“เด็กสมศักดิ์” รับบทคนส่งสาร ร้องขอความเป็นแทน “แป้ง นาโหนด” เผยจับตาคลิปที่ 3 ลุ้นมอบตัวหรือไม่ใน 4-5 วัน ยันขอความเป็นธรรมเป็นคนละเรื่องกับคดี

ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ของรองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน เผยถึงกรณีนายเชาวลิต ทองด้วง(แป้ง นาโหนด) ส่งเรื่องขอความเป็นธรรมผ่านว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความมายัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และตนว่า ก่อนหน้านี้นายเชาวลิต เคยอัดคลิปขอความเป้นธรรมไว้ แต่ไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานได้ ต้องยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรและต้องมีการลงลายมือชื่อ จึงเป้นที่มาที่ทนายความมายื่นร้องขอความเป็นธรรม โดยมีการลงเลขรับไว้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. เวลา 15.57 น แต่ไม่ทราบว่าเอกสารดังกล่าวหลุดไปที่สื่อได้อย่างไร รายละเอียดก็เป็นตามที่มีการเผยแพร่ อาทิ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี เรื่องที่อ้างว่ามีการรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์กรหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวการสั่งคดี ซึ่งข้อเท็จจริงคงต้องให้หน่วยงานเป็นผู้ตรวจสอบ โดยในวันพรุ่งนี้ตนจะนำคำร้องดังกล่าวไปส่งต่อยังกระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีความคืบหน้าของการร้องทุกข์ดังกล่าวออกมาใช่หรือไม่ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤตกล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องไปถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรารับเรื่องราวร้องทุกข์และส่งเรื่องต่อตามที่มาร้องเรียนเท่านั้น

ส่วนได้พูดคุยกับนายเชาวลิตโดยตรงหรือไม่ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤตระบุว่าตนได้รับการประสานจากทนายความเพราะมีความคุ้นเคยส่วนตัว ส่วนทนายความเข้าใจว่ามีการส่งสารต่อมาจากนายเชาวลิต แต่อาจจะไม่ได้สื่อสารกันโดยตรง ไม่ทราบว่าสื่อสารกันวิธีไหน แต่เชื่อว่ามีการติดต่อกันอยู่ตลอด เมื่อถามว่าจากการพูดคุยกับทนายความนายเชาวลิตยังอยู่ในเมืองไทยหรือไม่นั้น นายธนกฤต กล่าวว่า จากที่พูดคุยกับทนายความยังคาดว่าอยู่ในประเทศไทย และเราดำเนินการตามที่นายเชาวลิต ร้องขอมาแล้วก็ขอให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

ทั้งนี้ตอนที่นายเชาวลิต อัดคลิปออกมา กับตอนนี้ความคิดจะเปลี่ยนไป และหลังจากนี้และตนได้ยินมาจะมีคลิปที่ 3 ออกมา โดยจะยืนยันว่าจะมอบตัวหรือไม่อย่างไรนั้น โดยขอเวลา 4-5 วัน และหวังลึกๆว่าจะมีแนวโน้มเข้ามอบตัว

เมื่อถามว่าการประเมินว่าจะเข้ามามอบตัวนั้น นายเชาวลิตจะมาติดต่อโดยตรงมายังว่าที่ร้อยตรีธนกฤตหรือไม่นั้น ว่าที่ร้อยตรีธนกฤตออกตัวว่า เขาไม่ติดต่อตนโดยตรงแน่นอนแต่คนที่จะสื่อสารมายังตนนั้นคือทนายความ

อย่างไรก็ตามว่าที่ร้อยตรีธนกฤตยืนยันว่า การร้องขอความเป็นธรรมกับการถูกดำเนินคดีของนายเชาวลิตเป็นคนละส่วน โดยคดียังเป็นไปตามเดิมและจะถูกเพิ่มโทษกรณีหลบหนีจากการถูกควบคุมตัว

 

ไพศาล เผย แป้งหนีไปอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้ว

เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ของนายไพศาล พืชมงคล โพสต์ข้อความระบุว่า “ซูเปอร์แป้ง นาโหนด ยังไม่ตาย และไม่ได้ถูกวิสามัญตามที่เป็นข่าวแต่ประการใด #สำนักข่าวกระบี่เดียวดาย รายงานว่า ขณะนี้ซุปเปอร์แป้งสุขสบายดีอยู่ที่อินโดนีเซีย ซูเปอร์แป้งไม่ได้ไปโดยเครื่องบินหรอก แต่ไปด้วยบริการเรือเร็วสำหรับขนของหนีภาษี!!!

สำคัญคือไลฟ์สดของซุปเปอร์แป้ง กำลังส่งผลสะเทือนใหญ่หลวง ประชาชนแห่ให้กำลังใจล้นหลามสะเทือนสะท้านยุทธจักร จนเป็นเหตุให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสั่งตรวจสอบ และบัดนี้บางหน่วยงานก็ต้องสั่งดำเนินคดีตามที่ซุปเปอร์แป้งกล่าวอ้างแล้ว!!!

เรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆคงจะบานเป็นกระด้งและอาจทำให้ใครต่อใครตกเก้าอี้กันเป็นแถว!!! อย่าทำเป็นเล่นไปเก้าอี้ตัวใหญ่ถ้าล้มมันจะดัง”

 
นายเรือคาดฉากหลังในคลิปของเสี่ยแป้งน่าจะอยู่ในอินโดฯไม่ก็ติมอร์เลสเต

ล่าสุดทีมข่าวช่อง8 ได้เดินทางมายังท่าเรือทุ่งริ้น อ.ท่าแพ จ.สตูล มาพบกับนายรัน สันโด อายุ 56 ปี คนเดินเรือรับเหมา ที่ท่าเรือทุ่งริ้น โดยนายรัน เผยกับทีมข่าวช่อง8 ว่าจากจุดท่าเรือทุ่งริ้น สามารถไปได้ทุกที่ หากมีน้ำมันเพียงพอ โดยจุดแรกที่จะผ่านก็คือเกาะลังกาวี ตั้งอยู่ห่างจากเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล เพียงแค่ 4 กิโลเมตร นับเป็นเกาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด จากนั้นก็สามารถไปยังจุดต่างๆในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศติมอร์เลสเต ได้ทั้งหมด แต่ขึ้นอยู่กับคนขับเรือ ว่าจะสามารถผ่านน่านน้ำสากลไปได้ยังไง เพราะในยุคนี้ไม่ใช่ว่าใครจะขับเรือเข้าไปน่านน้ำในต่างประเทศเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ส่วนฉากหลังภายในคลิปของเสี่ยแป้ง ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในสวนปาล์มและมีต้นปาล์มขนาดใหญ่ รวมถึงมีรั่วลวดหนามด้วย ตนคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ไม่ก็ประเทศติมอร์เลสเต ไม่น่าจะใช้มาเลเซีย เนื่องจากในครั้งนึงตนเคยไปที่เกาะลังกาวี และประเทศมาเลเซีย ยังไม่มีต้นปาล์มมากนัก ส่วนประเทศอินโดนีเซียและติมอร์เลสเตจะมีต้นปาล์มลักษณะนี้อยู่เยอะ แต่ถ้าหากให้เดาจริงๆตนเชื่อว่าเสี่ยแป้งน่าจะอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย เพราะอยู่ใกล้กว่าประเทศติมอร์เลสเต

 

”ทนายชัชวาลย์“ เผย 7 ข้อเรียกร้อง สามารถทำได้ และไม่หนักใจในการสู้คดี

ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ เปิดเผยความคืบหน้ากรณี “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หลัง “เสี่ยแป้ง” เคลื่อนไหวปล่อยคลิป Ep1 และ Ep2 กล่าวหากระบวนการยุติธรรม โดยระบุว่าจากการวิเคราะห์ background หรือภาพพื้นหลัง จุดที่ “เสี่ยแป้ง” ยืนอัดคลิป ซึ่งเป็นวิวสวนปาล์มน้ำมัน ที่พบเห็นได้ทั่วไปทางภาคใต้และอีกหลายพื้นที่ ส่วนตัวจึงเชื่อว่าจุดที่ “เสี่ยแป้ง” อัดคลิปน่าจะเป็นภูมิประเทศที่อยู่ห่างไกลจากภาคใต้ หรือภูมิประเทศในต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ภาคใต้ของไทยเป็นช่วงฝนตกชุกมีมรสุมเข้า แต่สภาพภูมิอากาศในคลิปของ “เสี่ยแป้ง” กับไม่เหมือนกับอากาศทางภาคใต้ในตอนนี้

ทั้งนี้ ยังเชื่อว่า “เสี่ยแป้ง” น่าจะทำคลิปครบแล้ว 2 คลิป พร้อมทั้งเอกสารต่าง ๆ การจะมีคลิป Ep3 ได้อีกก็ต่อเมื่อมีข้อเรียกร้องเพิ่มเติมอีก ขณะนี้ “เสี่ยแป้ง” จึงน่าจะอยู่ในช่วงของการเก็บตัวมากกว่าออกมาเคลื่อนไหว เพื่อรอดูว่าข้อเรียกร้องได้เป็นไปตามที่ขอความเป็นธรรมหรือไม่ เช่น การขอให้นำตัวผู้กระทำผิดร่วมกับ “เสี่ยแป้ง” มารับโทษ

โดนในวันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ ใน 7 ข้อที่มีเรียกร้อง ในข้อ 1 ไม่สามารถทำได้เพราะเป็นเรื่องของการขอประกันตัวอยู่ที่ดุลพินิจของศาลแต่สิ่งที่ตนทำได้ก็คือการยื่นหนังสือไปยังกระทรวงยุติธรรมส่ง ผ่านไปอย่างประธานศาลฎีกาเพื่อพิจารณาตรวจสอบ และข้อ 2 - 7 สามารถทำได้ เพราะเป็นการเรียกร้องการตรวจสอบถึงพฤติกรรมของหน่วยงานต่างๆ

ตนมองว่าการที่ลูกความมีการยื่นเอกสารและได้รับการพิจารณาจากหน่วยงานที่ทำหนังสือยื่นเข้าไปผ่านตัวกลางอย่าง นายกองตรี ดร ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯประจำรองนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการยื่นเอกสารตรงถึงผู้มีอำนาจของทั้งหน่วยงานรัฐที่มีอำนาจการพิจารณา

ส่วนในด้านคดีความตนมองว่ายังมีโอกาสสู้ได้ถ้ามีการพิจารณาจและอย่างที่ลูกความได้ระบุไว้ในจดหมาย คือ ยังยืนยันว่าจะขอเข้ากระบวนการยุติธรรม และไม่เคยปฏิเสธในเรื่องของคดีความ

ส่วนประเด็นการอัดคลิปเรียกร้องในมุมของตนมันอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องหรือดีที่สุดแต่มันก็เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง ที่เขาอยากพูดในเรื่องราวการเรียกร้องครั้งนี้

ส่วนในประเด็นว่าเสียแป้งจะมีการมอบตัวเมื่อไหร่ก็คงยังตอบไม่ได้เพราะอาจจะมีสาเหตุจากความมั่นใจ จากความมั่นใจของหน่วยงานที่จะให้การช่วยเหลือ

ตำรวจ ยืนยันไม่ได้ตั้งเป้าวิสามัญฯ เหตุปะทะบนเทือกเขาบรรทัด เพราะเสี่ยแป้งเปิดฉากยิงใส่ด้วย M16

พ.ต.อ. พรหมพัฒน สนิทศรี รองผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 9 รักษาราชการแทน ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรภาค 9 ชี้แจงเหตุยิงปะทะกับเสี่ยแป้ง นาโหนด บนเทือกเขาบรรทัด เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 ว่า โดยวันดังกล่าว ตนนำตำรวจชุดแดนไทย 54 จำนวน 12 นาย เดินเท้าขึ้นไปบนเทือกเขาบรรทัด เพื่อพิสูจน์ทราบจุดซ่อนตัวของเสี่ยแป้งตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลจากสายข่าว

“ตำรวจทุกนาย เดินป่ามาแล้ว 4 วัน และหลายนายได้รับบาดเจ็บ เท้าอักเสบ จึงสั่งพัก จากนั้นก็ส่งชุดลาดตระเวนล่วงหน้า ไปค้นหาเป้าหมาย กระทั่งใกล้ถึงพื้นที่เป้าหมาย ประมาณ 50 เมตร ตำรวจกำลังจะปีนหน้าผา ก็มีสุนัขตัวหนึ่ง วิ่งมาหา ทำให้ตำรวจต้องกระโดดลงความสูงประมาณ 5 เมตร หลบซ่อนตัวหลังต้นไม้ใหญ่และก้อนหิน ขณะนั้นเสี่ยแป้ง ซึ่งตั้งแคมป์อยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ เป็นจุดสูงข่มที่ยุทธภูมิดีกว่าฝ่ายตำรวจ เห็นสุนัขวิ่งลงไปหาตำรวจ ก็ใช้อาวุธปืนยิงใส่ตำรวจทันที ทำให้ฝ่ายตำรวจยิงตอบโต้ โดยใช้อาวุธปืนกลสั้น ลำกล้องสั้น ที่พกพาสะดวก และปืนลูกซอง ไม่มีการใช้อาวุธปืนเครื่องยิงลูกระเบิด M79 ตามที่เสี่ยแป้งกล่าวหา” พ.ต.อ.พรหมพัฒน ยืนยัน

ปฏิบัติการครั้งนี้ ชุดแดนไทย 54 ยืนยันว่า ไม่ได้ไปเพื่อวิสามัญฆาตกรรม เพราะหลังการยิงตอบโต้ ตำรวจตะโกนสั่งให้เสี่ยแป้งมอบตัว ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว แต่เสี่ยแป้งก็ไม่หยุด พร้อมยิงปืนเป็นชุดใส่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง ก่อนสะดุดก้อนหินล้ม อาวุธปืนเอ็ม 16 กระแทกต้นไม้จนประกับหลุดเสียหาย รองเท้าที่เสี่ยแป้งสวมใส่หลุดอยู่ในจุดปะทะ 1 ข้าง โดยตำรวจเก็บหลักหลักฐานส่งตรวจดีเอ็นเอ ผลตรวจยืนยันว่าตรงกับดีเอ็นเอของเสี่ยแป้ง

 

ผู้การแต้มซัด "เสี่ยแป้งคือคนร้าย ไม่ใช่ฮีโร่"

"พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ออกมาพูดถึงประเด็น "เสี่ยแป้ง นาโหนด" โดยประเด็นแรกที่ผู้การแต้มให้ความสนใจคือ "สนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน" โดยผู้การแต้มได้เผยว่า มีหลายประเทศที่ทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไทย เช่น สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, เบลเยี่ยม ฯลฯ ซึ่งในการนี้ หากเสี่ยแป้งได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในประเทศดังกล่าว ก็จะสามารถติดต่อขอให้ทางการของต่างประเทศส่งตัวกลับมาได้ทันที

แต่หากเสี่ยแป้งได้หลบหนีไปในประเทศที่ไทยไม่ได้ทำสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เท่าที่มีการตรวจสอบก็คือ อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และหมู่เกาะต่าง ๆ นั้น ก็จะไม่สามารถให้ทางการของประเทศนั้นส่งตัวเสี่ยแป้งกลับมาได้ในทันที แต่ประเทศไทยก็ยังมีแผนสองรองรับ คือ การผลักดันผู้ร้ายกลับประเทศ โดยจะเป็นการประสานกันภายในระหว่างประเทศ มีการนำข้อมูลตั้งต้นส่งไปยังประเทศนั้น ๆ และขอความร่วมมือให้เกิดการผลักดันผู้ร้ายออกจากประเทศ ซึ่งตัวผู้ร้ายเองหากถูกผลักดันก็จะต้องมุ่งหน้ากลับประเทศของตัวเองเท่านั้น แต่ส่วนตัวผู้การแต้มเองมองว่าเสี่ยแป้งนั้นยังไม่ได้ออกนอกประเทศ คงจะหลบหนีอยู่ตามชายแดนไทย

ส่วนประเด็นที่สองนั้น "การสั่งฟ้องชุดจับจรวด" โดย ผู้การแต้มยืนยันว่าการสั่งฟ้องชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการบุกจับนายจรวดนั้นดำเนินการมาตั้งแต่แรกแล้ว คือ วันที่มีการจับกุมตัวนายจรวด ทางฝั่งของนายจรวดได้มีการยื่นฟ้องต่ออัยการว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 9 คนนั้น มีการอุ้มตัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ขณะนั้นเองอัยการก็มีการสั่งตรวจสอบตำรวจทั้ง 9 นายโดยทันที และมีการดำเนินการมาอยู่เรื่อย ๆ การที่เสี่ยแป้งออกมาอัดคลิปแฉนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่เลย ยืนยันว่าการสั่งฟ้องชุดจับตำรวจไม่ได้กระทำเพื่อเอาใจเสี่ยแป้งอย่างแน่นอน

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย และขบวนการขนยาเสพติดนี้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเสี่ยแป้ง หรือนายเชาวลิต ทองด้วง จึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เสี่ยแป้งต้องหลบหนีออกมาจากคุก เพื่อสะสางปัญหาดังกล่าว

ผู้การแต้มจึงอยากให้สังคมนั้นตั้งสติ ไม่อยากให้เชื่อคำพูดของผู้ร้าย หากจะเชียร์เสี่ยแป้งในเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่อย่ายกย่องให้คนร้ายอย่างเสี่ยแป้งกลายมาเป็นวีรบุรุษ อันนี้ตนไม่เห็นด้วยและมองว่าสังคมอาจบิดเบี้ยวไปในที่สุด

ผู้การแต้ม ดึงสติอย่ายกแป้งเป็นฮีโร่ ทนายเชื่อไม่อยู่ไทย "ไพศาล" ชี้เป้ากินหรูอยู่อินโดฯ