พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร เผย บิ๊กโจ๊ก ต้องตอบที่มาของเงินให้ได้

วันนี้ทีมข่าว ช่อง 8 ได้พูดคุยกับ อดีตมือปราบพระกาฬ "พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร" อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ที่ดำรงตำแหน่ง กรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ในเรื่องราว เส้นทางการเงินที่เกิดขึ้น จะมีผลกระทบหรือทำให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ต้องชวดเก้าอี้ ผบ.ตร. หรือไม่นั้น

พล.ต.ท.เรวัช เผยว่า ตนไม่ได้อยากตอบ หรือวิเคราะห์ว่ายอดเงินที่มีการโอนไปนั้น เป็นค่าอะไร เพราะก็ไม่ทราบถึงรายละเอียดจริงๆ จากที่ดูเส้นทางการเงินนั้น ต้องบอกว่า

สิ่งที่พิรุธ คือ ทำไมไม่ได้โอนให้บัญชีตนเอง ซึ่งจริงๆ ก็ต้องชี้แจงให้ได้ แต่ส่วนใหญ่ราชการ เมื่อต้องโอนเข้าบัญชีตนเองนั้น ก็ไม่อยากไปชี้แจงกับหน่วยงาน ปปง ปปช แต่ก็ต้องดูว่าเงินได้มาอย่างไร ใช้จ่ายยังไง

ในกรณีที่ บิ๊กโจ๊ก เผยว่า จะทำการโอนเงินค่าใช้จ่ายให้ลูกน้อง และลูกน้องจะเป็นคนโอนต่อ แต่กลายเป็นลูกน้องมีเงิน จากบัญชีม้า ซึ่งมาจากเว็บพนันออนไลน์นั้น จะมีผลถึงตัว บิ๊กโจ๊ก ไหมนั้น ก็คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ทราบถึง รายละเอียด มันต้องดูที่พยานหลักฐาน และตรวจสอบ ซึ่งมันก็ต้องระบุในสำนวน ถึงทำการออกหมายจับได้ เพราะการออกหมาย ต้องมีหลักฐานพอสมควร ซึ่ง คนที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องชี้แจงให้ได้ และศาลจะเป็นผู้ตัดสิน ตอนนี้ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์

การโอนเงินที่หาตำรวจ อีก 7 นาย มีจำนวนเงินไม่เท่ากัน อาจมองเป็นค่าปฏิบัติงานได้ไหม ถ้าโดยส่วนตัว เมื่อตอนปฏิบัติงานนั้น ก็จะมีต้องส่งคนไปสำรวจก่อนปฏิบัติงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่ากิน ค่าที่พัก ไปเหนือ ใต้ อีสาน ก็มีค่าใช้จ่าย ตัวผู้บังคับบัญชา ก็ะมีงบค่าราชการลับ ตอนปฏิบัติหน้าที่ สมัยตนเดือนหนึ่ง 5 แสน แต่ตนก็ไม่ได้เรียกมารับนะ ก็จะให้ ผู้การ รองผู้บัญชาการที่คุมทีมมารับไปจัดการ เพราะค่าใช้จ่ายมี คนที่จะซวย คือคนรับโอน เพราะถ้าเป็นเงินทุจริต แต่ถ้าเป็นเงินทุจริต ไม่ให้โอนตรงอยู่แล้ว คิดแบบชาวบ้าน คิดง่ายๆ
อะไรคือจุดที่มองว่า เงินนั้น สุจริต ก็ดูว่าโอนจากใคร ตำรวจโอนให้ และตัวเองปฏิบัติภารกิจ อยู่ภาคต่างๆ แต่ถ้าเกิด โอนจากคนทำผิดกฏหมาย มันก็ผิดชัดเจน ต้องไปดูรายละเอียด

บิ๊กโจ๊ก ก็ต้องชี้แจงให้ได้ มันก็เหนื่อยใจ ลูกน้องใกล้ตัวไปใกล้ชิดคนกระทำความผิดขนาดนี้ แต่เป็นความผิดเฉพาะตัว ทีมจับกุมก็ลำบากใจ แต่หลักฐานไปถึงใคร ก็ต้องจับ ตั้งแต่คดีกำนันนกมา ก็เรื่องมาตลอด จะมีผลอะไรกับการเลือก ผบ.ตร. ไหมนั้น ก็ต้องว่า ในมุมตน มองว่า ไม่มีผล เพราะอยู่นายกเป็นผู้เลือกและจากที่รู้มา มีการเลือกกันจบแล้ว และตัว บิ๊กโจ๊กเอง ก็ไม่ได้อะไร กับตรงจุดนั้น เขายังมีเวลาทำงาน อีกหลายปี ตอนนี้การแต่งตั้ง ผบ.ตร. อยู่แค่รอเข้าที่ประชุมเท่านั้น ว่าผ่านหรือไม่ และในเรื่องราวที่เกิดขึ้น มองว่า เป็นเรื่องของการทำผลงานมากกว่า เพราะอยู่ในช่วงขยับปรับยศด้วย ทางผู้ใหญ่คงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องแสดงผลงานให้ผู้บังคับบัญชาได้เห็นก่อน เพื่อจะได้รับการแต่งตั้ง

และสำหรับในประเด็นเรื่อง การนำพลเรือนมาสอบสวน โดยการนั่งเครื่องบินนั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะการควบคุมผู้ต้องหานั้น จะมีเวลาที่จำกัด ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ ยิ่งถ้าเป็นคดีใหญ่ๆ เขาก็ทำกัน อันไหนที่สามารถ ช่วยให้ได้เวลา การสอบสวนเพิ่มมากขึ้น ก็สามารถทำได้

"ผู้การแต้ม" เผยสงสาร ”บิ๊กโจ๊ก“ ที่โดนตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมมองว่า ยังไม่ชี้ชัดไปถึง บิ๊กโจ๊ก

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือผู้การแต้ม ในเรื่องประเด็นเส้นทางการเงินทีมีข้อมูลออกมานั้น

ผู้การแต้ม มองว่า ในตอนนี้ยังไม่ได้ถึง บิ๊กโจ๊ก แต่สิ่งเห็นได้ชัด คือ ตำรวจ ที่มีเส้นทางการเงิน เมื่อไปถึงใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ เพราะจากหลักฐานที่ปรากฎไม่ได้มีการโอนเพียงครั้งเดียว มีการโอนหลายครั้ง หลายทอด พร้อมการโอนมีความสลับซับซ้อน โอนจากคนนี้ ไปให้คนนั้น ผ่านบัญชีม้า จากบัญชีม้าคนนี้ ไปบัญชีม้าคนนั้น และมาถึงตำรวจ

ซึ่งในเรื่องนี้ คนที่ตอบได้ดีที่สุด ก็คงเป้นตำรวจ 2 นาย คือ พ.ต.อ. ภาคภูมิ และ คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ และจริงตำรวจอยู่ด้วยกัน ควรโอนให้กันได้เลย แต่ทำไมถึงเลือกผ่านบัญชีม้า มันเป็นความพิรุธให้เห็นว่า ตำรวจนั้นได้กระทำความผิด เพราะบัญชีม้า อยู่ที่ทั้ง 2 คน ไม่ได้อยู่กับเจ้าของ ทำไมเอามาถือไว้ พร้อมในเรื่องตำรวจอีก 7 นายนั้น อาจะรอด เพราะอาจจะไม่ได้ทราบที่มาของเงิน แต่เป็นตำรวจโอนมา อาจจะกล่าวอ้างว่า เป็นเงินปฎิบัติหน้าที่ ทำการสืบสวน และในส่วนของมีการโอนเงิน ให้กับทางครอบครัวบิ๊กโจ๊กนั้น มันมีผลกระทบต่อตัวบิ๊กโจ๊ก และต้องทำการชี้แจง เพราะจำนวนเงินไม่ใช่น้อย

พร้อมมองเรื่องเส้นทางการโอนเงินครั้งนี้มองว่า มีพิรุธ คือ ตำรวจที่เป็นข่าว ได้รับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้กระทำความผิดกฏหมาย เพราะถ้าไม่รับผลประโยชน์ ก็คงไม่ทำอะไรที่สลับซับซ้อนอะไรแบบนี้ มันทำให้พบพิรุธ

ทิศทางของบิ๊กโจ๊กก็ต้องบอก ตนสงสาร เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวน พร้อม โดนตั้งคณะกรรมการ เมื่อตั้งแล้ว ตำรวจก็ต้องทำการสอบสวน การตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็ต้องมีผลของ การเลือกตั้ง ผบ.ตร. อย่างแน่นอ

ในเรื่องการมองว่าเป็นปัญหาของ กรมตำรวจ ที่มีความขัดแย้งกัน ควรมีการเรียกคุยหรือเคลียร์นั้น ก็ต้องบอกว่าแล้วใครจะเป็นคนเคลียร์ ในเมื่อภาพลักษณ์ของเขาแสดงว่า ไม่ได้มีปัญหากัน ถึงจะรู้อยู่แกใจว่าใจไม่ถูกกัน ก็ไม่รู้จะต้องเคลียร์อะไร จะให้ ผบ.ตร. เรียกมาคุยส่วนตัว มาทานข่าวกัน ก็ทำได้ แต่เขาบอกว่า ไม่มีอะไร มันก็พูดยากแล้ว หรือจะให้นายกเรียกมาคุย มันไม่ใช่หน้าที่เขา จะเรียกมาเจ็บตัวทำไม พร้อมถ้าถามว่าเรื่องนี้จะจบยังไง ก็เผยสั้นๆว่า ยาก

 


บก.น.5 นำ "ผู้การนำเกียรติ" กับผู้ร่วมขบวนการและพลเรือนฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เหลือพลเรือน 1 คนเร่งสอบบปากคำขยายผล

พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 คุมตัวผู้ต้องหาคดีฟอกเงินรวม 14 คน ประกอบด้วย นายตำรวจ 6 นาย และพลเรือนอีก 8 คน ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพฯใต้ฝากขัง ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน เปิดบัญชีม้า และจัดให้มีการเล่นพนัน โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องฝากขังเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน แล้วเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

ทั้งนี้ระหว่างการควบคุมตัวขึ้น ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามพันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ว่าเครียดหรือไม่ที่ถูกดำเนินคดี แต่เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถาม เพียงยิ้มและพยักหน้าให้กับสื่อมวลชนเท่านั้น ขณะที่พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตอบด้วยท่าทางสบายๆว่า "สบายดีครับ" ก่อนจะเดินขึ้นรถไป และถูกนำตัวไปฝากครั้งต่อศาล

ช่วงเช้าวันที่ 26 กันยายน ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลางตำรวจไซเบอร์และกำลังตำรวจคอมมานโด ได้เข้าค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก และ ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดย เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหนึ่งนายที่โดนกำลังตำรวจคอมมานโดบุกจับถึงห้องพักข้าราชการตำรวจ บก.น.2 ย่านดอนเมือง คือ พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีรโรจนพงศ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ 2

 

เตรียมออกหมายจับ กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับ เว็บพนันออนไลน์ มินนี่ 4 กลุ่ม

รายงานข่าวแจ้งว่า โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 คนใกล้ชิดกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ประมาณ 3-5 คน โดยมีทั้งภรรยา แม่ และน้องชาย, กลุ่มที่ 2 นักข่าว 4 คน, กลุ่มที่ 3 นอมินี ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด และ กลุ่มที่ 4 บัญชีม้า ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด

ขณะนี้ชุดทำงานอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยง เพื่อดำเนินการออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมาย

 


ผบก.น.5 ส่งตู้เซฟ-คอม ของกลางเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ไปตรวจสอบ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 ก.ย.66 พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5 สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ นำของกลางประกอบด้วยตู้เซฟ ยี่ห้อฮารีเทจ จำนวน 1 ใบ ซึ่งตรวจยึดได้จากที่พัก ของนายบัณฑิต หล้าก่ำ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.886/2556 ลงวันที่ 22 ก.ย.66 ข้อหา ร่วมกันสมคบฯ และ คอมพิวเตอร์ ของกลางที่ตรวจยึดได้จากที่พัก น.ส.ชนม์สิตา สุธงษา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.880/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย.66 ข้อหาเดียวกัน ไปทำการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเชื่อว่าชุดคลี่คลายคดีน่าจะพยายามหาหลักฐานเชื่อมโยงไปสู่การออกหมายจับ นายตำรวจ เครือญาติ และผู้สื่อข่าว ที่สนิทสนมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เพิ่มเติม

 

ตำรวจในโรงพักสำโรงเหนือยันรองสืบเป็นคนดี เป็นลูกน้องคนสนิทที่บิ๊กโจ๊กไว้ใจ

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่โรงพัก สภ. สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ภายหลังพ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผู้กำกับสืบสวนฯ ถูกจับกุมและแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งบรรยากาศภายในโรงพักยังคงมีการทำงานให้บริการประชาชนตามปกติ ขณะที่ฝ่ายสืบสวนก็ยังคงมีชุดทำงานฝ่ายสืบสวนทำงานตามปกติเช่นเดียวกัน

ทีมข่าวพยามสอบถามข้อมูลจากเพื่อนตำรวจภายในพื้นที่โรงพัก ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลแต่ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ โดยให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า “ ตัวของรองผู้กำกับคิด เป็นคนดี และดูแลเอาใจใส่งาน แม้ว่าบางครั้งจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ต่างพื้นที่แต่เวลามีประชุมหรือสั่งการเกี่ยวกับคดีที่รับผิดชอบก็จะเดินทางมาที่โรงพักทุกครั้งและกำกับงานด้วยตนเอง

ส่วนความเกี่ยวข้องกับตัวของบิ๊กโจ๊กนั้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเพราะเนื่องจากก็เป็นลูกน้องและคนสนิทที่เติบโตในสายงานมาด้วยกัน และถือว่าเป็นลูกน้องอีกคนที่บิ๊กโจ๊กไว้ใจ หลายครั้งได้รับทั้งเงินสดและเงินโอนเพื่อที่จะไปจ่ายค่าสาธารณูปโภคหรือดำเนินการแทนเพราะเนื่องจากเข้าใจว่าบิ๊กโจ๊กเป็นถึงรองผบ.ตร. อาจไม่สะดวกที่จะดำเนินการเองก็เลยต้องมีคนที่ไว้ใจได้ดำเนินการแทน ซึ่งตัวรองคิดก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ส่วนเรื่องของการใช้อำนาจหน้าที่ที่เกินกว่าเหตุกับลูกน้องนั้นยืนยันว่าไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว และหากมองว่ารองคิดเกี่ยวข้องกับบัญชีเว็บพนันออนไลน์ก็อยากจะยืนยันอีกเสียงว่า ตัวของลองคิดใช้ชีวิตแบบสมถะเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ไม่ได้มีการใช้ชีวิตฟู่ฟู่ร่ำรวยร่ำรวยเกินตัว และที่สำคัญถ้าหากคนที่มาติดต่อราชการมองในภาพรวมยังคิดว่าเป็นเพียงแค่ชุดสืบสวนยศดาบตำรวจด้วยซ้ำ

 

ผู้เสียหายขอเข้าดูรถ บีเอ็ม ดับบิวหรู ที่ถูกยึดมาเป็นของกลางจากกลุ่มผู้ต้องหาพลเรือนที่ถูกจับกุม ปรากฏเป็นของกลาง

ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้นำตัว ตำรวจและพลเรือนที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวข้องกับเว็บพนันไปฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้ ระหว่างนั้นได้มีชายคนหนึ่งมาขอดูรถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่่น 530 e ทะเบียน ขฆ - 4275 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของกลางหนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นพลเรือน จากการสอบถามชายดังกล่าวที่มาขอดูรถระบุว่า รถคันนี้ มีลักษณะคล้ายรถตัวเองที่หายไปแล้วประมาณเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อทราบว่ารถคันดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่ยึดมาเป็นของกลางจึงได้เข้ามาขอดูและตรวจสอบ พบว่ามีตำหนิรูปพรรณสันฐานคล้ายกับรถตนเองเป็นอย่างมาก จึงจะเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบว่ารถคันนี้เป็นรถของตนเองที่หายไปหรือไม่ยืนยันว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีและกลุ่มผู้ต้องหาแต่อย่างใด

บิ๊กตำรวจยิ้มสู้การันตีรับใช้ "บิ๊กโจ๊ก" คนดี ลูกน้องยันสมถะใส่แต่ยีนส์กับเสื้อยืด