*เปิดภาพคู่"บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก"
เมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่ภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ ผบ.ตร. พร้อมร่วมรับประทานอาหารย่านเมืองทองธานี ก่อนจะแสดงความยินดี ที่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ตร.

พร้อมพูดคุยปรึกษาหารือพัฒนาและขับเคลื่อนการทำงานของตำรวจ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา

โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น และใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา

*"บิ๊กต่อ"
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการแชร์ภาพถ่ายคู่กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สวมกอดแสดงความยินดีรับตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้น

ล่าสุด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันว่า รูปที่ตนเองถ่ายคู่กับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์เป็นภาพจริง ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ อยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีมาก ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตนเองจะออกมาชี้แจงทุกประเด็น แล้วยืนยันว่าในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีใครทะเลาะกัน

จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า ประเด็นภาพขณะที่ถ่ายรูปกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น มีกระแสโซเชียลพูดถึงว่า เป็นสายมูเตลู หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตอบว่า ตนเองไม่ได้เป็นสายมูเตลู แค่ทำบุญกับพระ และนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สายมูเตลู

*ทนายอนันต์ชัยโพสต์ธนูขึ้นสาย
วันนี้ 29 ก.ย. 66 ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช หรือทนายกระดูกเหล็ก ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก เป็นเรื่องราวให้ชวนคิด โดยระบุข้อความว่า

"ธนู เมื่อขึ้นสายแล้ว ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยวและตรงเป้าหมาย !

ขณะที่แม่ทัพออกรบอยู่บนหลังม้า ได้เล็งและยิงลูกธนูออกไปยังศัตรูฝ่ายตรงข้าม ทุกดอกที่ยิงออกไปถูกศัตรูอย่างแม่นยำ จนศัตรูถึงแก่ความตาย และกำลังเล็งจะยิงอีก 1 ดอก ไปยังแม่ทัพของศัตรู ซึ่งหากยิงธนูดอกนี้ไปการรบครั้งนี้จะชนะทันที

แต่ในขณะที่แม่ทัพกำลังจะยิงธนูนั้น มีพระราชโองการจากฮ่องเต้ว่า ให้ถอยทัพเพราะศัตรูขอเจรจา แม่ทัพจะทำอย่างไร ???"

ถ้าถามผม ผมจะตอบว่า “เกาทัณฑ์ เมื่อขึ้นสายแล้ว ก็ต้องยิงให้เต็มเหนี่ยว และตรงเป้าหมาย “ ถ้าผมเป็นแม่ทัพ ผมยิง แม้จะขัดราชโองการและแม้จะกลับมาถูกตัดหัวก็ตาม เพราะแม่ทัพจะชนะศึกครั้งนี้ทันที ศัตรูจะเกรงกลัวไม่กล้าต่อกรอีกต่อไป

ในสนามรบแม่ทัพย่อมใหญ่กว่าฮ่องเต้

แล้วถ้าท่านเป็นแม่ทัพ ท่านจะตัดสินใจอย่างไร ????

*ทนายกระดูกเหล็กแจงเกาทัณฑ์ขึ้นสาย

ทีมข่าวช่อง8 สอบถาม ทนายอนันต์ชัย ก็พูดถึงเรื่องเกาทัณฑ์ ที่ตัวเองโพสต์ลงใน เฟซบุ๊ก ขึ้นมาบอกว่า ตอนนี้ตัวเองเปรียบเสมือนเป็นแม่ทัพที่กำลังไปออกรบ ส่วนบิ๊กโจ๊กเป็นฮ่องเต้ และในขณะที่ตัวเองกำลังรบอยู่ แล้วมีฮ่องเต้มาบอกให้ตัวเองหยุดก่อนในขณะที่แม่ทัพกำลังได้เปรียบอยู่ตัวเองก็คงจะไม่สามารถหยุดทัพตามคำสั่งของฮ่องเต้ได้ แม้ว่ากลับมาจากศึกแล้ว จะยอมโดนตัดหัวก็ตาม ก็เหมือนกับตอนนี้ที่ทำคดีอยู่ถึงแม้ว่าจะมีการขอร้องไม่ให้เดินหน้าต่อ ทนายอนันต์ชัยบอกว่าไม่สามารถขอร้องตัวเองเองได้ มีสิ่งเดียวที่จะทำให้ถึงหยุดได้ก็คือบิ๊กโจ๊กต้องปลดตัวเองออกจากการเป็นทนาย

*เผยเดินหน้าบิ๊กเซอร์ไพรส์ เจอกัน 5 กันยายนนี้
ส่วนเรื่องบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่บอกว่าจะนำมาเปิดเผยในวันที่ 5 ตุลาคม ยังเป็นเหมือนเดิม ซึ่งบิ๊กเซอร์ไพรส์ดังกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าไม่เกี่ยวกับบิ๊กโจ๊กและตำรวจทั้ง 8 นาย แต่เป็นเรื่องอื่นที่จะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานในวงการสีกากี และคนที่จะไปกับตนเองก็เป็นคนที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี

ทนายอนันต์ชัย ยังกล่าวถึงเรื่องคุณมินนี่ หลังจากที่ตัวเองได้ฟังการสัมภาษณ์เมื่อคืนนี้โดยส่วนตัวมีความรู้สึกเห็นใจคุณมินนี่ เพราะเขาอายุไม่เยอะและมีลูกวัย 6 ขวบ พอเด็กเห็นข่าวของแม่ตัวเองก็คิดว่าเด็กก็คงจะมีความรู้สึกเหมือนกัน เพราะตัวเองก็เป็นพ่อคน และรู้สึกเห็นใจคุณมินนี่ ซึ่งตัวเองมองว่าสิ่งที่คุณมินนี่พูดเป็นการพูดออกมาจากใจ ด้วยสีหน้าแววตาและการพูดจาที่ฉะฉานแบบกล้าได้กล้าเสีย โดยวันที่ 3 ตุลาคม ตัวเองก็จะไปพบเพื่อทำการพูดคุยกับคุณมินนี่

ทนายอนันต์ชัย ยังบอกด้วยว่าคุณมินนี่ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน มีชายนิรนามคนหนึ่ง ออกมาต่อว่าคุณมินนี่ว่าทำไม่ถูกต้อง ซึ่งตัวเองมองว่าการพูดดังกล่าวเป็นการพูดแบบกลอนพาไป ศาลเขาไม่ได้มาสนใจเรื่องในโซเชียล ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และอยากฝากคำถามไปถึงชายคนนั้นว่าเคยไปว่าความและสืบพยานเหมือนกับตัวเองหรือไม่ รู้หลักกฎหมายอะไรไหม และเรียนจบกฎหมายแล้วหรือยัง ที่ไปชี้ว่าคนนั้นผิด-ถูก ตัวเองจึงอยากให้ประชาชนและสื่อมวลชนใช้วิจารณญาณไปกับเรื่องนี้ด้วย

*ที่ทำงานบิ๊กโจ๊กเงียบเหงา ระพีโผล่ให้กำลังใจ

ที่สโมสรตำรวจ ตลอดทั้งวัน สื่อมวลชนทุกสำนักมาปักหลักรอการปรากฏตัวของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.หลังช่วงเช้าที่ผ่านมา สื่อมวลชนได้สลับกันโทรศัพท์หาพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์แต่ก็ไม่รับสาย ไม่โทรกลับ และบางครั้งก็ตัดสายทิ้ง ซึ่งถือว่าผิดปกติ

แต่นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจากมูลนิธิเป็นหนึ่ง เดินทางมารอให้กำลังใจ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ รวมถึง นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดี “แอม ไซยาไนด์” ซึ่งต่างก็เตรียมช่อดอกไม้มาร่วมให้กำลังใจ และเดินทางมารอพบพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ตั้งแต่ 9 โมงเช้า

และก่อนหน้านี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ได้ทำหนังสือลาราชการไว้ตั้งแต่วันที่ 27-29 ก.ย. ซึ่งวันนี้ยังคงลาราชการต่ออีก 1 วัน ส่วนนายตำรวจชุดที่อำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง ให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ยังประจำการรอรับนายในห้องสอบสวน ถึงแม้จะยังไม่มีความชัดเจนว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์จะเดินทางเข้าไปที่สโมสรตำรวจหรือไม่ ซึ่งเป็นวันที่สองแล้วที่ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่

*ศาลอาญาชี้แจงออกหมายค้น "บ้านบิ๊กโจ๊ก" โดยชอบ
วันนี้ (29 ก.ย.2566) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีการออกหมายค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า หลังจากปรากฏข่าวว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นซึ่งออกโดยศาลอาญา ไปตรวจค้นบ้านพักอาศัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งต่อมามีบุคคลอ้างว่าเป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข่าวว่าเป็นบ้านพักอาศัยของตน เจ้าพนักงานตำรวจผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นหลอกลวงศาล ด้วยการปิดบังข้อเท็จจริงไม่ให้ข้อมูลต่อศาลว่าบ้านหลังที่ขอให้ออกหมายค้นเป็นบ้านพักของข้าราชการตำรวจตำแหน่งระดับสูง ในลักษณะว่าเป็นเหตุให้ศาลออกหมายค้นไปโดยผิดหลง นั้น

ศาลอาญาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ศาลอาญาออกหมายค้นไปโดยชอบ ตามพยานหลักฐานที่ผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นนำเสนอ ซึ่งกรณีหากมีเหตุที่จะออกหมายค้นที่รโหฐานใด ๆ ตามกฎหมาย เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่สามารถร้องขอให้ศาลออกหมายค้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่าที่รโหฐานนั้นจะมีข้าราชการตำแหน่งระดับสูง หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง หรือบุคคลสำคัญคนใด เป็นเจ้าของหรือครอบครองอาศัยอยู่หรือไม่

แต่ในการยื่นคำร้องขอให้ออกหมายค้นหรือในการนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล ผู้ร้องมีหน้าที่ต้องเบิกความหรือให้การต่อศาลตามความเป็นจริงโดยไม่ปิดบังข้อมูลว่า บ้านหลังที่ขอค้นมีบุคคลซึ่งดำรงตำแหน่งข้าราชการระดังสูง หรือผู้มีตำแหน่งระดับสูง หรือบุคคลซึ่งสังคมให้ความสำคัญโดยฐานะหรือโดยสถานภาพทางหน้าที่การงาน ครอบครองเป็นเจ้าของหรือพักอาศัยอยู่หรือไม่ เพื่อศาลจะได้ใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคำร้องขอให้ออกหมายค้นอย่างรอบคอบว่า มีเหตุที่จะออกหมายค้นตามกฎหมายจริงตามที่เจ้าพนักงานผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นกล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามหลักการในการรับฟังพยานหลักฐาน

มิเช่นนั้นแล้ว หากได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนย่อมมีความเสี่ยงที่จะกระทบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการครอบครองอยู่อาศัยในเคหสถานของบุคคลโดยปกติสุข ตามที่มีการรับรองไว้ในบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น ศาลอาญาจึงอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบต่อไปว่า มีกรณีที่เจ้าพนักงานผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นหรือผู้ที่ให้การเป็นพยานในชั้นขอให้ศาลออกหมายค้นเจตนาปิดบังข้อเท็จจริงต่อศาลในการนำเสนอพยานหลักฐานตามที่มีการเสนอข่าวหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยชัดเจน เพื่อความโปร่งใสและเพื่อให้ผู้ร้องขอให้ออกหมายค้นพึงระมัดระวังมาตรฐานในการนำเสนอพยานหลักฐานของตนต่อศาล และเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

*มินนี่ โพสต์คลิปคู่ลูก
ส่วนความเคลื่อนไหวของมินนี่ ล่าสุดโพสต์คลิปในติ๊กต็อก และโพสต์ข้อความระบุว่า ขอบคุณโลกใบนี้ที่ทำให้รู้จักคำว่ารัก ลูกชาย ลูกคนแรก

เมื่อดูยอดผู้ติดตามมินนี่ ภายหลังจากที่มินนี่แถลงข่าววานนี้ (28ก.ย.66) ปรากฏว่า มีผู้กดติดตามขณะนี้ 14,600 บัญชี เพิ่มมากขึ้นจากเดิมกว่า 4,000 บัญชี

นอกจากนี้ ยังมียอดกดไลท์เพิ่มขึ้นทะลุ109,700 ครั้ง

อนันต์ชัยไม่หยุดรบแม้ โจ๊ก-ต่อ คืนดี เปรียบธนูพุ่งแล้ว มินนี่ตื้นตันได้เจอรักแท้