พิรุจใหม่โต๊ะจีนถูกเก็บเรียบก่อนตร.ไปถึง เจ้าของสั่งเอาชึดใหม่มาตั้งจำลองเหตุการณ์

กรณีวานนี้ (18 ก.ย) ด.ต.ชุติเทพ คชพงษ์ หรือดาบต้น ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนของพลชับของสารวัตรแบงค์ โดยออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ และกลุ่มคนงานรวมถึงพนักงานโต๊ะจีนในคืนวันเกิดเหตุ มีการช่วยเก็บกวาดและเก็บพยานหลักฐาน

ด.ต.ชุติเทพ ส่งภาพนิ่งซึ่งมีการถ่ายในคืนวันเกิดเหตุ (6 ก.ย.) หลังจากได้รับคำสั่งจากผู้กำกับเบิ้ม เจ้าตัวได้ขับรถจากโรงพยาบาลนครปฐมมายังที่เกิดเหตุ ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาประมาณ 22.27น. โดยมีการบันทึกภาพซึ่งเป็นรั้วของบ้านกำนันเอาไว้ มีเวลาระบุเอาไว้อย่างละเอียด ในข้อมูลภาพถ่าย (มีภาพ) จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.07 น. ตำรวจชุดสืบสวน และรวมถึงตำรวจท้องที่ ได้เข้ามาปิดกั้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้มีการบันทึกภาพเอาไว้อีกครั้ง โดยมีรายละเอียดของภาพกำกับเอาไว้ชัดเจน แต่สังเกตว่าภาพดังกล่าวไม่ได้มีโต๊ะจีนในคืนวันเกิดเหตุตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะยาวหรือโต๊ะวีไอพี ก็ตาม

วันนี้ (19 ก.ย.) ทีมข่าวเดินทางไปเจอกับ นางสาวใบบัว (นามสมมติ) พยานในฐานะลูกสาวของคนงานโต๊ะจีน เผยว่า ในคืนวันเกิดเหตุ (6 ก.ย.) เวลาประมาณ 00.00 น. พ่อและแม่ของตนเองเดินทางกลับมาพร้อมกับความตื่นตกใจ โดยแม่มีลักษณะนั่งเงียบไม่พูดคุยกับใคร มีเพียงพ่อที่เดินมาบอกกับตนเองว่า “เพิ่งกลับจากงานจัดโต๊ะจีนให้กลับบ้านหลังหนึ่ง แล้วมีเหตุยิงกัน ไปดูแม่มึงสิ แม่มึงกำลังตกใจอยู่” ตนเองจึงเข้าไปดูแม่และพยามพูดคุยกับแม่ แต่เข้าใจว่าตอนนั้นสภาพจิตใจยังไม่พร้อม เนื่องจากเจอเหตุการณ์ที่น่ากลัว ตนเองจึงให้แม่และพ่อไปอาบน้ำและเข้านอน ตนเองก็เข้านอนตาม

จนกระทั่งวันรุ่งเช้า ตนเองตัดสินใจเข้าไปนั่งคุยกับแม่และพ่อเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เริ่มทราบข่าวว่ามีเหตุการณ์ยิงกันในพื้นที่นครปฐม พ่อและแม่จึงยอมรับว่าเป็นคนที่อยู่ในงานคืนนั้น โดยแม่เล่าให้ตัวเองฟังว่า ในคืนดังกล่าวเวลาประมาณ 21.06 น. ได้มีคนสั่งให้โต๊ะจีนทยอยเก็บจานชาม และเก็บสิ่งของ และเป็นจังหวะที่แม่เดินไปจุดไฟซึ่งเป็นแอลกอฮอล์ที่หม้อไฟให้กับโต๊ะในวงโต๊ะจีน เวลาประมาณ 21.25 น. ซึ่งช่วงจังหวะที่กำลังจุดไฟที่หม้อไฟ เสียงปืนดังรัวขึ้นต่อเนื่อง มีบางส่วนวิ่งหนีแตกกระเจิง แต่แม่ยืนยันว่าในคืนนั้นไม่ได้มีเสียงคนทะเลาะกันก่อนที่เสียงปืนจะดัง และหลังจากที่มีคนถูกยิงก็มีคนพาคนเจ็บในขณะนั้นส่งโรงพยาบาลทันที แต่แม่ไม่ได้บอก ว่าใครเป็นคนสั่งยิงหรือใครเป็นคนยิง เข้าใจว่าตอนนั้นแม่และพ่อคงอยู่ในอาการตกใจ

และตนเองเพิ่งมารู้หลังจากตอนเช้าที่ตื่นมาคุยกับแม่ กับพ่อ หลังจากที่เดินทางกลับมาจากบ้านงานเลี้ยงในคืนนั้น ว่าช่วงเวลาประมาณตี2 เจ้าของโต๊ะจีน (นายสายัญ) ซึ่งครอบครัวของตนเองเรียกว่า”กำนัน” มีการโทรศัพท์เรียกให้พ่อกับแม่กลับไปตั้งโต๊ะจีนเหมือนเดิม ให้เหมือนกับสภาพในช่วงเวลาเกิดเหตุ โดยอ้างว่าตำรวจกำลังจะทำแผน ซึ่งพ่อกับแม่ได้กลับไปที่บ้านของโต๊ะจีน แล้วยกของขึ้นรถ ประกอบด้วยโต๊ะและผ้าคลุมชุดใหม่ เอาไปตั้งให้อยู่ในสภาพเดิมที่บ้านของกำนัน โดยไม่ใช่ผ้าคลุมชุดเดียวกันกับที่เกิดเหตุ เพราะชุดดังกล่าวถูกรวบแล้วกองรวมเอาไว้เตรียมซัก เนื่องจากเปื้อนจากอาหาร การไปจำลองตั้งโต๊ะจึงใช้ผ้าคลุมและโต๊ะชุดใหม่ทั้งหมด , แต่แม่บอกกับตนเองว่า ในคืนนั้นก่อนที่จะกลับออกมาจากบ้านงานเลี้ยง ได้มีการเก็บทำความสะอาดของที่อยู่บนโต๊ะโดยเฉพาะจานชาม รวมทั้งเก็บโต๊ะยาว 6 ตัว พร้อมเก้าอี้ขึ้นรถมาหมดแล้ว แต่เหลือเพียงโต๊ะเดี่ยวที่เกิดเหตุ ที่ยังไม่ได้มีการเก็บออกมาจากพื้นที่ เนื่องจากมีคนสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับโต๊ะดังกล่าว จึงเก็บเฉพาะโต๊ะยาวออกมา แต่ปรากฏว่าตอนที่เดินทางไปถึงบ้านกำนัน พ่อกับแม่ยืนยันว่าโต๊ะไม่มีคนเก็บให้แล้ว ซึ่งโต๊ะเอาไปพิงไว้กับฝาบ้าน ส่วนผ้าคลุมเอากองไว้บนพื้น โดยพ่อแม่ไม่ได้เป็นคนเก็บ แต่ก็นำไปจัดวางและตั้งให้อยู่ในสภาพเดิม

หลังจากที่พ่อกับแม่ออกจากบ้านตอนตี2 และไปตั้งโต๊ะจำลองเหตุการณ์ตามที่ตำรวจสั่งเสร็จเวลาประมาณตี3 ก็ได้กลับออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวทันทีไม่ได้อยู่ กลับมาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งถูกตำรวจเรียกสอบเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยถูกเรียกสอบเพียงครั้งเดียว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนเองได้ถามย้ำกับแม่และพ่อแล้ว ซึ่งมีการเก็บสิ่งของที่เป็นของโต๊ะจีนและจานชามตามปกติ แต่ไม่ได้ยุ่งกับโต๊ะที่เป็นโต๊ะที่เกิดเหตุ และไม่ได้มีการอยู่ล้างทำความสะอาดคราบเลือดตามที่ถูกตั้งข้อสังเกต เพราะหลังจากที่เก็บของโต๊ะจีนเสร็จก็ขึ้นรถมาพร้อมกับรถเจ้าของโต๊ะจีนทันที และส่วนตัวก็เชื่อมั่นว่าพ่อกับแม่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ และจะไม่อยู่ในกระบวนการร่วมทำลายหลักฐาน เพราะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ และพ่อแม่ของตนเองก็จะไม่ทำตัวแบบนี้

 

วงจรปิดหน้าบ้านคนงานโต๊ะจีนจับภาพผัวเมียขับรถเข้าออก

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณปากซอยบ้านของคนงานโต๊ะจีน พบว่ากล้องวงจรปิดในคืนวันที่ 6 ก.ย. เวลาประมาณ 23.49 น. สังเกตุเห็นรถมอเตอร์ไซต์ของผัวเมีย ที่กลับจากเก็บของงานโต๊ะจีนบ้านกำนันนก ขับรถกลับเข้าบ้านเวลาดังกล่าว

จากนั้น ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามคำให้การที่อ้างว่าในคืนดังกล่าวนั้น มีโทรศัพท์จากเจ้าของโต๊ะจีนสั่งให้ไปตั้งโต๊ะสภาพเดิมเพราะตำรวจกำลังจะทำแผน โดยทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด วันที่ 7 ก.ย. เวลา 02.02 น. พบว่ามีรถมอเตอร์ไซต์ของผัวเมีย โต๊ะจีน ขับรถออกจากบ้านเพื่อมุ่งหน้าไปที่บ้านของเจ้าของโต๊ะจีน เพื่อที่จะไปตั้งโต๊ะตามที่ตำรวจสั่ง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดปากซอยจับภาพได้

 

เจ้าของโต๊ะจีนเผยตร.สั่งให้กลับไปตั้งโต๊ะตำแหน่งเดิม ยันไม่ได้เก็บโต๊ะวีไอพี

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดต่อไปหานายสายัณต์ หรือกำนันหมู เจ้าของโต๊ะจีนในคืนวันเกิดเหตุ ที่พาลูกนอน3คนไปในงานคืนดังกล่าว โดยเบื้องต้นเจ้าตัวไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์หรือออกมาให้เป็นข่าวในช่วงนี้เพราะเนื่องจากคดีเดินหน้าไปตามสำนวนแล้ว

นายสายัณต์ หรือกำนันหมู เจ้าของโต๊ะจีน จึงให้ข้อมูลทางโทรศัพท์กับทีมข่าวช่องแปด ว่า เหตุการณ์ในคืนนั้นตนเองยอมรับผิด ที่มีคนในงานสั่งห้ามไม่ให้เก็บโต๊ะกลับบ้าน แต่ตนเองดันให้ลูกน้องเก็บโต๊ะ6ตัว ซึ่งเป็นโต๊ะยาวกลับมาที่บ้าน แต่ไม่ได้มีการยุ่งกับโต๊ะวีไอพีหรือโต๊ะที่เกิดเหตุ มีการกลางทิ้งเอาไว้และคลุมผ้าเอาไว้เหมือนเดิม แต่ไม่แน่ใจว่าหลังจากที่กลับออกมาแล้วใครเป็นคนเก็บโต๊ะดังกล่าว ซึ่งตนเองยืนยันและพร้อมที่จะสาบาน หรือเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนมาเป็นพยานก็ได้ ว่าไม่ได้มีการเก็บโต๊ะที่เกิดเหตุ เก็บเฉพาะโต๊ะยาว

และในคืนหลังวันเกิดเหตุ เวลาประมาณเกือบตี 2 ได้มีสายจากโทรศัพท์ซึ่งเป็นตำรวจ แต่ตัวเองไม่รู้ว่า ปลายสายเป็นใคร โทรมาบอกว่า เป็นตำรวจ ให้เอาโต๊ะไปกลางเอาไว้ในตำแหน่งเดิม ตนเองก็พาลูกน้องพร้อมกับโต๊ะจีนและผ้าคลุม เอาไปกลางไว้ในตำแหน่งเดิม แต่ส่วนรายละเอียดเรื่องของการใช้ผ้าคลุมหรือโต๊ะชุดใหม่หรือไม่นั้นขอไม่ตอบ เพราะอยู่ในรายละเอียดของสำนวนแล้ว

 

พยานในบ้านที่เกิดเหตุ เปิดใจ เล่าวินาทีสารวัตรโดนยิง หลังเกิดเหตุถูกเก็บโต๊ะจีน

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้เดินทางไปเจอกับนางสาวพรรวิภา (นามสมมติ) พยาน ที่อยู่ในงานคืนเกิดเหตุ เผยว่า เหตุการณ์ในคืนนั้น กำนันนกได้มีการโทรติดต่อกับโต๊ะจีน โดยมีการเร่งรัดให้ไปตั้งโต๊ะให้เสร็จก่อนเวลา 18.00 น. แต่มีการโทรก่อนเวลาไม่นาน โดยบอกว่าต้องการจัดงานสังสรรค์ด่วน และมีการสั่งให้เตรียม5ชุด โดยกลุ่มโต๊ะจีนได้มีการตั้งโต๊ะทั้งหมด 5 ชุดตามกำนันบอก ซึ่งแบ่งเป็นฝั่งขวาของเวที ฝั่งเดียวกันกับที่สารวัตรถูกยิง มีการตั้งโต๊ะ3ชุด และฝั่งซ้ายเป็นฝั่งที่กำนันนั่ง มีการตั้งโต๊ะ2ชุด โดยการตั้งโต๊ะนั้นไม่ได้มีลักษณะทำเป็นเรียงต่อกันตามที่ปรากฏเป็นภาพ แต่มีการตั้งแยกเป็นโตีะๆ ชุดๆ เพราะเนื่องจากการลงอาหารโต๊ะจีนจะวางแยกโต๊ะ

โดยโต๊ะแรกที่มีการเปิดโรงอาหารเป็นช่วงเวลาประมาณ 18.30น. ซึ่งตัวของกำนันนกมานั่งก่อนเป็นคนแรก โดยนั่งอยู่ฝั่งซ้ายของเวที ก็คือตัวเดียวกันกับที่ตำแหน่งกำนันนั่งอยู่ จากนั้นเมื่อมีตำรวจรวมถึงบุคคลที่ถูกเชิญมาร่วมงานทยอยเข้างานเพิ่ม ต่างคนต่างยกโต๊ะจีนที่วางกระจายกัน มาเรียงต่อกันฝั่งของกำนันเป็นลักษณะแนวยาว และยังไม่พอมีการเอาโต๊ะที่เตรียมเสริมเอาไว้ในรถมากางเพิ่ม จนทำให้ฝั่งซ้ายที่กำนันนั่งมีโต๊ะเรียงกันทั้งหมด 6 ชุด ส่วนโต๊ะฝั่งขวาของเวทีเหลือเพียงแค่โต๊ะเดียว จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. เศษ ตัวของสารวัตรแบงค์ พร้อมกับทีมงานก็ได้เดินทางมา และมาเปิดโต๊ะฝั่งขวาซึ่งเหลือเพียงโต๊ะเดียวและเป็นโต๊ะที่เกิดเหตุ เปิดโรงอาหารเป็นต้นสุดท้าย

แต่ระหว่างที่มีการร้องเพลงสนุกสนาน ก็ไม่ได้มีท่าทีเคร่งเครียดหรือการตะโกนพูดคุยกัน มีการพูดคุยกันตามปกติเหมือนงานสังสรรค์ทั่วไป แต่ยืนยันว่าจับใจความไม่ได้ว่ามีการคุยอะไรกันบ้าง เพราะส่วนใหญ่ก็จะคุยกันแยกกลุ่ม จนกระทั่งช่วงก่อนเกิดเหตุตัวของกำนันย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกันกับสารวัตร ก่อนที่จะขอตัวย้ายกลับไปนั่งที่เดิม จึงเกิดเหตุ

ขณะที่วินาทียิงตนเองทราบว่าเวลานั้นมีการสั่งปิดเครื่องเสียงแล้ว เนื่องจากฝนตก แต่บรรดากลุ่มที่นั่งในโต๊ะจีนก็ยังนั่งกันตามปกติ เพราะฝนยังตกไม่แรง โดยมีพนักงานของโต๊ะจีนเดินเข้าไปถามกำนัน ทำนองว่า “ฝนตกแล้วจะให้ยกเต็นท์มากางหรือไม่” ปรากฏว่ากำนันตอบกลับมา “ ไม่ต้องกางปล่อยให้มันตกไป ใครอยู่ได้ก็ให้มันนั่ง ใครอยู่ไม่ได้ก็ให้มันกลับ” ทุกคนจึงนั่งกินข้าวและดื่มสังสรรค์ท่ามกลางฝนที่เริ่มตกโปรยปรายแต่ก็ไม่เยอะ

และจังหวพที่ตนเองกำลังดูแลคนที่อยู่ในโต๊ะจีนด้วยกัน จังหวะดังกล่าวนั้นไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครลุกขึ้นยืน หรือเดินไปหาใคร แต่มีเสียงปืนนัดแรกดัง ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนรัว แล้วเห็นว่ามีตำรวจคนที่ได้รับบาดเจ็บลุกขึ้นและเดินออกจากวง พร้อมกับเอามือกุมแขนขวา ส่วนสารวัตรตอนนั้นในขณะที่เสียงปืนดัง เจ้าตัวยังคงมีการนั่งพูดคุยหันซ้ายมองขวากับคนที่อยู่ร่วมโต๊ะ โดยไม่ทันได้สังเกตว่าใครจะมาก่อเหตุยิง ฉะนั้นจึงเชื่อว่าเจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไปมีเรื่องกับใคร แต่ถูกคนก่อเหตุเล็งปืนยิงขณะที่นั่งคุยอยู่กับเพื่อนๆ

สำหรับประเด็นเรื่องของการล้างทำความสะอาดเลือด และการสับเปลี่ยนโต๊ะจีน ในวันเกิดเหตุนั้นได้มีการเก็บและเคลียร์โต๊ะจีนซึ่งเป็นโต๊ะยาวออกจากที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้มีใครเก็บโต๊ะของสารวัตรที่มีเลือดติดอยู่ที่ผ้าคลุมเก้าอี้ออก ยังคงวางไว้ในตำแหน่งเดิม เก็บเฉพาะจานชามที่อยู่บนโต๊ะออกเท่านั้น และทุกคนก็ทะยอยกลับออกจากบ้านที่เกิดเหตุ จนกระทั่งทราบว่าช่วงเวลาประมาณตี 3 มีสายโทรศัพท์จากตำรวจโทรไปหาเจ้าของโต๊ะจีน ให้เอากลับไปตั้งเหมือนเดิม และทราบว่าโต๊ะจีนรวมถึงผ้าคลุม ทุกอย่างคือของที่ใช้จริง ไม่มีการสับเปลี่ยนหรือเป็นของใหม่

 

พิรุธอีกโต๊ะจีนเลือดล่องหน หลังยิงสารวัตรตั้งของใหม่แทน แฉคนโทรสั่งระดับบิ๊ก