ผบช.น. สั่ง ผบก.น.5 ตั้งกรรมการสอบตำรวจพื้นที่ปล่อยปละละเลย ปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกตกท่อ

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้ออกคำสั่งกรณีรถบรรทุกเหยียบฝาครอบท่อระบายน้ำจนทรุดตัวลง จนส่งผลให้รถแท็กซี่ และรถ จยย.ได้รับความเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ ได้มีคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเนื้อหาระบุว่า

กรณีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 22.45 น. ได้เกิดเหตุรถยนต์บรรทุก ซึ่งวิ่งมาตามถนนสุขุมวิทขาเข้าในช่องทางที่ 6 นับจากซ้ายมือ เมื่อขับขี่มาถึงบริเวณปากซอยสุขุมวิท 64/1 ได้เกิดเหตุฝาครอบหลุมท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ได้ทรุดตัวลงแยกเป็น 2 แผ่น แล้วทำให้ฝาครอบหลุมท่อระบายน้ำแผ่นที่ 6 กระดกขึ้น เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์แท็กซี่ กระเด็นลอยขึ้นและตกลงมาบนพื้นถนน ทำให้รถทั้ง 2 คัน ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งผลกระทบให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก

ซึ่งต่อมาได้ปรากฏข้อมูลว่า รถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ มีสติ๊กเกอร์หน้ารถบรรทุก พบว่าเป็นรูปดาวมีตัวอักษร B สีเขียว ทำให้เกิดเป็นประเด็นที่เคลือบแคลงสงสัยต่อประชาชนโดยทั่วไป ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ว่าเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์หรือไม่อย่างไร

เหตุเกิดถนนสุขุมวิท บริเวณปากซอยสุขุมวิท 64/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง จังหวัดกรุงเทพมหานคร

ฉะนั้น เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบมีพฤติการณ์ปล่อยปละละเลยหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวจะมูลอันเป็นการกระทำความผิดทางวินัยตำรวจ หรือไม่อย่างไร กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว โดยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

1. พันตำรวจเอก ภพธร จิตติ์หมั่น รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นประธานกรรมการ

2. พันตำรวจเอก สุนทร ไชยรักษา ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นกรรมการ

3. พันตำรวจโท กฤษณะ จันทร์ประเสริฐ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 เป็นกรรมการและเลขานุการ

ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดำเนินการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แล้วเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง มาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป