จากกรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งเหตุจากเจ้าของบ้านหลังหนึ่งว่า พบศพที่บริเวณชั้น 4 ของตัวบ้าน สภาพบ้านที่พักอาคาร ชั้นที่ 1 – 3 เป็นชั้นที่มีคนพักอาศัย ชั้นที่ 4 อยู่ระหว่างก่อสร้าง ชั้นที่ 5 ไม่ได้ใช้งาน และก่อนจะพบศพนั้น มีนายชยากร ซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของบ้านพักอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว

พนักงานสอบสวนได้ขึ้นไปตรวจสอบที่ชั้น 4 พบศพนายเชิดพันธ์ ชาว อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช สภาพนอนคว่ำหน้าเสียชีวิต ส่งกลิ่น โดยมีถุงพลาสติกสีดำคลุมศีรษะลงมาถึงลำตัวท่อนบน ไม่สวมใส่เสื้อ ท่อนล่างสวมใส่กางเกงขายาวลายตาราง ร่างกายถูกหุ้มด้วยผ้าห่มและผ้าปูเตียง จากการชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุพบว่า มีมีดปักอยู่ที่อกซ้าย และมีบาดแผลที่แขนท่อนล่างข้างซ้าย

ต่อมาตำรวจได้ควบคุมตัวนายชยากร ซึ่งเดินอยู่ในบ้านมีท่าทางมีพิรุธ จึงคุมตัวไว้สอบสวน จากการสืบสวนสอบสวนต่อมา นายชยากรได้รับสารภาพว่า เป็นกลุ่มเพศทางเลือก และบอกว่าผู้ตายได้มีการไปมาหาสู่กันได้ระยะหนึ่ง ตนเองได้ลงมือฆ่านายเชิดพันธ์ เมื่อคืนวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากนายเชิดพันธ์ได้มาหาที่บ้านเพื่อพยายามตีสนิทและจะลวนลามทางเพศ แต่ตนเองไม่ยินยอม ด้วยความโกรธจึงใช้มีดแทงไปที่หน้าอกฝั่งซ้ายและท่อนแขนด้านล่างข้างซ้ายของนายเชิดพันธ์ ทำให้นายเชิดพันธ์เสียเลือดมาก จนเสียชีวิตภายในห้องนอนชั้น 2 ก่อนจะแบกศพไปไว้ที่ชั้น 4 ในช่วงคืนวันที่ 15 ส.ค. โดยเจ้าตัวได้นอนกับศพ 1 คืน

กระทั่งคืนวันที่ 17 สิงหาคม พี่สาวและน้องสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านด้วยกันได้เดินทางมาที่บ้านพักได้กลิ่นเหม็นเน่า จึงได้ตรวจสอบภายในบ้านจนพบศพบริเวณชั้น 4 ของบ้าน

ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปบ้านหลังเกิดเหตุ พูดคุยกับนายเสก (นามสมมติ) พ่อของผู้ก่อเหตุ ให้ข้อมูลว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 3 คน นายชยากรเป็นลูกชายคนเล็กสุดของบ้าน ก่อนเกิดเหตุทราบว่า ลูกชายได้คบหากับนายเชิดพันธ์ผู้เสียชีวิตมาระยะหนึ่งแล้ว กระทั่ง 2 เดือนก่อนเกิดเหตุ นายเชิดพันธ์ได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านกับลูกชายโดยอาศัยอยู่ภายในห้องนอนชั้น 2 ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของตนเอง

ต่อมา ก่อนที่ครอบครัวมาพบศพ ตนเองสังเกตว่าเห็นว่า ลูกชายมีท่าทีแปลกไปไม่ค่อยออกจากห้องไปไหน และไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้าน ทั้งๆ ที่ทั้งสองคนมักจะชอบออกไปซื้อของกินและออกไปทำงานด้วยกัน และได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของนายเชิดพันธ์จอดทิ้งไว้ในบ้าน 2 วันติดแล้ว เมื่อสอบถามลูกชายก็ไม่รู้ว่าไปไหน

กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ลูกชายและลูกสาวอยู่ภายในบ้านได้กลิ่นเหม็นอยู่ภายในบ้านแต่ไม่รู้เหม็นอะไร จึงได้เดินตามหากลิ่น กระทั่งไปพบศพของนายเชิดพันธ์คู่รักของลูกชายคนเล็กถูกเอาถุงดำคลุมหัวและเอาผ้าห่มที่นอนห่อหุ้มศพเอาไว้บริเวณชั้น 4 ของบ้าน ซึ่งจุดดังกล่าวครอบครัวมักจะไม่ค่อยขึ้นไปอยู่แล้ว

ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายชยากสอบปากคำ ทีมข่าวพยายามสอบถามนายชยากรถึงเหตุผลที่ลงมือฆ่านายเชิดพันธ์ เจ้าตัวไม่ตอบคำถามใดๆ และก้มหน้าปิดปากเงียบเดินเข้าห้องขังทันที

แต่จากการสอบปากคำอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายชยากร ให้การว่า ก่อนจะเกิดเหตุคืนวันที่ 14 สิงหาคม ผู้ตายได้เดินทางมาหาที่บ้าน และจะลวนลามทางเพศ เข้ามาข่มขืน แต่ตนเองไม่ยินยอม ด้วยความโกรธ จึงผลักผู้ตายออก แต่ผู้ตายบังจะเข้ามาปลุกปล้ำ จึงได้ใช้อาวุธมีดแทงไปที่หน้าอกฝั่งซ้ายและท่อนแขนด้านล่างข้างซ้ายของนายเชิดพันธ์ ทำให้นายเชิดพันธ์เสียเลือดมากและเสียชีวิตภายในห้องนอนชั้น 2

จากนั้นด้วยความกลัวผิดจึงได้ใช้ถุงพลาสติดสีดำหุ้มลำตัวท่อนบนไว้ และใช้ผ้าห่มคลุมศพนายเชิดพันธ์เอาไว้ในห้อง โดยเจ้าตัวได้นอนกับศพ 1 คืน กระทั่งกลิ่นศพเริ่มแรงมากจนเจ้าตัวทนไม่ไหว แต่จะเอาศพไปทิ้งนอกบ้านก็กลัวคนเห็น

วันที่ 15 สิงหาคม ช่วงเวลากลางวัน จึงได้ยกศพของผู้ตายเอาไปทิ้งไว้บริเวณชั้น 4 ของบ้าน ซึ่งขณะนั้นคนในบ้านออกไปข้างนอกบ้านหมดแล้ว

กระทั่งคืนวันที่ 17 สิงหาคม 2566 พี่สาวและน้องสาวที่อาศัยอยู่ในบ้านด้วยกันได้เดินทางมาที่บ้านพักได้กลิ่นเหม็นเน่า จึงได้ตรวจสอบภายในบ้านจนพบศพบริเวณชั้น 4 ของบ้าน

ทีมข่าวยังได้คลิปช่วงคืนวันที่ 14 สิงหาคม ก่อนที่นายเชิดพันธ์จะถูกฆ่าเสียชีวิต ทั้งสองได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กอยู่ด้วยกัน โดยนายเชิดพันธ์กำลังยืนทำยำปลากระป๋องและต้มยำอยู่กับนายชยากรผู้ก่อเหตุ ภายในห้องครัวของบ้านหลังเกิดเหตุ โดยทั้งสองดูรักและสนิทสนมกันอย่างดี

ส่วนอีกคลิปเป็นคลิปฝ่ายนายชยากรได้ไลฟ์เฟซบุ๊ก คาดว่าเป็นช่วงเวลาหลังจากทั้งสองคนทำอาหารเสร็จ จะเห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันภายในห้องนอนที่เกิดเหตุอย่างมีความสุข โดยนายชยากรได้หันกล้องไปหานายเชิดพันธ์ให้ชู 2 นิ้วเล่นกับกล้อง โดยนายเชิดพันธ์ถามนายชยากรว่า “เธอไลฟ์สดเราหรอ?” ก่อนที่นายเชิดพันธ์จะบอกว่า “ถ้าเธอไลฟ์สด เธอต้องเล่าเรื่องผี” ทำให้นายชยากรหัวเราะและจบไลฟ์ไป ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นคลิปสุดท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะมีปากเสียงและลงมือฆ่ากันตายในห้องดังกล่าว

นอกจากนี้เมื่อทีมข่าวย้อนไปดูโพสต์เก่าๆของผู้ตาย ยังพบว่า เจ้าตัวมักจะชอบโพสต์เฟซบุ๊กและลงคลิปหยอดคำหวานถึงผู้ก่อเหตุที่เจ้าตัวหลงรักอยู่เสมอ

ซึ่งคลิปก่อนจะตาย เจ้าตัวได้ลงรูปคู่และใส่เพลง “เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน” พร้อมระบุข้อความ “รักฟาร์มมากๆๆๆ ปี 2023 แห่งศรัทธา และมั่นคงในรัก” ซึ่งเป็นคลิปที่เจ้าตัวลงไว้ก่อนจะถูกฆ่าตาย

นอกจากนี้ เมื่อย้อนกลับไปดูในอดีตก่อนจะเกิดเหตุ เมื่อ 12 สิงหาคม นายเชิดพันธ์ยังได้ลงรูปนายชยากร และรูปชายอีกคน โดยระบุข้อความว่า "รักหมดใจ คนปัจจุบัน 4 ปี VS คนเก่า 8 ปี 555 เลือกใครดี ดีคนละแบบ แต่เขาเลือกกูมั้ย ไม่เลย แค่คนคุย"

และวันที่นายเชิดพันธ์ถูกฆ่าตาย เจ้าตัวได้โพสต์ข้อความสุดท้าย จำนวน 2 โพสต์ คือ “คนเก่าก็ยังรักคนใหม่ก็สำคัญ” และ “เข้าใจชีวิตคู่ เมื่อตอนไม่มี”

 

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้สอบถามนางสาวกบ (นามสมมุติ) เพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้าที่เพื่อนของตนเองจะหายตัวไปปริศนา ช่วงเวลาประมาณ 1-2 ทุ่มของคืนวันที่ 14 สิงหาคม ผู้ตายยังวิดีโอคอลมาหาตนเองและเปิดกล้องอวดตนเองอยู่เลยว่าอยู่กับผู้ก่อเหตุ ซึ่งเพื่อนของตนเองหลงรักและตามจีบมานานหลายปีแล้ว และเพื่อนมักจะบอกตลอดว่า นายชยากรเป็นแฟนหนุ่ม

และเพื่อนยังส่งรูปคู่กับผู้ก่อเหตุมาให้ตนเองดูในข้อความทางไลน์อยู่เลย และบอกว่า เดี๋ยวจะไปทำอาการกินกันกับตัวผู้ก่อเหตุที่บ้าน จากนั้นช่วง 3 ทุ่มกว่าตนเองก็ติดต่อเพื่อนไม่ได้อีก

กระทั่งคืน 2 ทุ่มวันที่ 17 สิงหาคม (วันพบศพ) ตนเองได้ทักข้อความไปหานายชยากรผู้ก่อเหตุ และถามว่า “บุญมีหายไปไหน?” ตอนนั้นผู้ก่อเหตุ ตอบกลับมาว่า “ตายแล้ว” ก่อนจะยกเลิกข้อความไป ตนเองจึงได้ตอบกลับไปว่า “พูดดีๆ เขาไปไหน อยู่ด้วยกันไหม” แต่นายชยากร กลับไม่อ่านแชตและตอบอีกเลย

ทันทีที่ทราบข่าวตกใจมากและไม่คิดว่านายชยากรจะทำกับเพื่อนตนเองขนาดนี้ ตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่ของเพื่อนทราบหรือยังว่าลูกเสียชีวิต เนื่องจากครอบครัวของผู้เสียชีวิตอยู่แถวภาคใต้ทั้งหมด

หนุ่มแทงอกคู่ขาดับนอนกับศพข้ามคืน ถูกจับอ้างจะถูกตุ๋ย เพื่อนงัดคลิปแฉสัมพันธ์