วันนี้พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท.รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพลตำรวจโทอิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมทีมงานคลี่คลายคดีตามล่าตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “เสี่ยแป้ง” อายุ 37 ปี ทั้งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดยประชุมนานกว่า 6 ชั่วโมง  ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช

ภายหลังประชุมพลตำรวจโทธนา ชี้แจงหลายประเด็นที่เกิดขึ้น  เมื่อทีมข่าวถามว่า “เสี่ยแป้ง” มีโอกาสที่จะหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้วหรือไม่ พลตำรวจโทธนา บอกว่า “เป็นไปได้จากหลักฐาน” แต่ถ้าหลบหนีข้ามไปจริง ก็มีการประสานตำรวจสากลออกหมายแดงต่อไป ซึ่งถ้าเสี่ยแป้งกลับมา ก็ได้สั่งการทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้จับตัวไว้แล้ว

แต่หากเสี่ยแป้งหลบหนีออกนอกประเทศ  ทางตำรวจเชื่อว่าไปยังเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย หรือเมียนมาร์  ซึ่งเส้นทางการลงเรือสันนิษฐานว่าถ้าเป็นเส้นทางสะดวกที่สุด อาจหนีไปทางท่าเรือตำบลมะลังเพื่อข้ามไปยังเกาะลังกาวี แต่หากมีคนช่วยก็อาจลงเรือท่าเรืออื่นที่ใกล้ๆบริเวณดังกล่าวได้เช่นกัน

ส่วนประเด็นการสอบปากคำนายบิ๊ก และนายปอย เพื่อขยายผลคดี  มีการเค้นสอบถามว่าจุดสุดท้ายที่ส่ง เสี่ยแป้ง หรือแยกทางอยู่ที่จุดไหน ยังไม่สามารถบอกข้อมูลส่วนนี้กับสื่อมวลชนได้  ส่วนที่ทั้งคู่ปฏิเสธว่าไม่ได้พาเสี่ยแป้งหลบหนี  ในเรื่องของคำให้การของทั้ง 2 คน ก็มีสิทธิที่จะให้การหรือพูดอะไรก็ได้ แต่ทางตำรวจเชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว  ที่มีในมือตอนนี้หลักฐานแน่นพอสมควร

ส่วนออกหมายจับนายหนอน คนขับรถเก๋งสีดำในขบวนพาเสี่ยแป้งหลบหนี  อยู่ระหว่างเร่งไล่ล่าตัวอยู่ และจะพยายามตามจับตัวให้ได้เร็ว ๆ นี้ โดยหลังจากนี้จะขยายผลต่อเนื่อง หากพบพยานหลักฐานไปถึงใคร ก็จะดำเนินคดีทั้งหมด ยืนยันว่าไม่หนักใจในการทำคดี เพราะเป็นคดีสำคัญที่ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ตามจับตัวให้ได้

และสุดท้ายประเด็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือผู้คุมที่เฝ้าไข้ “เสี่ยแป้ง” ในวันเกิดเหตุ  ทางรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เรื่องนี้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ประสานกับทางตำรวจอยู่ตลอด และตัวผู้คุมเองก็ไม่ได้หลบหนี พร้อมให้ความร่วมมือตลอด ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมอย่างแน่นอน แต่หากพบหลักฐานว่า มีส่วนช่วยเสี่ยแป้งหลบหนีหรือพบว่ากระทำความผิดเ้วย ทางตำรวจไม่ต้องรอการสอบทางวินัยของทางกรมราชทัณฑ์ และสามารถดำเนินคดีอาญาได้ทันที

รถกลุ่มผู้พาเสี่ยแป้งหลบหนีจากโรงพยาบาล

หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายสุทิวัส ขุนณรงค์ อายุ 28 ปี หรือ หนอน ทุ่งลาน ได้พบกับนางวรพัฒน์ ขุนณรงค์ อายุ 56 ปี เปิดใจกับช่อง 8

โดยวันนี้ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปหานางวรพัฒน์ อีกครั้งเพื่อสอบถามว่านายหนอนได้ติดต่อมาหรือไม่ อย่างไร นางวรพัฒน์ เผยว่า วันนี้ตนได้ติดต่อโทรไปหาลูกชาย 3 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ปิดเครื่องตลอดเลย

วันนี้ตอนช่วงเที่ยงก็มีตำรวจกว่า 10 คน เข้ามาหาที่บ้านถามตนว่าติดต่อหนอนได้หรือไม่ ตนก็ยืนยันว่าติดต่อไม่ได้ ตำรวจจึงขอให้ตนหากติดต่อหนอนได้ ให้พาหนอนไปมอบตัว

โดยเมื่อวานนี้ทางตำรวจก็เข้ามาหาตนแบบนี้ ไม่ได้มีการค้นบ้านหรืออะไร มีเพียงแค่มาถามหาหนอน ว่าติดต่อได้หรือไม่ หากหนอนจะมอบตัวก็ให้ประสานมาหาตำรวจได้เลย

ส่วนภรรยาและลูกของหนอน ตนก็ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นอย่างไร หรืออยู่ที่ไหน บ้านเขาตนก็ไม่เคยไป เบอร์โทรก็ไม่มี จึงยังไม่ได้คุยกัน

ตนก็ยืนยันว่าอยากให้ลูกกลับมามอบตัวแต่โดยดี เหมือนที่เมื่อวานตนได้ฝากบอกหนอนผ่านทางช่อง 8 ไป วันนี้ก็ยังขอฝากถึงหนอนเหมือนเดิม ถ้าดูอยู่ก็ขอให้กลับมามอบตัว

ความคืบหน้าของการติดตามไล่ล่า "เสี่ยแป้ง" หรือนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี นักโทษชายคนสำคัญที่หลบหนีหลังจากแกล้งป่วยออกจาก โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชเมื่อตี 1 วันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่กำลังติดตามไล่ล่าทั้งเสี่ยแป้งและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาหลบหนี

ต่อมาทีมข่าวได้สำรวจคลิปในโลกออนไลน์  ก็พบมี ยูทูปเบอร์รายหนึ่งช่อง ที่นำกุญแจมือแบบโซ่ มารีวิว  โดยมีการอธิบายในคลิปว่าเป็นกุญแจมือรุ่นที่ขายดีที่สุดซึ่งทางตำรวจก็นิยมใช้กันมากที่สุดเช่นกัน  ทั้งงานปราบปราม งานจราจร และงานสืบสวน

ในส่วนกุญแจมือเป็นแบบดับเบิ้ลล็อก ล็อกสองชั้น  ดอกไขกุญแจทรงกลม  และยังมีการสาธิตวิธีใช้ให้ดู

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะที่ผู้ต้องหาในคดีเข้าร้านจำหน้ายอุปกรณ์เดินป่าเพื่อกุญแจมือ  เป็นภาพเหตุการณ์ในวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 10.19 น.  จากภาพจะเห็นรถกระบะอีซูซุดีแมกซ์ สีขาว  ซึ่งเป็นรถของนายบิ๊กได้ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าร้านค้าอุปกรณ์เดินป่า 

จากนั้นนายปอยที่เป็นชายใส่หมวกเปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วเดินลงจากรถ  โดยมีนางสาวไหมเปิดประตูรถฝั่งเบาะหลังแล้วเดินลงจากรถเข้าร้านดังกล่าว

ทั้งคู่เดินเข้าร้านไปไม่นาน  แล้วนายปอยก็เดินออกมาพูดคุยกับนายบิ๊กซึ่งนั่งอยู่ในรถเบาะข้างคนขับซึ่งไม่ได้ลงมาจากรถด้วย  ก่อนที่นายปอยจะเดินเข้าร้านไปอีกครั้ง  หลังจากซื้อกุญแจมือเสร็จทั้งนายปอยและนางสาวไหมก็เดินขึ้นรถแล้วนายปอยก็ขับรถออกไป

ต่อมาจึงเดินทางไปที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์เดินป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง  โดยพบกับนายโต (นามสมมติ) อายุ 40 ปี  เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์เดินป่า  ซึ่งได้ยอมรับว่า วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมามีชายหญิงคู่หนึ่งมาซื้อกุญแจมือจริง  โดยหญิงคนนั้นมีใบหน้าและรูปพรรณสันฐานคล้ายกับนางสาวไหม  แต่ในส่วนชายที่มาด้วยกันตนจำไม่ได้ว่าเป็นนายปอยหรือนายบิ๊ก

โดยก่อนที่ทั้งคู่จะเข้ามาที่ร้านตน  ตนอยู่ในร้านจึงไม่ได้สังเกตว่าทั้งคู่ได้ขับรถกระบะสีขาวมาจอดที่หน้าร้านของตนหรือไม่ จำได้เพียงว่าทั้งคู่เดินเข้ามาที่ร้านของตนและสอบถามตนเพื่อที่จะขอซื้อกุญแจมือ ตอนนั้นตนก็ได้นำกุญแจมือในร้าน สองรุ่นสองราคามาเสนอ แบบพานพับ  มีดอกไขทรงแบน ราคา 690 บาท  และอีกรุ่น แบบโซ่ มีดอกไขทรงกลม 

โดยทั้งสองเลือกซื้อ แบบโซ่ มีดอกไขทรงกลม ในราคา 790 บาท ตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจที่ทั้งคู่เลือกซื้อกุญแจมือรุ่นนี้ เพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อจะเป็นตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน  เนื่องจากเป็นรุ่นและยี่ห้อเดียวกับที่ตำรวจใช้กับผู้ต้องหา  ซึ่งท่าทีที่ทั้งคู่มาซื้อทำเนียนคล้ายก็ถูกมีคนสั่งให้มาซื้อ  ตนก็นึกว่าตำรวจหรือผู้ใหญ่บ้านสั่งมาให้ซื้อ  เลยไม่ได้สอบถามรายละเอียดว่าซื้อไปทำไม หลังทั้งคู่ซื้อเสร็จก็ออกจากร้านไปทันที

จนกระทั่งมีข่าวนักโทษหลบหนี  และได้ทราบข้อมูลว่าสองในขบวนการมาซื้อก็รู้สึกตกใจ เพราะหนึ่งชุดที่ซื้อไปจะมีกุญแจมือและดอกไขกุญแจมือ  ซึ่งดอกไขกุญแจมือไม่ได้เหมือนกับกุญแจรถจักรยานยนต์  โดยหากเราใช้กุญแจรถจักรยานยนต์คันที่เราขี่ไปเสียบกุญแจคันอื่นจะไม่สามารถสตาร์ทรถได้ เพราะดอกกุญแจรถแต่ละดอกจะไม่เหมือนกัน แต่ในส่วนของดอกไขกุญแจมือแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง  เพราะหากเป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกัน  สามารถนำดอกไขกุญแจมือไปไขกุญแจมืออันอื่นที่เป็นรุ่นและยี่ห้อเดียวกันได้

ทั้งนี้ทางร้านไม่ได้นำกุญแจมือที่เป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกันกับที่ถามผู้ต้องหาได้ซื้อมาโชว์ให้ทีมข่าวดู  เนื่องจากสินค้ายี่ห้อและรุ่นนี้หมดสต๊อกทางร้านแล้ว มีเพียงอีกรุ่นหนึ่งซึ่งมีดอกไขกุญแจมือทรงแบนที่เอามาโชว์เท่านั้น