"รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล" ชำแหละ "คำแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา" ชี้ นอกจากเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ไม่มีอะไรใหม่ ตัดแปะมาจากนโยบายรัฐบาลบิ๊กตู่ เกือบทั้งดุ้น

“รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ให้สัมภาษณ์กับ “ข่าวช่อง 8” วิเคราะห์เจาะลึก ชำแหละ “คำแถลงนโยบายคณะรัฐมนตรี ต่อรัฐสภา” ที่ได้หลุดออกมาก่อนวันแถลงอย่างเป็นทางการ ดังต่อไปนี้

1. นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล
“โครงสร้างหลักๆ ของคำแถลงนโยบายฯ ฉบับนี้ จะประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือคำกล่าวของนายกฯ และส่วนที่ 2 คือภาคผนวก

“ในส่วนคำแถลงของนายกฯ ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่ท่านเศรษฐาบอกว่า จะต้องเป็น Quick Win จะต้องเห็นผลได้เร็วภายใน 5 - 6 เดือน ประกอบด้วย 5 เรื่องได้แก่ เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดยเรื่องนี้ระบุไว้ในหน้าที่ 4 เป็นนโยบายแรกที่กล่าวถึงเลย

“ในคำแถลงนโยบายฉบับนี้ ไม่ได้บอกว่า จะเอาเงินมาจากไหน แต่พูดกว้างๆ เป็นเงินมาจากแหล่งรายได้ของรัฐ

“แต่ความเป็นไปได้มากที่สุด ณ ตอนนี้ มีการส่งสัญญาณไปที่กระทรวงการคลังแล้วว่า ให้ขายกองทุนวายุภักษ์ ให้กับกองทุนประกันสังคม หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประมาณ 3 แสนล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนตั้งต้นในนโยบายแจกเงินดิจิทัล

“เรื่องที่ 2 ก็คือแก้หนี้เกษตรกร แก้หนี้สินของ SMEs เรื่องที่ 3 คือการปรับลดราคาพลังงาน เรื่องที่ 4 ได้แก่การส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ และเรื่องที่ 5 การแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

2. ตั้งข้อสังเกต การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ลำดับสุดท้ายของนโยบายเร่งด่วน

“ในบรรดา 5 เรื่องนี้ มีข้อสังเกตไว้ว่า เรื่องที่ 5 น่าจะไม่ได้เห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด เพราะว่าในคำแถลงไม่มีหลักประกันใดๆ เลยว่า รัฐบาลจะต้องดำเนินการ เพราะรัฐบาลใช้คำว่า จะหารือเรื่องนี้ในรัฐสภา

“แน่นอนนว่า ถ้าหารือในรัฐสภา จะเป็นอำนาจของ สว. เมื่อเจอแรงต้านจาก สว. และพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลมาก่อน การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บอกว่า จะทำประชามติ แล้วก็จะตั้ง ส.ส.ร. น่าจะเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องสุดท้าย จากการถูกสังคมกดดัน และถึงจะทำ ก็ทำแบบใช้เทคนิคประวิงเวลา จนใกล้ๆ หมดอายุรัฐบาล 4 ปี ถึงค่อยผลักดันให้เป็นเรื่องเป็นราว

3. นโยบายระยะกลางและระยะยาว

“ส่วนนโยบายที่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ในเอกสารคำแถลงฯ ใช้คำว่า นโยบายระยะกลางและระยะยาว อาทิเช่น 1 ครอบครัว 1 Soft Power ซึ่งเป็นที่ถกเถียงและวิจารณ์กันอย่างอืออึ้งว่า รมว.วัฒนธรรม ซึ่งได้รับตำแหน่งนี้เพราะเป็นการตอบแทน เป็นการเยียวยาจากการที่ลูกชายของท่าน โดยตัดสิทธิตอนที่เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ

“ประกอบกับ รมว.วัฒนธรรม ก็ตอบเรื่องนี้ไม่ชัดเจน เพราะท่านไม่เข้าใจว่า Soft Power คืออะไร แล้วจะส่งเสริมอย่างไร เพราะฉะนั้นนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ก็น่าจะมีปัญหาในการขับเคลื่อนให้มันเกิดขึ้นจริง เพราะรัฐมนตรีไม่เข้าใจเรื่องนี้

“เรื่องที่ 2 สวัสดิการทั้งหลายทั้งปวง เบี้ยผู้สูงอายุ เงินเด็กเล็ก เงินคนพิการ ในเอกสารนี้ใช้คำว่า เป็นสวัสดิการโดยรัฐตามความเหมาะสม จึงแปลว่า แนวคิดของลุงตู่ที่ว่า จ่ายเงินให้กับคน ต้องพิสูจน์ความจน แนวคิดนี้ยังคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนคำจากประชารัฐ มาเป็นสวัสดิการโดยรัฐ พูดตรงๆ ว่า มีกลิ่นอายแนวคิดของรัฐบาลลุงตู่นั่นเอง

“เรื่องที่ 3 ผมตั้งข้อสังเกตว่า คนเขียนนโยบายเรื่องนี้อาจจะนอนอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพราะใช้คำว่าจะกระจายอำนาจ โดยผู้ว่าซีอีโอ ซึ่งคำๆ นี้ เคยใช้โดยคุณทักษิณ ชินวัตร จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่า การกำหนดนโยบายรัฐบาล เชื่อมโยงกับคุณทักษิณอย่างแน่นอน

“เรื่องที่ 4 ในนโยบายนี้ใช้คำว่า เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ ผมก็ต้องเรียนนะครับว่า ปัจจุบันการเกณฑ์ทหารเขาใช้การสมัครอยู่แล้ว ถ้าสมัครแล้วไม่เต็มตามจำนวนที่ต้องการ จึงใช้การเกณฑ์ กองทัพเขาก็ใช้วิธีการนี้อยู่แล้ว อันนี้จึงเป็นการเล่นคำเอามาแต่งหน้าทาปาก เพื่อให้เห็นว่า ฉันได้ทำแล้วนะ หรือว่าฉันจะทำ

“และเรื่องสุดท้าย การแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมกันทางเพศ อันนี้เขียนไว้ชัดเจน แต่ก็ไปอยู่ในหมวดนโยบายระยะกลางหรือระยะยาว ดังนั้นเราอาจไม่ได้เห็นนโยบายพวกนี้ถูกนำมาขับเคลื่อนภายใน 4 ปี เพราะรัฐบาลจัดหมวดหมู่ว่า อยู่ในระยะกลางและระยะยาว”

4. นโยบายหาเสียง ที่ไม่ถูกบรรจุไว้ในคำแถลงของรัฐบาล

“ยิ่งกว่านั้นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียง เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 รวมถึงนโยบายเรื่องรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่ได้ปรากฏในนโยบายที่จะแถลง แต่ยังมีเวลาอีก 2 – 3 วัน ที่ผมได้เรียนไปแล้ว พอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและได้เห็นชอบให้แก้ไขปรับปรุงจำนวน 4 หน้า ก็ต้องติดตามว่า เรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะอยู่ใน 4 หน้านี้หรือไม่”

5. สรุป คำแถลงนโยบายรัฐบาล โดยภาพรวม

“ผมขออนุญาตสรุปภาพรวมจากการที่ผมได้อ่านมาทั้งหมด ก็ต้องเรียนตามตรงว่า นโยบายที่จะแถลง นอกจากหน้า 4 ที่เขียนว่าเติมเงินดิจิทัลแล้วนี่ ที่เหลือตัดแปะมาจากรัฐบาลลุงตู่ทั้งดุ้น

“และที่น่าสนใจ มีข้อความที่ก๊อปมาจากยุทธศาสตร์ชาติอีกด้วย สะท้อนให้เห็นว่า คุณเศรษฐานี่แหละ คือทายาทที่แท้จริงของ พล.อ.ประยุทธ์

“อ่านนโยบายฉบับนี้ เราจะรู้เลยว่า “พรรคเพื่อไทย” ได้แปรสภาพไปเป็นแกนนำพรรคอนุรักษ์นิยมแล้ว เนื่องจากมีการใช้คำต่อไปนี้เยอะมาก 1. ปฏิรูปการศึกษาเพื่อให้คนเป็นคนดี มีระเบียบวินัย 2. จะต้องทำให้ประเทศชาติมีเกียรติภูมิ ยึดสถาบันเสาหลักของชาติ มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี ฯลฯ ซึ่งเป็นคำพูดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมทั้งสิ้น”

6. ตัดเกรด ร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล

“ผมได้เรียนแล้วว่า 90 % ของร่างคำแถลงนโยบาย ครม. คือการตัดแปะมาจากยุทธศาสตร์ชาติ เป็นการก๊อปมาจากนโยบายลุงตู่ ก็ต้องบอกว่า นอกจากเรื่องเงินดิจิทัลแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอื่นที่ต่างจากรัฐบาลลุงตู่เลย ถ้าคะแนนเต็ม 10 ผมให้ตก

“ที่ให้ตกก็เพราะว่า ไอเดียของท่านที่ใช้ในการหาเสียง ไม่ได้ถูกนำมาบรรจุไว้ หรือนำไปใส่ไว้ในนโยบายระยะกลางและระยะยาว ซึ่งอาจไม่ได้ทำภายในระยะเวลา 4 ปีที่ท่านบริหารบ้านเมือง”