แป้ง นาโหนด เขียนจดหมายด้วยลายมือ พร้อมลงชื่อ ส่งถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี

เนื้อหาในจดหมายดังกล่าว ระบุถึงการกล่าวอ้างว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนยุติธรรม โดยต้องการให้นายกรัฐมนตรี พร้อมผู้เกี่ยวข้องตรวจข้อเท็จจริง 7 เรื่อง ได้แก่ ประเด็นที่อ้างว่า ศาลไม่มีความยุติธรรม ในการให้ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว, ตำรวจบางนายปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินและยักยอกทรัพย์สิน

ตรวจสอบประเด็นเรื่องการขายสินค้าในราคาที่ไม่เป็นธรรมของเรือนจำ รวมถึงการทรมานนักโทษ, การรื้อคดีของอัยการคนหนึ่งกับพรรคพวก และการกล่าวหาว่าอัยการระดับสูงเรียกรับเงินจากนายเชาวลิต 500,000 บาท ในระหว่างถูกดำเนินคดี แต่นายเชาวลิตไม่จ่าย จึงถูกฟ้องดำเนินคดีเพียงคนเดียว

โดยลงท้ายประโยคในจดหมายอีกด้วยว่า ทวงความยุติธรรมให้แก่ผมและชาวไทยด้วย กระผมจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกครั้ง ลงชื่อ เชาวลิต ทองด้วง ผู้ร้องเรียน

ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึง ขั้นตอนในการดำเนินการเรื่องจดหมายของเสี่ยแป้งที่ส่งมาถึงนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯสมศักดิ์ โดยมีข้อเรียกร้อง 7 ข้อนั้น ตอนนี้ได้รับเรื่องแล้ว ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล

ส่วนประเด็นนั้นเป็นการร้องเรียน เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งหมด 4 หน่วยงาน แต่สามารถบอกได้เพียงแค่ 3 หน่วยงานเท่านั้น มีข้อร้องเรียนมาทั้งหมด 7 เรื่อง แต่สามารถดำเนินการให้ได้เพียงแค่ 6 เรื่อง เท่านั้น ส่วนอีกเรื่องหนึ่งไม่สามารถดำเนินการให้ได้เพราะไม่ได้อยู่ในดุลพินิจ และไม่มีอำนาจที่จะสามารถทำเรื่องดังกล่าวได้

โดยหลังจากนี้จะไปยื่นเรื่อง ต่อ 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทั้งสามหน่วยงานนี้มีส่วนรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับ7ข้อร้องเรียนของเสี่ยแป้ง

โดยข้อร้องเรียนทั้งหมดของเสี่ยแป้งนั้น ทุกข้อต้องเข้าสู่กระบวนการหาข้อเท็จจริง ว่าเป็นไปตามที่ได้ร้องเรียนเข้ามาหรือไม่

ส่วนมุมมองของตนคิดว่าในเรื่องนี้ ก็จะดำเนินการในส่วนของข้อร้องเรียนเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นและจะแจ้งต่อทนายความ ให้รับทราบ เพื่อที่ทนายความจะได้ไปคุยกับญาติพี่น้องของเสี่ยแป้ง เพราะก่อนหน้านี้ตนเองได้คุย กับทนายความ และมีการปรึกษากับญาติพี่น้องของเสี่ยแป้ง คิดว่าอีก ไม่นานเสี่ยแป้งจะกลับเข้ามอบตัว และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

อยากจะฝากถึงเสี่ยแป้งว่าสิ่งที่ได้ส่งมาเราได้ตรวจสอบให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เงื่อนไขในการเข้ามอบตัว แต่ในเมื่อผมได้ยื่นจดหมายให้กับหน่วยงานครบหมดแล้วฉะนั้นเสี่ยแป้งก็ควรจะมอบตัว เพราะตอน นี้รัฐบาลก็รับทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว เสี่ยแป้งก็ควรที่จะหมดข้อกังวลใจ

และที่สำคัญ การที่ไม่ยอมเข้ามามอบตัว มันก็อาจจะเป็นผลร้ายสำหรับตัวเสียแป้งเองด้วย เพราะตอนนี้ไม่อาจรู้ได้ว่าใครบ้างที่มีส่วนได้เสียกับคุณ เพราะฉะนั้นถ้าคุณยังหลบหนีอยู่ ก็อาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย

“ผบ.ตร.” ยัน “แป้ง นาโหนด” มีความผิดกราดยิงหลายพื้นที่หลังเทียบกระสุนปืน ด้านรอง ผบ.ตร.ขอให้เชื่อมั่น ตร. แม้ยังไม่จับคนช่วย “เสี่ยแป้ง” หนี รวมทั้งตรวจสอบกระแสข่าว “พล.ต.ต. ก.” ช่วยเสี่ยแป้งหนี

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงอาวุธปืนที่ นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษอุกฉกรรจ์หลบหนีคดี ใช้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จะต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นปืนที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ แม้จากในภาพที่เห็นจะเป็นปืนเอ็ม 16 แต่ก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นปืนที่ได้รับการดัดแปลงหรือไม่ เพราะอาวุธปืนที่ เสี่ยแป้ง ใช้ ประเภทที่ประชาชนสามารถครอบครองจะไม่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้ ส่วนรุ่นที่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้จะเป็นอาวุธสงครามที่มีเฉพาะเจ้าหน้าที่ครอบครองได้เท่านั้น แต่การที่ เสี่ยแป้ง เอามาใช้ก่อเหตุในหลายพื้นที่ ถือว่ามีความผิดอยู่แล้ว เนื่องจากการเทียบกระสุนปืนพบว่าตรงกับเหตุในหลายพื้นที่

ด้าน พลตำรวจเอกธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การที่ตำรวจรู้เบาะแส วัน เวลา และผู้ช่วยเหลือ นช.แป้ง หลบหนีการปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ลงจากเขาบรรทัด แต่ยังไม่จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าตำรวจมียุทธวิธีในการปฏิบัติที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งการทำงานขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก

ส่วนกระแสข่าวการหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ระบุว่า ข่าวก็คือข่าว ส่วนจะอยู่ในประเทศหรือไม่ ยังไม่ขอตอบในรายละเอียด แต่ขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนกรณีที่กระแสข่าวว่าได้รับความช่วยเหลือจาก พล.ต.ต. ก. ขณะนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งจเรตำรวจฯ มาตรวจสอบแล้ว หากพบพยานหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใดก็จะดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย