"อนุทิน" ตอบปม "สว.กิตติศักดิ์" ไล่เจ้าอาวาสวัดบางคลาน บอก "ผู้ว่าฯพิจิตร" ดูแลอยู่แล้ว เชื่อปมปัญหาจากผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง เล็งเพิ่มนักการเมืองในบัญชีผู้มีอิทธิพล กำชับท้องถิ่นอย่าไปสนิทสนมกับคนไม่ดี

วันที่ 14 ก.ย. 66 นายอนุทิน ชาญวีกู รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงมหาดไทย ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการและแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ผู้สื่อข่าวจึงเข้าไปสอบถามถึงการปราบผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ต่างๆ หลังเมื่อวานนี้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ไปขวางทางเจ้าอาวาสและตำรวจไม่ให้เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินใน วัดบางคลาน ในพื้นที่อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ว่า ต้องพยายามทำให้คนเหล่านั้นไม่ไปคุกคามหรือไปกลั่นแกล้งประชาชนได้ ไม่ใช่เป็นผู้มีอิทธิพล อันธพาล นักเลง เมื่อไม่พอใจก็เอาปืนไปทำร้ายไปยิงคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ เมื่อวานนายกรัฐมนตรีได้สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและถือเป็นมติรม.ว่า จะต้องเข้มงวดเรื่องตรวจสอบใบอนุญาตการครอบครองอาวุธปืน รวมถึงอาวุธทุกชนิดที่สามารถนำไปทำร้ายคนได้ จากนี้กระทรวงจะเร่งดูข้อกฎหมายและระเบียบ ว่าสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพื่อจะเข้มงวดกับการใช้กฎหมายมากขึ้น

เมื่อถามว่าขณะนี้พบว่าผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับนักการเมืองในท้องที่ จะต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เดิมทีผู้มีอิทธิพลถูกแบ่งออกเป็น 16 ประเภท เช่น ผู้ค้าของเถื่อน ผู้ค้าประเวณี น้ำมันเถื่อน ฮั้วประมูล และผู้ค้ายาเสพติด เป็นต้น ซึ่งก็อาจจะต้องมาดูว่าจำเป็นต้องเพิ่มหรือไม่ เพราะแม้ว่าส่วนใหญ่จะมีกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่แล้ว แต่กระทรวงมหาดไทย จะต้องป้องกันไม่ให้บุคคลเหล่านี้ มีบทบาทและใช้อิทธิพลไปทำร้ายผู้อื่น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กำชับไปยังการปกครองส่วนท้องถิ่นตลอด เพราะสิ่งที่เขาทำมันผิดกฎหมายอยู่แล้ว เราจึงต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เพราะหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองการพกอาวุธถือว่าผิดกฎหมายทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวด

"เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องวางตัวให้ดี ไปคลุกคลี ไปตีสนิท ไปสนิทสนมกับคนเหล่านี้ ถ้าไม่ใช่คนที่มีพฤติกรรมที่ดีเราก็ควรจะต้องไม่ไปสนิทสนมกับเขา และต้องคอยดูแลพฤติกรรมของคนเหล่านี้ด้วย เราจะให้ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องไม่ได้ ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกฯอบจ. นายกฯ อบต. ที่ทำงานดีทุ่มเทเพื่อพี่น้อง ประชาชน ตั้งใจเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมก็มี และมั่นใจว่ามีมากกว่าคนที่ผ่านเยอะ แต่เราไปเน้นที่คนพาล" นายอนุทิน กล่าว

ในส่วนของกรณีวัดบางคลานนั้น นายอนุทิน ระบุว่า เท่าที่ทราบทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเข้าไปประสานงานอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ จึงต้องรู้ว่าผลประโยชน์คืออะไร หากเป็นผลประโยชน์ที่ถูกต้องก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แสดงว่าเรื่องนี้ ผลประโยชน์ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง