วันนี้ 4 ส.ค. 66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความว่า

ทักษิณไม่กลับ

เมื่อคืนโทรศัพท์ดังไม่หยุด ท้ายสุดต้องปิดเครื่อง

ในที่สุดทักษิณเลื่อนกลับจริงๆ สัมพันธ์กับการโหวตนายกฯ วันที่ 4

การประกาศจับขั้วใหม่ของเพื่อไทย รีบตีปี๊บชูธงนำ “นายกฯ เจ้าสัว” นายเศรษฐา ทวีสิน บอสเก่าแสนสิริเจ้าพ่อคอนโดประเทศไทย

พร้อมพรรคที่โดดข้ามขั้วมาแทนก้าวไกล

ได้แก่ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ ชาติพัฒนากล้า ประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กอื่นๆ รวมได้ 264 เสียง

มีก้าวไกล พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ไทยสร้างไทย เป็นฝ่ายค้าน

วันนี้แถลงข่าวที่สภาเวลาบ่าย 3 โมง ไม่มีผิดจากนี้

พรรค 2 ลุง ไม่มาตอนนี้ แต่มาทีหลัง

ส.ว. ผ่านด้วยเงื่อนไขพิเศษสุดจากไฟกระพริบของลุง

เหลือ “ภารกิจ” แฉเพื่อชาติของผม ให้ดูว่า

“ว่าที่นายกฯ ตัวสูง เจ้าสัวนายทุน จะซ้ำรอยทักษิณไหม?”

ที่ไปกระซิบบอกทักษิณว่า “ชี้แจงได้” นี่ไม่ใช่การโหวต “ไม่ไว้วางใจ” นะครับ

แต่ในการเมือง อย่างทักษิณขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ยังกลายเป็นผิด กลับบ้านไม่ได้จนป่านนี้

แล้วอย่าง “ว่าที่นายกฯ ตัวสูง” ที่หนีภาษี พายเรือให้โจรนั่ง มีหลักฐาน จะถูกได้ยังไง?

ยิ่งภาวะการณ์เพื่อไทยขณะนี้เหมือนเรือรั่ว

ส่งผลถึงทำไมทักษิณไม่กลับวันที่ 10 ส.ค.

ผมมีคำตอบ โปรดติดตาม

 

3 ส.ค. 2566 ปรากฏการณ์เลื่อน

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นางลัดดา แจ่มจ่าย อายุ 55 ปี ได้เผยกับทีมข่าวว่า ตนเป็น นปช. ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อคำว่าประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น คอยสนับสนุนและมอบหัวใจให้กับพรรคเพื่อไทย แต่วันนี้รู้สึกผิดหวังมาก ผิดหวังอย่างถึงที่สุด ผิดหวังตั้งแต่วันที่พรรคเพื่อไทยไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นประธานสภา เพราะพรรคก้าวไกลเป็นเพียงพรรคเดียวที่มีความกล้าในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีความกล้าเลย ตอนนั้นนางลัดดาได้นำของที่ตัวเองรักและหวงแหนที่สุดไปขายหน้าพรรคเพื่อไทย คือ กรอบรูปของคุณทักษิณ เพราะต้องการที่จะส่งสัญญาณเตือนว่า "เราผิดหวัง"

 

จนในครั้งนี้ที่พรรคเพื่อไทยทำให้ผิดหวังซ้ำเป็นครั้งที่สอง คือการที่พรรคเพื่อไทยผิดสัจจะวาจา เพราะการที่นางลัดดาและครอบครัวยอมเสี่ยงชีวิต เขายอมเพราะความศรัทธาและความเชื่อมั่นในคำสัญญาที่บอกว่าจะไม่มีวันไปร่วมมือกับพวกเผด็จการ นางลัดดาจึงยืนหยัดและอยู่เคียงข้างพรรคเพื่อไทยมาตลอด  ไม่ว่าจะแก๊สน้ำตา ลูกกระสุนที่เล็งมายังหัว จนสูญเสียเพื่อนร่วมทางไปไม่รู้กี่ศพ ยอมหมอบยอมคลานท่ามกลางการชุมนุม เสียเงินนับแสนในการร่วมกันซื้ออาหาร ซื้ออุปกรณ์ป้องกันตอนชุมนุม ยอมเสียสละอะไรหลายๆอย่างในชีวิต เพราะคำว่า "เชื่อใจ" คำเดียว นางลัดดาเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถให้หลักประกันให้กับพี่น้องประชาชนได้ ว่าทุกอย่างจะไม่วนกลับไปเป็นเหมือนอย่างเคย เหมือนตอนที่ทหารชั่วเข้ามายึดอำนาจเป็นเผด็จการ

 

แต่มาวันนี้ ความศรัทธาและความเชื่อใจไม่มีเหลืออีกต่อไป นางลัดดา เผยว่า ตนเองนอนร้องไห้แทบทุกคืนหลังจากทราบว่าพรรคเพื่อไทยจะไปร่วมจัดตั้งกับพรรคภูมิใจไทย รู้สึกว่าการเสียสละ การทุ่มเทที่ผ่านมานับ 20 ปีไม่มีความหมายอะไรเลย รู้สึกไม่โอเคมากๆ ที่จะดึงพรรคภูมิใจไทยมาบริหารประเทศ เพราะครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตนยังจำได้แม่นว่าต้องสูญเสียคุณแม่วัย 80 ปี  เพราะระบบการทำงานของนายอนุทินที่ล้มเหลว ทำให้แม่ตนต้องไปนอนอยู่ข้างถนน ตรงจุดทิ้งขยะ เพื่อรอรับการรักษาที่ไม่เคยเข้าถึง แม้ตนพยายามจะควักกระเป๋าจ่ายค่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพื่อมารักษาแม่ เขาก็ยังไม่ยอม จนแม่ต้องมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แล้วตอนนั้นนายอนุทินเคยออกมารับผิดชอบอะไรบ้าง คำว่า "ขอโทษ" เคยหลุดออกมาจากปากหรือยัง

 

นอกจากนี้นางลัดดายังโดนคนภายในพรรคเพื่อไทยรุมด่า ว่า "แดงเทียม" (โดนกล่าวหาว่า นางลัดดาถูกจ้างให้มาเป็นหน้าม้าคนเสื้อแดง แล้วมายืนด่าพรรคเพื่อไทย)  นางลัดดาจึงขอถามกลับว่า "แดงเทียมคืออะไร" คือคนที่ใส่เสื้อสีแดง แต่มีจิตสำนึก มีความเป็นคน ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์และอำนาจของตัวเองหรือเปล่า ถ้าแดงเทียมเป็นแบบนั้น ตนก็ยอมใช้ชื่อ "แดงเทียม" ดีกว่าเป็นคนกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วยอมผิดคำพูดเพียงเพราะต้องการแค่อำนาจโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย

เปิดแรงแค้นฝังหุ่น แดงถีบส่งเพื่อไทย ไขปริศนาศพหน้าพรรคเจ็บจำจนตาย