พล.ต.ท.ไตรรงค์ เผยพนง.สอบสวนคดี พิจาราณาเรียกสื่อ 7 คน 1 หน่วยงานเอี่ยวรับเงินบช.ม้า

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เผยว่า การประชุมวันนี้เป็นการสรุปและติดตามความคืบหน้าในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดี โดยมุ่งเน้นไปที่เส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงไปหากลุ่มสื่อมวลชน7คน 1หน่วยงาน ซึ่งกำลังพิจารณาพิจารณาในการออกหมายเรียกและเชิญมาให้ปากคำในฐานะพยาน เพราะตอนนี้ฝ่ายสืบสวนได้มีการส่งข้อมูลรายงานให้กับฝ่ายสอบสวนเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงิน แต่เบื้องต้นพบว่ามีการโอนเข้าเป็นรายชื่อบุคคล 7 คน และ 1 หน่วยงาน โดยมีการรับโอนเงินบางคนพบลักษณะรับโอนรายเดือน บางคนลักษณะรายครั้ง แต่ยังให้รายละเอียดไม่ได้ว่าจำนวนเงินเท่าไหร่ มีตั้งแต่หลัก1000-10,000บาท ซึ่งทั้งหมดมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการรับโอนเงินจากบัญชีม้า แต่ในบรรดากลุ่มรายชื่อที่มี ณ ตอนนี้ก็มีความใกล้เคียงกับตัวเลขที่นายอัจฉริยะมีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ แต่อาจไม่ถึง 10 ราย ซึ่งสุดท้ายแล้วฝ่ายสืบสวนก็ต้องหาข้อมูลส่งให้กับฝ่ายสอบสวนในการเรียกสอบต่อไป

และในวันนี้ทราบว่ามีพยานและบุคคลที่อ้างตัวเองว่ามีการรับโอนจากบัญชีที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบัญชีม้า หรือตัวแทน ได้มีการเดินทางเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมกับให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเบื้องต้น ณ ขณะนี้ อยู่ที่ 10 ราย แม้ว่าจะเกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง พนักงานสอบสวนก็จะมีการรับดำเนินการ และมีการเก็บรวบรวมคำให้ ซึ่งยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาในเวลานี้ หากบุคคลใดที่ทราบตัวเองว่าเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าหรือบัญชีการเชื่อมโยงก็ให้เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมทั้งเข้ามาให้การเพิ่มเติมได้ // และกรณีวันนี้ที่ตำรวจยศ พล.ต.ท. (พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ) เดินทางเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมก็ถือว่าเป็นประเด็นที่จะเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจพร้อมทั้งให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพื่อที่จะใช้ในการประกอบและเป็นประโยชน์ต่อสำนวนคดีแม้ว่าวันนี้จะไม่มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับก็ตาม

กรณีผู้ถูกกล่าวหามีการออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินและเว็บพนันโดยตรง แต่มีบัญชีบางส่วนที่ไปแตะ โดยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรับเงินและพัวพันกับเว็บไซต์พนันออนไลน์นั้น เบื้องต้นทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวนโดยเฉพาะเส้นทางการเงิน และความเกี่ยว หากพบก็ต้องถูกเรียก หรือหากรู้ตัวว่าเกี่ยวข้องหรือมีเส้นทางใดที่เกี่ยวข้องกันก็ควรที่จะมาแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อนที่จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับ

 

"สนธิญา" ชี้ นักข่าวรับเงินไม่ผิด อยู่ที่เจตนาผู้ให้และผู้รับ ขอ "บิ๊กก้อง" ให้ความเป็นธรรม

28 ก.ย. 66 นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช กรณี มีผู้มาร้อง ตำรวจ ปปป. ว่าผู้สื่อข่าวรับเงิน เครือข่ายพนันออนไลน์ จำนวนประมาณ 10 คน จริงเท็จ หรือใส่ร้าย ต่อองค์กรสื่อสารมวลชน จึงเรียกร้องให้ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ลงมาควบคุม ตรวจสอบกรณีนี้ อย่างเข้มข้นและเร่งด่วน เพื่อสรุป และประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป และในประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

นายสนธิญา ระบุ การรับเงินของนักข่าวรับได้ แต่อยู่ที่เจตนาของผู้ให้และผู้รับ ไม่เชื่อว่านักข่าวจะมีการรับเงินเพื่อฝักใฝ่ฝ่ายใด ที่ผ่านมา ตนเองเคยให้เงินนักข่าวที่สนับสนุนอดีตพรรคการเมืองที่ตนอยู่ แต่กลับถูกปฏิเสธ จึงทำให้เชื่อว่า นักข่าวมีจรรยาบรรณ จึงทำให้ต้องมายื่นในวันนี้ เชื่อว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง จะใหัความเป็นธรรมกับเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ นายสนธิญา ฝากถึงบุคคลนอก ว่า การต่อยมวยมีกติกาลูกผู้ชาย เวลาต่อยมวยกัน คนอื่นล้ม มวยไทย ไม่ซ้ำ นั่นคือสัญญาของลูกผู้ชาย ขณะเดียวกัน ไม่ควรซ้ำเติม ตำรวจ ในกรณี บิ๊กโจ๊ก ถือว่าไม่มีความเป็นธรรม

 

หัวหน้าสอบสวนอดีตทีมลูกน้องโจ๊ก” รับเงินโอนจากรองสืบคริษฐ์และบัญชีมา จึงเดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อนถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับ

ภายหลัง พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ลูกน้องสายงานบิ๊กโจ๊ก (อดีตหน.ทีมสอบสวนบิ๊กโจ๊ก) อดีตผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 (ผบก.สส.ภ.4) ในฐานะ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจนครบาล5 (บก.น.5) เมื่อเวลา 13.05 น. โดยมีการตอบสื่อมวลชนว่าเดินทางมาเพื่อทานข้าวกับน้องๆ ทีมสืบสวน ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

แต่ปรากฏว่าเมื่อเวลา 17.15 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ กลับลงมาจากอาคารที่ทำการของ บก.น.5 โดยได้มีการยอมรับกับสื่อมวลชนก่อนที่จะเดินทางกลับ ว่า ตนเองเดินทางมาเพื่อที่จะชี้แจงและยืนยันความบริสุทธิ์ใจก่อนที่หมายเรียกหรือหมายจับจะออก เนื่องจากมีการไปรับเงินจากบัญชีของนายวุฒิพงศ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบัญชีม้า และเกี่ยวข้องกับรองคิด หรือ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ด้วยตนเองมาแสดงความบริสุทธิ์ใจเพราะมีการรับเงินต่อครั้งครั้งละ 50,000 บาทผ่านบัญชี ตอนแรกก็มีการรับโอนผ่านบัญชีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ เพราะเป็นคณะทีมของรองโจ๊ก และยืนยันว่าเงินจำนวนดังกล่าวเอาไปใช้สำหรับในด้านของการทำงานสืบสวนสอบสวนในขณะการลงพื้นที่ และมีหลายครั้งเกี่ยวข้องกับเรื่องของการจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าเป็นการโอนเงินแทนรองโจ๊กโดยมี พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นบัญชีผู้โอนให้

แต่ช่วงเดือนตุลาตุลาคม 2565 เป็นต้นมา ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนชื่อการโอน โดยมีการใช้บัญชีของนายวุฒิพงศ์ เป็นคนโอนเข้ามาในบัญชีของตนเอง หลังจากที่ตัวเองเห็นว่ามีรายชื่อดังกล่าวเกี่ยวข้องจึงได้เข้ามาให้ข้อมูลโดยการนำสเตทเม้นท์และข้อมูลการรับโอนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะเข้าใจว่าการรับโอนเงินดังกล่าวเป็นเส้นทางที่มาจากโรงโจ๊กโดยมี พ.ต.ท.คริษฐ์ เป็นคนดำเนินการทางบัญชีให้ แต่เมื่อวันนี้ถูกเชื่อมโยงและมีการพูดถึงบัญชีดังกล่าวตนเองจึงเดินทางมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพื่อที่จะเป็นประโยชน์ในสำนวนคดีรวมถึงส่งให้กับศาลและอัยการ แต่ถ้าหากตนเองมีการเดินทางมาก่อนที่จะมีการออกหมายเรียกหมายเรียก แล้วสุดท้ายมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาซ้ำตนเองยืนยันว่าไม่เดินทางมา หากมีการออกหมายจับจึงจะอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าการรับโอนเงินดังกล่าวไม่ใช่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายบัญชีม้าหรือเว็บไซต์พนันออนไลน์ เพราะการที่จะเกี่ยวข้องหรือมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำผิดนั้นก็ต้องรู้กระบวนการ และมีส่วนได้เสียหรือร่วมด้วยช่วยกัน ฉะนั้นเมื่อตนเองเป็นคนปลายทาง มีการรับเงินโอนจากบัญชีที่เกี่ยว ก็เดินทางมาเพื่อที่จะให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเท่านั้น และตนเองก็ไม่ได้กังวลใจอะไร เพราะถือว่าเป็นเงินส่วนต่างที่ไม่ได้รู้ที่มา แต่รับเงินจำนวนดังกล่าวดังกล่าวเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่หรือใช้จ่ายในระหว่างที่ทำงานสอบสวนเท่านั้น

 

ทนายอนันต์ชัย ยืนยัน มินนี่แถลงข่าว ไม่กระทบต่อการต่อสู้คดี ลั่นอังคารนี้มีบิ๊กเซอร์ไพร์ส สะเทือนวงการตำรวจแน่นอน

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะทนายความของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และ 8 นายตำรวจ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการต่อสู้คดี ที่สำนักงานทนายความย่านโชคชัย4 ว่า วันนี้ตนเองติดงานแต่ก็ได้พูพคุยกับเล็กน้อยกับท่าน โดยหลังจากทุกคนเข้ามาหาตนเองแล้ว หน้าตาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้น ไม่เครียด ตนก็บอกทุกคนไปว่าน้องไม่ต้องกลัว ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องกลัว เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น

ส่วนประเด็นที่ทนายอนันต์ชัย บอกว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เตรียมที่จะเปิดเผย ทนายอนันต์ชัย บอกว่า ขอให้รอติดตามบิ๊กเซอร์ไพรส์ได้บอกไปได้เลย จะเป็นเรื่องที่ทำให้คนไทยช็อคกันทั้งประเทศ โดยการต่อสู้จะใช้หลักการทางกฎหมายล้วนๆ โดยตนเองจะใช้กฎหมายสอนหน่วยงานรัฐทั้งหน่วยงาน ว่าอย่าทำแบบนั้น พอถามว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานไหน ทนายอนันต์ชัย ถามกลับว่า “แล้วตอนนี้กำลังทะเลาะกับใครอยู่ล่ะ” พอถามว่าใช่วงการสีกากีไหม ทนายอนันต์ชัยบอกว่า “แน่นอน” ตอนนี้ตัวเองได้เตรียมเอกสารไปถึง 80 เปอร์เซ็นแล้ว เตรียมจะนำออกมาเปิดเผยในอังคารที่จะถึงนี้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และตำรวจที่เหลืออีก 8 นาย แต่จะไปพร้อมกับคนสำคัญอีกคน ยืนยันว่าหลังจากเปิดเผยเรื่องนี้ จะกลายเป็นเรื่องนี้ใหญ่ระดับชาติแน่นอน

นักข่าวถามถึงกระแสข่าวที่บอกว่าหลังสิ้นสุดการแถลงข่าวมินนี่จะเดินทางเข้าพบทนายอนันต์ชัย ประเด็นนี้ทนายอนันต์ชัย ตอบว่า มินนี่ ไม่ได้มีการนัดหมายพบกับตัวเองและไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน เพราะทางมินนี่ก็มีทนายของเขาอยู่แล้ว

ส่วนการแถลงข่าวในวันนี้คาดว่าจะกระทบต่อรูปแบบทางคดีของตัวเองหรือไม่นั้น ทนายอนันต์ชัย บอกว่า คงไม่ได้มีผลกระทบอะไร เพราะตัวเองทำงานอยู่บนพยานหลักฐาน และตามประสบการณ์ในฐานะที่ทำอาชีพทนายความมากว่า 38 ปี และยืนยันว่า ไม่กังวลการแถลงข่าวขอบมินนี่

อนันต์ชัยลุยแน่! อังคารนี้กรมตำรวจสะเทือน เปิดตัวคนสำคัญทำคดีพลิก