ทนายอนันต์ชัย นำ บิ๊กโจ๊ก - 8 ตำรวจเปิดหน้าชน ลั่นสัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์

วันที่ 27 ก.ย.66 ที่สำนักงานของทนายอนันต์ชัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาเพื่อพูดคุยร่วมกับทนายอนันต์ไชย ไชยเดช ทันที หลังจากนั้นตำรวจที่ถูกออกหมายจับทั้ง 8 นาย ประกอบไปด้วย พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น., พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย ผกก.ตม.จว.จันทบุรี, พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ, พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร สวป.สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ จว.สมุทรปราการ, ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร., และ ส.ต.อ อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่ ป.สภ.บางปะกง ต่างทยอยเดินทางเข้ามาด้วยเช่นกัน

ต่อมาเวลา 18.00 น. ทนายอนันต์ชัย พร้อม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และตำรวจทั้ง 8 นาย ได้แถลงถึงผลการประชุม โดย ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันนี้เพิ่งเจอกับตำรวจทั้ง 8 นายเป็นวันแรก ในรูปคดียังไม่ได้คุยกันในรายละเอียด แต่คุยเป็นภาพมุมกว้าง ยอมรับว่าไม่ได้หนักใจ เมื่อสักครู่ตนได้ให้กำลังใจตำรวจทั้ง 2 นาย โดยบอกว่าเมื่อถูกกล่าวหาไม่เปิดหน้าและให้สู้

ตนสนใจเพียงแค่พิมพ์ไม่ถูก เมื่อสักครู่ได้ถามนายตำรวจทั้ง 8 นาย ทุกคนยืนยันว่าไม่ผิด ซึ่งวันนี้สิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณะเป็นข้อมูลลับของราชการทั้งนั้น แล้วทาง บช.สอท. นำมาเปิดเผยได้อย่างไร ขอเตือน บช.สอท. ว่าเตรียมตัวไว้ ตนไม่มีมวยล้มต้มคนดู สู้แบบผู้มีปัญญาชน มองว่าตำรวจทั้ง 8 นายนี้ทำความดีมาเยอะ ไม่เคยสรรเสริญ ทำผิดครั้งเดียวเอาตายเลย ส่วนคนที่เอามาเผยแพร่ต่อตนเตรียมเอาตาย บอกเลยว่าตนฟ้องหมิ่นประมาทมาเยอะจนเชี่ยวชาญ

ตนมองว่า บช.สอท. ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ เมื่อไหร่ที่ทำสิ่งที่ถูกใจแต่ไม่ถูกต้องจะรู้ว่านรกมีจริง จะนำความจริงให้ปรากฏใครทำผิดต้องยอมรับผิด ใครไม่ได้ทำผิดต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้สำนักงานกฎหมายอนันต์ชัย ไชยเดช จะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการทั้งหมด

ส่วนเรื่องการโยกย้ายเป็นเรื่องปกติธรรมดา คดีของ “บิ๊กโจ๊ก” ไม่หมูอย่างที่คิด เพราะตอนนี้ไม่ใช่ “โจ๊กหวานเจี๊ยบ” แต่เป็น “โจ๊กอัคนี” ตนยืนยันว่างานนี้มีเอาคืนแน่ แต่จะใครบ้างจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ ส่วนสัปดาห์หน้าเตรียมตัวรับบิ๊กเซอร์ไพรซ์สะเทือนวงการสีกากี อย่างไรก็ตามสำหรับความคืบหน้าของคดี ศาลฯ สั่งไต่สวน 25 ต.ค. ปมละเมิดอำนาจศาล

เปิดใจ “พ.ต.อ.ภาคภูมิ” รับคบหาดูใจ “มินนี่” ปัดไม่เกี่ยวเว็บพนัน พร้อมเข้าชี้แจงทุกประเด็นทางคดี

ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับพ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รองผบก.สส.บช.ภ.4 ลูกน้องของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หลังได้รับการประกันตัวออกมา โดยเปิดใจทุกประเด็นกับช่อง 8 วันนี้

- ประเด็นแรกในส่วนที่ตนถูกดำเนินคดี ตนยอมรับในกระบวนการกล่าวหาเพราะตนก็เป็นตำรวจ หากตนถูกกล่าวหาและอีกฝ่ายมีพยานหลักฐาน ตนก็ต้องพิสูจน์สู้ตามกระบวนการเช่นเดียวกัน โดยตนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสั่งการให้มีเว็บพนันออนไลน์ และฟอกเงิน ในสิ่งที่กล่าวหามาในหลายเรื่องไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ตนขอปฏิเสธว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน

“เพราะคดีนี้ไม่ใช่การดำเนินการปกติ เป็นการดำเนินการที่ส่งผลให้คนอื่นได้รับผลกระทบเยอะแยะ อยากให้คนที่ดำเนินการ ให้ความเป็นธรรมกับคนที่เอาผิดเขาแล้ว ก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์เขาด้วย” และในส่วนที่มีคนกล่าวหาว่าตนรู้จักกับ”มินนี่” ตนไม่ปฏิเสธ ยอมรับคบหาดูใจกันแต่ไม่ได้เจอกันบ่อย

- ประเด็นสองตนขอชี้แจงเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองกับมินนี่ ตนรู้จักกับมินนี่ตั้งแต่ตอนที่ตนไปดำรงตำแหน่งเป็นผกก.สภ.เมืองเลย ในช่วงปลายปี 2563 รู้จักกันที่งานเลี้ยง โดยตนรู้จักกับแม่ของมินนี่อยู่แล้ว เพราะแม่ของมินนี่เป็นนักการเมืองและเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจที่โรงพัก จากนั้นก็เจอกันมาเรื่อยๆประมาณ2-3 ครั้ง จนกระทั่งตนได้ย้ายมาเป็นรองผบก.สส.บช.ภ.4 ที่ขอนแก่น ในช่วงปี 2564-2565 เป็นเวลาสองปีก็ไม่ได้ติดต่อและไม่ได้เจอกัน

ต่อมาก็กลับมาเจอมินนี่อีกครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปลายปี 2565 หรือช่วงต้นปี 2566 โดยเจอกันในงานเลี้ยง ซึ่งภาพที่ปรากฏในโซเชียลเป็นภาพรูปคู่ถ่ายกับมินนี่ก็คือภาพที่ถ่ายกันในงานเลี้ยงและร้านอาหารช่วงประมาณปลายปีที่แล้วหรือต้นปีนี้ซึ่งตนจำช่วงเวลาได้ไม่แม่นยำ ยืนยันว่าตั้งแต่รู้จักกับมินนี่เจอกันไม่ถึง 10 ครั้ง ซึ่งตัวมินนี่มีนิสัยขี้เล่นก็ถ่ายรูปกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้อยู่กันเพียงแค่สองคน แต่อยู่ในที่รโหฐาน ก็ยังแซวกันเล่นว่า “ถ่ายเลยนะแต่อย่าเอาไปลงไอจี เดี๋ยวเมียพี่เห็น”

นอกจากนั้นช่วงปี 2566 มินนี่ได้ทักแชตไลน์มาหาตน ระบุข้อความว่า “พี่ เพื่อนหนูคนหนึ่งถูกเรียกไป” ตนขอไม่เอ่ยชื่อเพื่อนของมินนี่ แล้วมินนี่ก็พูดชื่อตำรวจในหน่วยงานหนึ่งขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นมินนี่ไปเที่ยวสิงคโปร์ ตอนนั้นตนก็บอกกลับไปว่า “อย่าไปยุ่งเกี่ยว เดี๋ยวมันจะยุ่ง” ทีนี้พอมีการจับกุมคดี 140 ล้าน ที่มินนี่เป็นผู้ต้องหาคดีนี้ด้วย ก็มีกระแสมาโจมตีตนเองและน้องชายตนเองว่าไปเกี่ยวข้องด้วย

เผยหากจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ตนกับมินนี่ “ ใกล้ชิด แต่ตนเป็นผู้ชาย พูดไม่ได้เดี๋ยวผู้หญิงเขาเสียหาย โดยเดี๋ยวผู้หญิงจะออกมาพูดเอง หลังมินนี่ชี้แจงแล้วตนจะออกมาให้ข้อมูลทุกเรื่องทุกประเด็นอย่างชัดเจนอีกครั้ง แต่ขอให้ผู้หญิงพูดก่อน เพราะตนเองเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่เสียหาย ขอยอมรับว่าผิดที่ตนเอง เพราะตนเองไปรู้จักสนิทใกล้ชิดกับมินนี่ แต่ไม่ได้เจอกันบ่อย ไม่ใช่เป็นสามีภรรยาอะไรแบบนี้ “ยืนยันว่าตนเองมีภรรยาคนเดียว อยู่กินกันมาประมาณ 30 ปีแล้ว ไม่ได้มีภรรยาหลายคน แต่ถามว่าผู้ชายมันคือความมักง่ายความไม่รับผิดชอบของตนเอง”

ตนไม่ปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์กับมินนี่ เพราะตอนนี้ครอบครัวตนก็ได้รับผลกระทบแล้ว ชื่อเสียงพ่อแม่ ตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือภรรยา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักเลย และเกิดจากการที่ตนเองเป็นผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบ ซึ่งตนวอนขอสื่อให้หยุดประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ตนกับมินนี่ อยากให้ไปโฟกัสเรื่องคดีความที่ตนถูกกล่าวหา

ขณะที่ตอนนี้ในโลกโซเชียลมีการตั้งคำถามตนว่าตนเป็นคนพามินนี่มารู้จักกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ขอชี้แจงว่าตนไม่ได้เป็นคนพามินนี่ไปรู้จัก แต่มินนี่รู้จักกับคนในงานเลี้ยงอยู่แล้วจึงไปงานเลี้ยงที่ทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปด้วย ยืนยันมินนี่ไม่ได้รู้จักกับตนที่เป็นตำรวจเพียงแค่คนเดียวรู้จักกับคนอื่นด้วย ประเด็นนี้เดี๋ยวมินนี่จะมีการออกมาชี้แจงเอง ซึ่งในส่วนคลิปที่มินนี่มีการร้องเพลงกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ งานเลี้ยงนั้นตนไม่ได้ไปด้วย

- ประเด็นที่สามเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์จากบัญชีมินนี่มาสู่บัญชีตน ขอยืนยันว่าตรวจสอบได้ ไม่มีจริงและไม่เคยเกี่ยวข้อง ตนไม่ได้มีบัญชีหน้าม้าตนมีบัญชีธนาคารเพียงบัญชีเดียวที่เงินเดือนตำรวจเข้าบัญชีทุกเดือนเท่านั้น ซึ่งบัญชีไม่ได้ผูกกับอีแบงค์กิ้งมือถือ มีบัตรเอทีเอ็มบางทีก็กดเองบางทีก็ให้ลูกน้องไปกดให้ หากจะตรวจสอบยินดีชี้แจงเรื่องนี้

- ประเด็นที่สี่ วันนี้ตนจะเข้าไปกราบขอโทษพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเพราะเรื่องส่วนตัวพี่ไปสนิทสนมมินนี่ทำให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้รับความเสียหาย กระทบกระเทือนชื่อเสียง ยืนยันพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้รู้เห็นและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องส่วนตัวของตนกับมินนี่ “ยอมรับเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตนซุกซนและมักง่าย” “ยืนยันว่าไม่ว่าใครจะเป็นผบ.ตร. ตนเป็นตำรวจก็ทำหน้าที่ตนเหมือนเดิม โดยตนทำงานทุกวันไม่ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์มาประมาณปีกว่าแล้ว

ในส่วนกรณีที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์แถลงสื่อมวลชนว่าให้เงินลูกน้องเวลาลูกน้องไปทำงานให้ ก็ยืนยันว่าเป็นความจริงต้นเคยได้รับเงินจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพราะเวลาพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ใช้ลูกน้องไม่เคยออกปากใช้ฟรี แต่จะช่วยเหลือทั้งเรื่องค่าน้ำมันรถและค่าอย่างอื่นเพราะเวลาขยับไปทำงานก็ต้องใช้เงินรอเงินจากราชการอาจไม่ทันเวลา ก็จะให้เงินลูกน้องทุกครั้งที่ใช้งานลูกน้อง เพราะรู้ว่าลูกน้องไม่มีเงิน แต่ในส่วนเงินที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำมาให้ลูกน้องตนไม่เคยถามว่าได้เงินมาจากส่วนไหนเพราะตนเป็นเพียงลูกน้องเท่านั้น แต่เชื่อว่าเป็นเงินส่วนตัว

 

พ.ต.อ.เขมรินทร์ ยืนยันไม่มีบัญชีม้า มีบัญชีเดียวคือเงินเดือน

ในขณะที่ พันตำรวจเอกเขมรินทร์ พิศมัย ยอมรับว่ารู้จักกับมินนี่ โดยผ่านจากพันตำรวจเอกภาคภูมิ ซึ่งเป็นพี่ชายเป็นคนแนะนำให้รู้จัก เท่าที่จำได้เคยเจอกันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น เป็นร้านอาหารหนึ่งครั้ง และเป็นที่สถานบันเทิงอีกหนึ่งครั้ง ทุกครั้งที่เจอกันเนื้อหาส่วนใหญ่ที่มีการพูดคุยก็จะเป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งมินนี่ ก็ได้มีการถ่ายรูปคู่กับต้นแล้วส่งไปให้พันตำรวจเอกภาคภูมิดู ซึ่งจึงเป็นเรื่องที่มีคนนำมาเชื่อมโยงกันว่าตนมีความสนิทสนมกับมินนี่ ต้นจำไม่ได้ว่าภาพนี้ถ่ายเมื่อเดือนไหนจำได้เพียงว่าได้มีการถ่ายในปีนี้

ส่วนใหญ่ตนเองและพันตำรวจเอกภาคภูมิ พี่ชาย ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้มาเจอกันอยู่แล้วเพราะต่างคนต่างทำงานคนละพื้นที่ จึงทำให้ตนไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมินนี่และพี่ชาย ส่วนเรื่องของหมายจับหลังจากที่เห็นหมายจับมาถึงบ้านก็ยอมรับว่าตกใจ เพราะตัวเองโดนข้อหาเรื่องของการพนัน และฟอกเงิน และยังพบข้อพิรุธในหมายจับที่ไม่ได้มียศนำหน้า ส่วนอาชีพก็มีการระบุว่ารับจ้างเท่านั้นไม่ใช่การรับราชการตำรวจ ซึ่งประเด็นนี้ได้นำเรื่องให้กับทนายความเป็นคนตรวจสอบแล้ว

ส่วนเรื่องบัญชีธนาคาร ยืนยันว่าไม่ได้มีบัญชีม้าเพราะตลอดชีวิตการรับราชการมีเพียงบัญชีเดียวที่เอาไว้ใช้รับเงินเดือนโดยเปิดไว้ตั้งแต่เป็นยศร้อยตำรวจโท ดังนั้นตนเองไม่มีความจำเป็นที่จะนำบัญชีไปรับเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะมันไม่คุ้มกัน

ด้านพ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวถึงประเด็นเรื่องไปพัวพันกับบัญชีม้าว่า ตนเองไม่ขอพูดเรื่องดังกล่าว ขอให้ทนายอนันต์ชัยเป็นคนพูดแทน เพราะได้บอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว

ส่วนประเด็นที่พล.ต.อ.สุรเชษฐระบุได้นำเงินส่วนตัวไปให้พ.ต.ท.คริษฐ์ไปบริหารจัดการนั้น พ.ต.ท.คริษฐ์ ระบุว่า ขอให้บิ๊กโจ๊กและทนายเป็นคนชี้แจง พร้อมยืนยันว่า “ตัวเองบริสุทธิ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น”

ส่วนเมื่อถามว่าพ.ต.ท.คริษฐ์ ติดการพนันหรือไม่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ตอบว่า ทุกอย่างมอบให้ทนายไปหมดแล้ว เมื่อถามว่ามีปัญหาทางด้านการเงินหรือไม่ พ.ต.ท.คริษฐ์ตอบเช่นเดียวกันว่า จะให้ทนายเป็นคนชี้แจง เพราะรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวข้องกับสำนวนในคดี

 

ผู้กำกับ 2 พี่น้องโต้รับเงินเว็บพนัน "ภาคภูมิ" ลั่นผิดเองไม่ห้ามใจ เปิดวาร์ปมินนี่สุดสวย