จากกรณี เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) นางเหมย อายุ 59 ปี ชาว อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรมให้นายเอนก อายุ 34 ปี ลูกชาย หลังถูกตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จับกุมตามหมายจับคดีลักทรัพย์ แล้วถูกถุงดำคลุมหัวซ้อมให้รับข้อหาข่มขืนอีกคดีจนได้รับบาดเจ็บ

 

ขณะที่ พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ครอบครัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้แจ้งความแล้วเพื่อให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่ซ้อมผู้ต้องหา โดยส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายประกอบสำนวนการสอบสวน จากนั้นพนักงานสอบสวนจะเรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย หากตำรวจกระทำความผิดจริง ต้องรับผลสิ่งในสิ่งทำ

 

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปพบกับนายอนุสรณ์ หรือ ฟ้า อายุ 27 ปี แฟนของนายเอนกผู้ต้องหา เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ตัวเธอเองไม่ทราบว่าแฟนหนุ่มไปก่อเหตุอะไรมา แต่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่กำลังออกไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มกับแฟนหนุ่มเพื่อจะไปกินข้าว ปรากฏว่าทางตำรวจ สภ.วังน้อย ได้ขับรถเข้ามาจับกุมแฟนหนุ่มของเธอทันที โดยบอกกับเธอว่า แฟนของเธอได้ไปก่อเหตุชิงทรัพย์โดยของกลางก็คือโทรศัพท์มือถือที่แฟนของเธอไปขโมยมา

 

ระหว่างที่ถูกเข้าจับกุมแฟนของเธอก็ยอมรับสารภาพทุกอย่างว่าไปก่อเหตุชิงทรัพย์มาจริง ซึ่งได้เล่าให้เธอฟังว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2 เดือนที่แล้ว) แฟนของเธอได้ไปจี้ชิงทรัพย์ผู้หญิงคนหนึ่งแล้วได้โทรศัพท์มือถือมาก่อนจะหนีกลับมาที่บ้าน พอย้อนเหตุการณ์ไปเธอก็จำได้ว่า เมื่อประมาณสองเดือนที่แล้วแฟนของเธอก็ได้นำโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งมาให้กับเธอ

 

หลังจากแฟนของเธอถูกจับกุมก็ถูกนำตัวไปสอบปากคำที่ห้องสืบสวน สภ.วังน้อย ทันทีที่ไปถึงก็มีตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไปเตรียมถุงดำมา จะเอาคลุมหัวมัน” ตอนนั้นเธอคิดเพียงว่าน่าจะเป็นเพียงคำข่มขู่เท่านั้นเพื่อให้แฟนหนุ่มของเธอให้ปากคำ และรับสารภาพ แต่ปรากฏว่าพอไปถึงห้องสืบสวน ตำรวจก็ได้ใช้ถุงผ้าดำคลุมหัวแฟนของเธอ ซึ่งตอนนั้นเธอเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ก่อนจะถูกตำรวจอีกนายพาตัวออกมาจากห้องสืบสวน โดยในห้องจะมีตำรวจอยู่ถึงประมาณ 8-9 คน

 

ระหว่างที่เดินออกมาแม้เธอจะไม่เห็นเหตุการณ์แต่ก็ได้ยินเสียงทุกอย่าง โดยตำรวจได้พูดขึ้นมาว่า “ไอ้โว๊ย (ชื่อ ผตห.) มึงอย่าเก่งกับกู” จากนั้นก็มีเสียงทำร้ายร่างกายแฟนของเธอ มีทั้งเตะทั้งต่อย ซึ่งตอนนั้นเธอทำอะไรไม่ถูกและไม่กล้าจะเดินออกไปขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะกลัวว่าถ้าหากเธอไม่อยู่แฟนของเธออาจจะโดนหนักกว่าเดิม

 

พอหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวนที่ห้องสืบสวนเธอก็เดินเข้าไปที่ห้องสืบสวน ภาพแรกที่เธอเห็นก็คือใบหน้าของแฟนหนุ่มบริเวณใต้ตามีรอยฟกช้ำ เมื่อตนเองจ้องมองแฟนหนุ่มพยายามจะถามว่าถูกทำร้ายใช่ไหม แฟนหนุ่มพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดรายละเอียดให้ฟังเพราะว่ามีตำรวจคอยยืนกันไว้อยู่

 

ส่วนในเรื่องของคดีที่ชิงทรัพย์แฟนของเธอก็ให้การสารภาพทุกอย่าง และให้ความร่วมมือด้วยการให้ตำรวจไปหาของกลางทั้งเสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในวันก่อเหตุ

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้จุดที่นายเอนกถูกตำรวจจับกุม คลิปตัวที่ 1,2,3,4 เวลาประมาณ 09.26.53 น. จะเห็นนายเอนก และ นายอนุสรณ์ ขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายกัน ขับไปตามถนน ก่อนจะเลี้ยวซ้ายบริเวณสี่แยกวัดมณฑลประสิทธิ์

 

จากนั้นคลิปตัวที่ 5 เวลาประมาณ 09.31.11 น. จะเห็นรถเก๋งสีขาวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คัน ขับตามหลังไปเพื่อเข้าไปจับกุม

 

จากนั้นจะเป็นภาพนิ่ง ที่จะประชาชนได้ถ่ายไว้ขณะทั้งสองถูกตำรวจชุดสืบจับกุม โดยขับรถปิดล้อม โดยจะเห็น ตำรวจนายหนึ่ง สวมเสื้อยีนส์สีน้ำเงินเข้ม ยืนอยู่ในกลุ่มตำรวจชุดจับกุม ซึ่ง แฟนของผู้ต้องหาได้ชี้ว่า เป็นตำรวจที่ใช้ถุงดำคลุมหัวแฟนหนุ่ม

 

ต่อมาจะเป็นคลิปตัวที่ 6,7 เวลาประมาณ 09.36 น. จะเห็นรถตำรวจจำนวน 3 คัน คือ กระบะขาว เก๋งขาว และ รถฟอร์จูนเนอร์ขาวของตำรวจ ได้นำตัวนายเอนก และนายอนุสรณ์ คุมตัวมายังโรงพัก โดยนายเอนกอยู่บนรถกระบะ ส่วนนายอนุสรณ์นั่งอยู่ในรถฟอร์จูนเนอร์ขาว

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้คลิปจากแฟนของผู้ต้องหา ซึ่งได้อัดวิดีโอ หลังจากถูกตำรวจชุดสืบสวนจับเอาถึงดำคลุมหัวและซ้อมทำร้ายร่างกาย โดยในคลิป นายอนุสรณ์แฟนได้สอบถามนายเอนกผู้ต้องหาว่า ถูกตำรวจทำร้ายอะไรบ้าง และยืนยันว่า ถูกตำรวจทำร้ายร่างกายจริง ทั้งบริเวณ ชายโครง ศีรษะ และตามร่างกาย พร้อมยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

 

ต่อมา พลตำรวจตรีชยานนท์ มีสติ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางเข้ามาที่ สภ.วังน้อย พร้อมเรียกตำรวจทุกนายที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยเฉพาะตำรวจชุดจับกุมที่ถูกกล่าวหาประชุมที่ชั้น 3 ของโรงพัก

 

หลังจากประชุมเสร็จทางตำรวจก็ได้มอบคลิปหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นคลิประหว่างที่ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา โดยจะเห็นว่า ทุกกระบวนการตั้งแต่การเข้าจับกุมจนมาถึงขั้นตอนในการทำบันทึกจับกุมที่ห้องสืบสวน มีญาติของผู้ต้องหาอยู่ด้วยตลอด

 

และภายหลังจากทำบันทึกจับกุมที่ห้องสืบสวนเสร็จเรียบร้อย ทางตำรวจชุดจับกุมก็ได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้กับพนักงานสอบสวน โดยในคลิปอีกคลิประหว่างที่ตำรวจชุดสืบสวนกำลังอ่านหมายจับ และสิทธิผู้ต้องหา ใบหน้าของผู้ต้องหายังไม่มีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายใดๆทั้งสิ้น โดยคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นการยืนยันว่า ระหว่างที่อยู่ในห้องสืบสวนทางตำรวจชุดจับกลุ่มไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด

แฉชุดสืบเลียนแบบผู้กำกับโจ้ จับหนุ่มคลุมถุงดำซ้อม เมียแฉช้ำใจหวิดหนีโลก