ทนาย "ศักดิ์สยาม" โต้ "ปกรณ์วุฒิ" เข้าใจคลาดเคลื่อน ยันหนี้ 38 ล้านบาท เกิดขึ้นหลังถอนหุ้นออกจาก "บุรีเจริญ"

วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายตฤณ แก่นหิรัญ ทนายความประจำตัวของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ผู้รับมอบในการแถลงข่าว

โดยนายตฤณ กล่าวว่า ตามที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 กรณีกล่าวหาว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงมีหนี้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จำนวน 38 ล้านบาท และมิได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.

 

ฝ่ายกฎหมายขอชี้แจ้งว่า การแถลงข่าวของนายปกรณ์วุฒิ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังคงเป็นเจ้าของกิจการในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น เป็นคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง ความจริงคือ นายปกรณ์วุฒิ ทราบดีว่า นายศักดิ์สยาม ได้จำหน่ายจ่ายโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และขาดจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 ปรากฏตามหนังสือรับรองและสำเนาคำร้องขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นเอกสารที่นายปกรณ์วุฒิ นำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง ดังนั้น หนี้จำนวน 38 ล้านบาท ที่ปรากฏในเอกสารงบการเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประจำปี 2562 นั้น ย่อมหมายถึงบุคคลที่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่นในขณะนั้น มิใช่นายศักดิ์สยาม ดังนั้น นายศักดิ์สยาม จึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในหนี้เงินจำนวนดังกล่าวต่อ ป.ป.ช. แต่อย่างใด

เนื่องจากในขณะที่นายปกรณ์วุฒิ แถลงข่าวนั้น นายปกรณ์วุฒิ ได้ยอมรับว่า สิ่งที่ตนได้แถลงข่าวนั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ข้อชี้แจงที่ได้กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นคำตอบในข้อสงสัยให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ส่วนประเด็นอื่น ๆ เนื่องจากยังในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. จึงไม่สามารถที่จะก้าวล่วงได้