ่  อ.ตะโหมด  ซึ่งสามารถออกไปยังอ.รัตภูมิ  จ.สงขลาและทะลุไปจ.สตูลได้

 

จากนั้นรถเก๋งดำขับเข้ามาในพื้นที่อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะขับผ่านถนนวังอีคุย หมู่ที่ 8 ตำบลกำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ช่วง 00.23 น. วันที่ 10 พ.ย.  ขับผ่านโรงพยาบาลรัตภูมิ  จ.สงขลา  ช่วง 00.24 น. วันที่ 10 พ.ย. ซึ่งทั้งสองจุดห่างจากน้ำตกหม่อมจุ้ย 43 กม.

 

ต่อมาพบเก๋งต้องสงสัยลักษณะคล้ายรถเก๋งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับที่ปรากฎในภาพวงจรปิดที่ออกจากน้ำตกหม่อมจุ้ย  ในพื้นที่อ.ท่าแพ จ.สตูล โดยขับผ่านในพื้นที่ดังกล่าวช่วงเกือบตีสอง  ของวันที่ 10 พ.ย. โดยเรายังได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวลับว่านอกจากรถเก๋งสีดำ ยังมีรถกระบะขาวอีกคันที่ขับนำขบวน  ขณะรถเก๋งสีดำต้องสงสัยที่รับเสี่ยแป้งขับเข้าไปในพื้นที่จ.สตูล

 

โดยมีท่าเรือที่ใกล้จุดที่รถเก๋งต้องสงสัยปรากฎภาพวงจรปิดในอ.ท่าแพ จ.สตูล  ทั้งหมด 3 ท่าเรือ  1.ท่าเรือทุ่งริ้น  อ.ท่าแพ 2.ท่าเรือสาคร  อ.ท่าแพ  และ3.มุ่งหน้าไปลงเรือที่ท่าเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูลก็ได้  ซึ่งจากข้อมูลลับเสี่ยแป้งขึ้นเรือหนีในคืนวันที่ 10 พ.ย.  แต่ไม่ระบุหนีขึ้นเกาะชาวบ้านในไทยหรือหนีออกนอกประเทศ

 

จากกรณีเสี่ยแป้งเขียนจดหมายถึงตำรวจ โดยเนื้อหาในจดหมาย มีการพูดถึงพันตำรวจโท 2 คน นายดาบอีก 1 คน ผบ.เรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำ นักโทษชาย อัยการบอย และอัยการอีกหนึ่งคน


ต่อมาหลังจากที่อัยการสูงสุดสั่งสำนักงานวิชาการให้รับสำนวนคดีนายแป้ง ที่กล่าวหาอัยการบอย มาตรวจสอบเมื่อวันอังคารที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสำนวน ซึ่งเมื่อช่วงเช้า (30 พ.ย.) อัยการสูงสุดมีคำสั่งย้ายอัยการบอยเข้ามาส่วนกลาง หรือ สำนักงานอัยการการค้ามนุษย์ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกับงานคดี โดยยืนยันว่าการสั่งย้ายไม่ได้หมายความว่าอัยการบอยมีความผิดแต่ย้ายเพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปด้วยความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

 

นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบมี 2 สำนวน โดยขณะนี้ กรณีที่นายแป้ง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ตำรวจชุดจับกุม 8 นาย พลเรือน 1 นาย ในกรณีอุ้มรีดทรัพย์และกักขังหน่วงเหนี่ยว แลกกับการไม่ดำเนินคดีนั้น ขณะนี้พนักงานอัยการได้

 

มีความเห็นสั่งฟ้องไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 66 และอยู่ระหว่างนัดนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟ้องพร้อมสำนวนในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ ในข้อหา ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 , กักขังหน่วงเหนี่ยว และข้อหาอื่นๆ รวม 10 ข้อหา

 

ส่วนประเด็นที่นายแป้ง อ้างว่าอัยการฯเรียกรับ ผลประโยชน์ เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท ในส่วนข้อกล่าวหาจะต้องรอคณะกรรมการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาตรวจสอบในประเด็นที่นายแป้งร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วทางอัยการจะมีการชี้แจงถึงผลการสอบสวนอีกครั้ง ส่วนจะมีการสั่งย้ายอัยการที่ถูกกล่าวอ้างหรือไม่นั้นมองว่าเรื่องนี้ยังไกลไปที่จะมีคำสั่งได้ จะให้เหมือนการสั่งย้ายอัยการบอใบไม้เลยไม่ได้

 

ส่วนการที่สังคมทำไมต้องเชื่อจากจดหมายร้องเรียนของนายแป้ง  แล้วถึงลงไปตรวจสอบ ยืนยันว่า ไม่ใช่แบบนั้น แต่มองว่า การตรวจสอบ หาหมีคนท้วงติงในเรื่องสังคดี อีกทั้งเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ ทางอัยการสูงสุดจึงให้ความสำคัญที่จะต้องทำให้มันโปร่งใส เพื่อตอบกลับสังคมให้ได้

“ธนกฤต” ยันไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม แต่ทำตามหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ยื่นหนังสือถึงหน่วยงานตามที่ “เสี่แป้ง” ร้องขอ พร้อมระบุ อยากให้มามอบตัวเพราะการมีชีวิตอยู่จะได้พูด ในสิ่งที่ไม่ได้รับความยุติธรรม

 

จากกรณีการหลบหนีของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ "แป้ง นาโหนด" ที่ได้หลบหนีออกจากการควบคุมตัวใน รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 22 ตุลาคม 2566 ก่อนถ่ายคลิปเรียกร้องความยุติธรรม

 

ล่าสุดวันนี้นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์ ผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี เข้ายื่นหนังสือของแป้งนาโหนด กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม มี ตัวแทนในการรับหนังสื่อ

 

นายกองตรี ดร.ธนกฤต เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากจดหมายร้องเรียนของนายแป้ง ตนเองได้นำเรียน รมว.กระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี แล้วได้มีการสั่งการให้ตนดำเนินการผ่านศูนย์ร้องทุกข์ ตนเองเป็นผู้รับเรื่องดำเนินการ แต่ย้ำว่าการหลบหนีเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

 

ดังนั้นตามที่นายแป้ง ได้เขียนจดหมายร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องถึงกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมซึ่งมีมากถึง 7 เรื่องนั้นตนขอรับเรื่อง 6 เรื่อง ส่วนเรื่องที่ 1 ตนไม่ขอก้าวล่วงในดุลพินิจของศาล

 

ดังนั้นการรับยื่นหนังสื่อในครั้งนี้ตามสังคมมองว่าทำให้แป้งได้มีตัวตน ตนยืนยัน ไม่มีส่วนได้เสีย แต่การรับเรื่องที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ไปช่วยด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้รัฐใช้ทั้งเจ้าหน้าที่ติดตามตัว และ งบประมาณที่ต้องสูญเสียไปจำนวนมากอีกทั้งเป็นคดีที่สื่อให้ความสนใจ มีตำรวจ งบประมาณมากที่ใช้ สื่อให้ความสนใจ จึงมองว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนสามารถเข้าถึงวิธีการร้องขอความเป็นธรรมได้ เช่นกรณีกรณีของเสี่ยแป้งในครั้งนี้สิ่งที่ตนเองทำวันนี้ได้รู้ว่าสาเหตุของการหลบหนีของเสี่ยแป้งมีเหตุผลอะไรการกระทำของตนเป็นการกำชับเวลาให้รวดเร็วขึ้นเพื่อให้นายแป้งได้ตัดสินใจว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

 

จึงขอย้ำว่า การกระทำดังกล่าว ไม่ใช่การแทรกแซงกระขบวนการยุติธรรม แต่มันคือเรื่องร้องเรียน ตามที่ประชาชนร้องขอ เพราะ ที่ผ่านมาแม้เป็นเคสชาวต่างชาติตนก็ช่วยเหลือ ดังนั้นวันนี้เป็นหน้าที่ภารกิจของตน ที่ต้องการให้เรื่องนี้รวดเร็วที่สุด มันควรต้องจบ ไม่ควรมีเงื่อนไขต่อรอง หากต่อรองไปเรื่อย ๆ งบประมาณรัฐที่ต้องทำเรื่องเหล่านี้จะเสียหาย หากเป็นสงครามตนก็เลิกวิธีการพูดคุยเจรจา

 

พร้อมยืนยันกระบวนการรับหนังสื่อร้องเรียนนั้นจะ จะเป็นกรณีตัวอย่าง หากในสถานการณ์คับขัน ควรเ็นเรื่องควรจะปฏิบัติต่อไปในอนาคต

 

ส่วนกรณี นายแป้งเผยแพร่ คลิปที่ 3 ตนเข้าใจว่าเป็นข้อสงสัย แต่การประกันตัวเป็นดุลพินิจ ก้าวล่วงไม่ได้ ดังนั้นการอนุญาตหรือไม่อนุญาติ ให้ประกันตัว มีปัจจัยมรสาเหตุ แต่ศาลไม่มีส่วนได้เสีย ท่านไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว ดังนั้นศาลมีหลักเกณฑ์ แต่ในเวลานี้ถ้านายแป้ง ไม่มอบตัวก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการประกันตัว เพราะการจะประกันตัวได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมย้ำว่าเป็นเรื่องที่ทนายจะต้องไปวางแผน จึงไม่ใช่เหตุผลที่นายแป้ง จะเอามาพูดถึง

 

นอกจากนี้ตนเองคาดว่าจะมีคลิปที่ 4 เผยแพร่ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกภายหลังจากมีการเขียนจดหมายร้องเรียน และตนเองดำเนินการดำเนินการให้แล้ว

 

ส่วนการคาดการว่านายแป้ง จะเข้ามอบตัวใน 4-5 วันนั้น เพราะส่วนตัวได้ถามทนายความไปแล้วว่าหากตนดำเนินการให้ คุณจะมอบตัวหรือไม่ พร้อมย้ำไปว่า “ คุณอย่าลืมว่าการมีชีวิตอยู่คุณจะได้พูด ในสิ่งที่คุณไม่ได้รับความยุติธรรม ตนจึงเรียกร้องให้ออกมามอบตัว“ ดร.ธนกฤต ย้ำว่า เจตนา นายแป้ง ตามที่ฟังตั้งแต่คลิปแรกก็ยืนยันอยู่แล้วว่าไม่คิดต่อสู้ตำรวจ

 

 

ที่แรก! ผ่าแผนแป้งหนี ได้มือดี 4 ชาย รถ 3 พาลงทะเลทำ 3 ตำรวจมีผวา