"สว.ประภาศรี" โพสต์ถามประชาชนโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้ ควรยึด "หลักการ" หรือ "ความรู้สึก"

วันที่ 21 ส.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Prapasri Suchantabutr" พร้อมกับระบุข้อความไว้ว่า #หลักการ กับ# ความรู้สึก เราจะเลือกอะไรดี วันที่ 22 ส.ค. 2566 จะเป็นวันที่สำคัญมาก คือวันเลือกนายกรัฐมนตรี ดิฉันมีข้อปรึกษาหารือประชาชนของดิฉัน สองเรื่องค่ะ

1. ในระบอบประชาธิปไตยเราต้องเลือกเสียงข้างมากใช่ไหมคะ คราวที่แล้วดิฉันเลือกคุณพิธาเพราะได้เสียงข้างมากมา เป็นมารยาทที่พรรคการเมืองต่าง ๆ ต้องให้พรรคเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพราะรวมเสียงข้างมากที่ได้มา8 พรรคแล้ว แต่ยังต้องการ เสียงจากสมาชิกวุฒิสภาอีก64 เสียงซึ่งตามรัฐธรรมนูญต้องให้ได้ 375 เสียง แต่ไม่สามารถรวมเสียงได้ครบ

พรรคก้าวไกลจึงส่งผ่านการจัดตั้งรัฐบาลมาให้พรรคเพื่อไทย ขณะนี้พรรคเพื่อไทยรวมเสียงจากหลายพรรคซึ่งได้เป็นเสียงข้างมากแล้ว และหาเสียงจาก สว.อีกไม่มากก็สามารถตั้งรัฐบาลได้ และส่งคุณเศรษฐา ทวีสิน เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ดิฉันก็สนับสนุนคุณเศรษฐา นะคะ แม้ว่าจะมีการออกมา กล่าวหาบ้างแต่ดิฉันถือว่าการกล่าวหานั้นไม่ได้เกี่ยวกับการตัดสินใจของดิฉันเพราะไม่ใช่หน้าที่ของดิฉันที่จะไปตัดสินว่าคุณเศรษฐาผิดหรือถูก เป็นเรื่องขององค์กรที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ตัดสิน เช่นเรื่องการโอนที่ดินการเสียภาษีก็ต้องเป็นกรมที่ดินและกรมสรรพากรเป็นผู้ตัดสิน และเรื่องการซื้อขายที่ดินของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ก็ต้องให้ตลาดหลักทรัพย์เข้ามาจัดการจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณเศรษฐาด้วย ดังนั้นในตอนแรกดิฉันตั้งใจว่าจะ "เห็นชอบ"คุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพราะได้ติดตามวิสัยทัศน์ตอนรณรงค์หาเสียง ดิฉันคิดว่าคุณเศรษฐาสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีที่สง่างามได้ และที่สำคัญประชาชนเลือกพรรคที่เสนอคุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีมา ดังนั้นเราต้องถือว่าเสียงของประชาชนมีความหมายเราจะต้องไม่ละเมิดเสียงของประชาชนแม้แต่เสียงเดียว # แต่ว่ามีข้อ 2 ที่สำคัญมากมาเป็นเหตุที่ต้องพิจารณาอย่างมากทีเดียว

 

 


2. ดิฉันได้รับโทรศัพท์จากประชาชน จากไลน์ จาก Inbox จากการมาพูดคุย และจากช่องทางต่าง ๆ บอกว่าดิฉันเคยฟังประชาชนมาตลอดอยู่เคียงข้างประชาชนมาตลอด ในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ประชาชนชาวยโสธร และประชาชนที่อื่น ๆ ที่ศรัทธาดิฉัน ขอให้ดิฉันฟังและเชื่อเค้าด้วย คือประชาชนจำนวนมากรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งใหม่นี้ ว่าไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ตอนหาเสียงว่าจะไม่รวมกับพรรคโน้นพรรคนี้ ประชาชนผิดหวังมาก เพราะเค้ารักพรรคที่สองนี้พอ ๆ กับก้าวไกลเหมือนกัน และเค้าสงสารก้าวไกลพรรคแห่งความหวังของเค้าว่าทำไมถูกทอดทิ้ง ทำไมไม่ผูกมัดติดกันไว้ อดทนไว้ พรรคอื่นก็อาจจะมาเติมเสียงให้เต็มเอง หรือทำไมไม่ช่วยก้าวไกลในการหาเสียงจาก สว.ประชาชนรู้สึกว่าถ้าพรรคแกนนำช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ก็จะต้องได้เสียง สว.มา ประชาชนบอกว่าเค้าจำภาพตอนจับมือกันตอน MOU อย่างไม่ลืมเลือน เค้าเจ็บปวดมาก เค้ายังนึกถึงบรรยากาศตอนคุณพิธาถูกหยุดให้ปฏิบัติหน้าที่ สส. ประชาชนหลายคนร้องไห้และรู้สึกเงียบเหงาและเศร้าใจเครียดกันมาก

ดิฉันค่อนข้างเครียดเมื่อรับฟังความรู้สึกของประชาชน สมัยนี้คนสนใจการเมืองกันมาก เค้าคิดไปไกลกว่าดิฉันอีก เค้าบอกว่าเสียงรัฐบาล ที่มารวมกันมีมากกว่าเสียงที่จะเป็นฝ่ายค้านมากเกินไปอาจจะเกิดเผด็จการรัฐสภาได้ ฝ่ายค้านอาจจะตรวจสอบเก่งก็จริงแต่หากเรื่องใดจำเป็นต้องVote ก็จะแพ้ทุกครั้งไป ประชาชนบอกกับดิฉันว่าให้ "ไม่เห็นชอบ" ทุกคนอยากให้ดิฉันเป็นความหวัง ให้สู้เพื่อพวกเค้า ดิฉันเครียดมาหลายวันว่า ระหว่าง"หลักการ" ที่ดิฉันยึดมั่นเสมอมา กับความรู้สึกท้อแท้เจ็บปวด ของประชาชนของดิฉัน ดิฉันควรยืนอยู่บนหลักการของดิฉัน หรือเลือกร่วมเจ็บปวดไปกับเค้าด้วย ดิฉันควรจะเลือก "ไม่เห็นชอบ" หรือ สุภาพหน่อย ก็ "งดออกเสียง" ตามความต้องการของประชาชนของดิฉันหรือไม่ หรือ"เห็นชอบ" ตามหลักการที่เค้ารวมเสียงข้างมากได้ ท่านที่ผ่านมากรุณาให้ความคิดเห็นกับดิฉันด้วย เพื่อดิฉันจะได้นำไปเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ขอขอบคุณมากๆ นะคะ # อบอุ่นใจเสมอ เมื่อได้อยู่เคียงข้างประชาชน