ชลน่าน บอกพรุ่งนี้ชัดเจนมี 2 ลุงร่วมรัฐบาลหรือไม่ มั่นใจตอบสังคมได้ และ 4 ส.ค.นี้ ได้นายกฯแน่นอน พร้อมให้คำมั่นแก้ รธน.เสร็จ ขอคืนอำนาจเลือกตั้งใหม่

2 ส.ค. 66 เมื่อเวลา 14.20 น. แกนนำพรรคเพื่อไทยประกอบด้วย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน ในฐานะพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้แถลงข่าวร่วมกัน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า บรรยากาศพูดคุยเป็นไปด้วยดี ทางพรรคก้าวไกลต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลเข้าใจเหตุผลของเรา แต่ขอสรุปให้ชัดว่าไม่ใช่การบอกเลิกกัน แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่ต้องแยกกันจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล

เมื่อถามถึงพรรคร่วมรัฐบาลใหม่มีพรรคไหนบ้าง และพรรคกก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เราได้คุยกับพรรคก้าวไกลโดยขอให้เป็นเอกสิทธิ์สส.ที่จะลงคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทย โดยเราไม่ได้ร้องขอ จะโหวตหรือไม่โหวตให้เราก็ได้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่จะขอแจ้งให้ทราบในวันที่ 3 สิงหาคม ส่วน สว.จะโหวตให้เพื่อไทยหรือไม่นั้น จากการแถลลงวันนี้และแนวทางที่ชัดเจนที่เราแสดงเจตนารมณ์ ข้อกังวลของ สส.และ สว. เราเชื่อว่าภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว เราลดเงื่อนไขทั้งหมด น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ สว.จะโหวตให้ความเห็นชอบ

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าเพื่อไทยจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในการเสนอนายกฯ คาดว่าจะได้เสียงสนับสนุนครบ จากนั้นเราจะตั้งรัฐบาล ถ้าจะให้รัฐบาลเข้มแข็งควรมีเสียงเกิน 300 เสียงขึ้นไป แต่ด้วยข้อจำกัดขณะนี้เราจะหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด เชื่อว่าการโหวตนายกฯ วันที่ 4 สิงหาคมจะจบด้วยการได้นายกฯ ในวันดังกล่าวทั้งนี้

ส่วนที่ สว.ต้องการให้นายเศรษฐาแสดงวิสัยทัศน์นั้น การแสดงวิสัยทัศน์ใช้เฉพาะตำแหน่งประธานสภาฯ แต่ข้อบังคับการเลือกนายกฯ ไม่ได้ระบุว่าจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ เท่าที่คุยกับนายเศรษฐาก็พร้อมจะตอบทุกข้อสงสัย แต่ด้วยความที่นายเศรษฐาไม่เป็น สส.และถ้าเข้าสภาฯ ไปอาจจะมีประเด็นที่คาดไม่ถึง จึงขอไม่เข้าไปในที่ประชุม แต่หากมีอะไรที่พาดพิง สส.ของพรรคพท.พร้อมลุกขึ้นชี้แจงแทน

เมื่อถามว่าจะไม่มีพรรคสองลุงเข้าร่วมรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ขอให้รอความชัดเจนในวันที่ 4 สิงหาคมและมั่นใจว่าเราจะตอบคำถามสังคมในทุกข้อสงสัย

เมื่อถามถึงกรณีที่ประชาชนออกมาชุมนุมกดดันพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลโดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกลนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า การมีรัฐบาลคือสิ่งจำเป็น จึงต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงข้อจำกัด ซึ่งการแสดงออกทางการเมืองในยุคนี้มีความหลากหลายอยู่แล้ว เราในฐานะที่เป็นตัวแทนของเขา เราต้องพร้อม ถ้าม็อบมีความปรารถนาต่อบ้านเมือง ตนเชื่อว่ารับมือได้

เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่ที่ต้องตัดสินใจแยกทางกับพรรคก้าวไกล นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า “มันไม่มีอะไรสวยงามทุกอย่างเราพยายามทำในสิ่งที่เสียหายกับประเทศน้อยที่สุด”

เมื่อถามถึงกรณีแกนนำพรรคก้าวไกลวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทยประวิงเวลา นายภูมิธรรม กล่าวไม่เรียกประชุมพรรคร่วมเสียทีว่าไม่ใช่การประวิงเวลา แต่ที่ช้าเพราะเราถูกร้องขอจากแกนนำพรรคก้าวไกลให้รอถึง 23.00 น.คืนวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเรารอถึงเที่ยงคืนของวันที่ 1 สิงหาคม แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่มีการติดต่อกลับมา เราจึงดำเนินการตามแนวทางของเราตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม โดยเราหารือกับพรรคก้าวไกลมาตลอด แต่แกนนำพรรคก้าวไกลอาจจะมีปัญหาการสื่อสารภายในกับสมาชิกทั้งนี้ เราได้โทรศัพท์ชี้แจงพรรคร่วมที่เหลือแล้ว ว่าเราต้องตั้งรัฐบาลเพื่อคลี่คลายวิกฤติที่เกิดขึ้น

“การตกลงกันครั้งนี้ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลไม่ใช่การเกี้ยเซี้ยะทางการเมือง แต่เป็นการต่างคนต่างทำหน้าที่โดยไม่มีก.ก.ร่วมตั้งรัฐบาลด้วย ส่วนนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน เราพร้อมร่วมผลักดันไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยคือการแก้ไขมาตรา 112 โดยเราจะทำหน้าที่ใช้ประสบการณ์ของเราแก้วิกฤติเศรษฐกิจ การเมืองให้เข้าสู่ระบบปกติทั้งหมด”

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การประสานงานหลังจากนี้ ทุกพรรคการเมืองไม่มีเงื่อนไขใดๆ ในการเข้าร่วม โดยเป้าหมายของพรรคพท.คือต้องได้ตัวนายกฯ ก่อน ส่วนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลใหมานั้นต้องเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อการบริหารประเทศได้

ด้านนายประเสริฐ กล่าวกรณีอีก 6 พรรคร่วมจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลใหม่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรค หากเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคเพื่อไทยเราก็ยินดี บางพรรคร่วมตอบรับ บางพรรคยังไม่แสดงท่าทีส่วนเรื่องการโหวตของก.ก.จะช่วยพท.หรือไม่นั้น เราได้แจ้งพรรคร่วมแล้วว่าเป็นเรื่องของเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ทั้งนี้ในวันที่ 3 สิงหาคมช่วงบ่าย เราจะออกแถลงการณ์ตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ในระหว่างที่พรรคเพื่อไทยแถลงถอนตัวจากเอ็มโอยู 8 พรรคร่วม เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่นั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้คาร์ม็อบมาถึงหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทยพอดี