"ภูมิธรรม" รับ อยากคุย "วิษณุ" ร่วม คกก.ประชามติ ร่างรธน.ใหม่ มอง เป็นคนมีความรู้เชี่ยวชาญกฎหมาย บอกทำอยากลดงบทำประชามติ ชี้ทำ 3-4 ครั้งพุ่ง หมื่นกว่าล้าน เล็งดูมาตรฐานจริธรรม ประหารชีวิตทางการเมือง "ช่อ พรรณิการ์"

นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมฯ  ว่า​ จากการให้สัมภาษ​ณ์ครั้งก่อนได้เรีบนไปแล้วว่า จะมีการพูดคุยกันภายใน 1 -​2 สัปดาห์ เพื่อให้การตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อย​ ส่วนไทม์ไลน์การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ขอให้มีการนัดประชุมในครั้งแรกก่อน โดยในการประชุมวันแรกจะเห็นไทม์ไลน์​ วัตถุประสงค์​ ขอบเขต เป้าหมาย​ การร่างกฎหมายลูกต่างๆ​

 

" ผมหวังว่า เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น สมมุติว่ารัฐบาลครบ 4 ปี  ซึ่งผมอยากเห็นการเลือกตั้งครั้งหน้า มีกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ และมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญใหม่ให้สำเร็จ​  เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง"

 

นายภูมิธรรม​ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้มีการทาบทาม ผู้ที่มาร่วมเป็นคณะกรรมการชุดดังกล่าวโดยได้มีกทรทาบทามและพูดคุยกับทั้ง นายเอกชัย ไชยนุวัฒน์​  รองคนบดี​ คณะนิติศาสตร์​ มหาวิทยาลัยสยาม //นางสาวสิริวรรณ นกสวน​ สวัสดี​ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย // นายนิกร​ จำนงค์​ ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา​ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ให้ความสนใจ แต่ก็ต้องพูดคุยในรายละเอียด เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาร่วมเกิดความสบายใจ เพราะอยากให้มีการพูดคุยที่มีบทบาท และทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย​ ส่วนนายพงษ์เทพ​ เทพกาญจนา อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค​เพื่อไทย​ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทาบทาม

 

ส่วนจะมีการทาบทามนายวิษณุ​ เครืองาม​ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายหรือไม่ นายภูมิธรรม​  ระบุว่า กับนายวิษณุ​ ยังไม่มีโอกาสได้คุย แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะคุยเพราะนายวิษณุเป็นผู้รู้ เป็นคนที่เชี่ยวชาญในกฎหมายมากพอสมควร รวมถึงทั้งหลายท่านที่เคยมีบทบาทเราจะได้เอาความคิดเห็น หรือหากยังไม่มีโอกาสคุยเวลาที่มีประชุมก็สามารถปรึกษาหารือกันได้

 

เมื่อถามว่าจะมีการเชิญคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 60 มาร่วมด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ตนยินดีต้อนรับทุกคน แต่ต้องคุยกันในรายละเอียดและกรอบแนวทางว่าเป็นอย่างไร

 

ส่วนได้มีการทาบทามตัวแทนพรรคก้าวไกลเข้าร่วมคณะกรรมการชุดดังกล่าวหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ในส่วนพรรคการเมืองตนพยายามเชิญมาร่วมให้มากที่สุด แต่เรามีข้อจำกัดเรื่องปริมาณจำนวนคน เมื่อลิสต์รายชื่อ ก็เกิน 30 คน ใหญ่มากเกินไปก็ทำงานลำบาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วม พบปะพูดคุยแสดงความคิดเห็น

 

สำหรับงบประมาณในการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น ภูมิธรรม​ กล่าวว่า ในส่วนของการทำประชามติ ความตีความตามศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประมาณ 3-4 ครั้ง โดยจะใช้งบประมาณครั้งละ ประมาณ 3-4 พันล้านบาท แต่ตนคิดว่าอยู่ในแนวทางที่พูดคุยกันให้ชัดเจน ต้องอาศัยความคิดเห็นจากคณะกรรมการชุดดังกล่าว เราพยายามจะทำให้การทำประชามติน้อยครั้งที่สุด อันไหนสามารถควบรวมได้ก็จะทำ โดยยึดแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยไว้ และหากเราสามารถประหยัดงบประมาณได้มากที่สุดก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะหากทำครบ 3-4 ครั้งตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะใช้งบประมาณสูงถึงหมื่นล้าน

 

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงมุมมองเรื่องมาตรฐานจริยธรรม กรณีนางสาวพรรณิการ์​ วานิช​ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต และพรรคก้าวไกลก็ออกมาระบุว่า​ ปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญนั้น นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า​ อะไรที่เป็นประชาธิปไตยเราทำได้หมด เว้นการแก้ไขในหมวด 1 และ 2 ในแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นเราต้องดูว่า เจตจำนงค์ที่จะควบคุมดูแลนักการเมือง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องไปดูว่าไปละเมิด และมีความเที่ยงตรง ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็ต้องไปดูในรายละเอียด

 

เมื่อถามว่าที่มีการวิจารณ์ว่าประมวลกฎหมาย ที่ออกโดยศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ มาบังคับใช้กับสส. อาจจะไม่ถูกหลัก  หรือกรณีที่ศาลตัดสินว่าไม่ผิดแต่กลับผิดหลักจริยธรรมไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น​ นายภูมิธรรม​ กล่าวว่า ต้องดูเป็นรายกรณี แต่การอิงศาลรัฐธรรมนูญในเบื้องต้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แม้จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่อะไรที่เป็นปัญหามากเกินไป คนในกลุ่มวิชาชีพที่เราเชิญมา หรือรับฟังมา ก็จะเป็นคนให้ความเห็นเองว่า เรื่องไหนโอเค หรือเรื่องไหนต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอะไร ตนคิดว่า หากระดมความคิดเห็นได้กว้างขึ้น​ รัฐธรรมนูญก็จะไม่มีปัญหา เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และทุกฝ่ายต้องยอมรับ และผ่านให้ได้ และตนคิดว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่านได้ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยในลำดับใด มันก็จะทำให้โอกาสและบรรยากาศของประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น