ยังเกาะติดสถานการณ์การเมือง ที่ถูกจับตามองอย่างมาก โดยมีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่3 โดยก่อนหน้านี้ก่อนหน้านี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เคยส่งสัญญาณเตรียมจะเปิดเอกสารลับเกี่ยวกับภาษี

ทีมข่าวช่อง8 สอบถามเรื่องนี้กับนายชูวิทย์ โดยกล่าวถึงปมประเด็นการเมืองที่น่าสนใจไว้ว่า ภายหลังประธานรัฐสภามีคำสั่งเลื่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้ง 3 ออกไป หลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในการโหวตชื่อนายพิธาช้ำได้หรือไม่ นั้น

นายชูวิทย์ เปิดเผยว่า ตนเองไม่เห็นด้วยต่อการที่มีการส่งทุกเรื่องไปให้กับศาลในการวินิจฉัย โดยเฉพาะเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นอำนาย3ฝ่าย คือ ตุลาการหมายถึงศาล นิติบัญญัติหมายถึงรัฐสภา และบริหารหมายถึงรัฐบาล ดังนั้นการทำหน้าที่ของ3อำนาจ ก็จะต้องมีการแยกกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีคานอำนาจในด้านของการตรวจสอบซึ่งกันและกัน

เรื่องของการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค. ตนเองมองว่าควรที่จะเดินต่อไม่ควรที่จะหยุดหรือเลื่อน เนื่องจากเป็นอำนาจของนิติบัญญัติ ที่สามารถดำเนินการได้ ต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เอะอะมีปัญหา หรือต้องการตีความทุกอย่างต้องไปจบที่กระบวนการศาลทั้งหมด เรื่องบางเรื่องสามารถที่จะทำได้ตามอำนาจของแต่ละฝ่าย

และการจะทำครั้งนี้เรียกว่าเป็นการซื้อเวลา เพื่อที่จะลดกระแสบางอย่างให้เบาลง ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อใครบางคนขึ้นมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะเคยมีการประกาศเอาไว้หลายอย่าง เกี่ยวกับฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย แต่วันนี้ดูท่าทีแล้วเหมือนจะมีการเปลี่ยนบางอย่างเกิดขึ้น เพราะสังเกตได้จากการกินช็อกมิ้นต์ ฉะนั้นการกระทำครั้งนี้เรียกว่าเป็นการปล้นคะแนนเสียงประชาชน

และตนเองอยากจะย้อนถามคำพูดเดิมของพรรคการเมืองหรือคำพูดของใครบางคน ที่เคยมีคำมั่นสัญญากับประชาชน ว่าจะไม่เอา ว่าจะไม่ร่วม ว่าจะไม่เดิน แต่วันนี้คำพูดเหล่านั้นหลังเลือกตั้งได้ไม่กี่เดือน ทำไมถึงลืมเลือนกันไปหมดแล้ว

อีกทั้งการที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคือหมอชนน่าน ออกมาพูดถึงคะแนน 188 เสียง ที่อ้างว่าเป็นคะแนนพักสูงสุดอันดับ1 แล้วพรรคก้าวไกลได้คะแนน 151 เสียง รองลงมาเป็นอันดับที่2 แล้วพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับที่3 นั้น ส่วนตัวมองว่าใช้ตรรกะอะไรคิด แล้วตัวของหมอชนน่านก็เป็นถึงหมอคิดเลขไม่เป็นหรือยังไง ทำไมถึงไปยกให้ 188 เสียงเป็นพรรคอันดับ1 แต่การที่พูดเปลี่ยนไปมาจนทำให้สังคมเข้าใจผิดหรือสับสน เป็นแค่ “กระบวนนางวันทองสองใจ” เพียงแค่ยังเลือกใครไม่ได้ อยากจะไปต่อกับพรรคก้าวไกล หรืออยากจะเปลี่ยนขั้วไปกับสิ่งที่ตนเองจะกลืนน้ำลายหรือไม่ แต่ทั้งนี้ขอให้คิดให้เยอะ และมองถึงเสียงประชาชนที่มอบให้

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากจะพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จะมีการร่วมทำเอ็มโอยู แล้วไม่กล้าที่จะบอกเลิกกันก่อน แต่หาทางลงที่ดี ส่วนตัวมองถึงอนาคตของ2พรรค คือการที่ก้าวไกลเสียสละให้กับพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ ในเมื่อพรรคเพื่อไทยมีอำนาจ ในการจัดตั้งรัฐบาลและตำแหน่งในรัฐบาล สุดท้ายแล้วพรรคก้าวไกล จะไม่ได้ตำแหน่งในรัฐบาล โดยใช้ตรรกะคือ อยากร่วมก็เชิญ แต่ไม่ได้อะไร เป็นการไล่ทางอ้อม ขึ้นอยู่กับว่าก้าวไกลจะทนได้นานแค่ไหน ถึงเวลาก็ต้องไปเพราะเป็นรัฐบาลแต่ไม่มีหน้าที่ทำ


ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ เคยออกมา ระบุว่าจะมีการแฉถึงนายกรัฐมนตรีหรือว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยข้อมูลที่จะออกมาแฉ จะทำให้บุคคลดังกล่าวล้มทั้งยืน และไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แต่สุดท้ายกลับต้องเลื่อนออกไป นั้น

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ บอกว่า ส่วนตัวอยากจะให้คนดูของช่อง 8 ได้เห็นข้อมูลอะไรบางอย่าง ซึ่งเพิ่งจะทำเสร็จก่อนที่จะมาตั้งให้สัมภาษณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นรูปเงาของว่าที่นายกรัฐมนตรี และมีข้อความระบุว่า “นายกคนใหม่ ประเทศไทยซื่อสัตย์ เป็นที่ประจักษ์ หรือไม่..?” โดยภาพกราฟิกนี้ตนเองเตรียมที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะชน ซึ่งทีมข่าวมาสัมภาษณ์ก่อน จึงขอเปิดเป็นที่แรก โดยข้อความดังกล่าวต้องการที่จะสะท้อนว่า การที่ใครบางคนจะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีความจริงใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และทุกอย่างอยู่ที่แจ้ง ไม่ใช่แอบทำกันได้ที่ลับ ดังนั้นถ้าหากไม่เป็นไปตามข้อความ ไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่ประจักษ์ตรวจสอบไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่ควรได้รับการเสนอชื่อ เพราะถ้าหากก่อนวันเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งหน้า แล้วมีการลงมติในพรรคดังกล่าว แล้วมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าว ตนเองก็จะอภิปรายนอกสภา หรือเปิดเผยข้อมูลชุดนี้ทันที และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวจะล้มทั้งยืน

การที่ตนเองต้องเลื่อนครั้งนี้เป็นเพราะว่า ยังไม่มีการเสนอชื่อ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาข้อมูลมาเปิดเผย เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเอาข้อมูลเปิดเผยก่อนเสนอชื่อ แล้วมีการเปลี่ยนแปลง บุคคลดังกล่าวก็แค่ถูกแฉ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเมื่อมีการเลื่อน และไม่เปิดเผยชื่อดังกล่าว ก็ไม่มีมีเหตุจำเป็นใดที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลในเวลานี้

และตนเองอยากจะฝากย้ำเตือนสติและพูดถึงชื่อใครบ้างคน 3 ชื่อ คือ ซานซิง เป็นแขกอินเดีย , เดฟ เป็นแขกอินเดีย , และโขงเป้ง บอกได้เลยว่า3ชื่อนีั ใครบางคนที่เป็นคดีเดตนายกรัฐมนตรี ของบางพรรคการเมือง แค่ได้ยินชื่อแค่นี้ก็หนาวแล้ว เนื่องจากบุคคลเหล่านี้มีความสัมพันธ์พิเศษ ที่พากันกระทำผิด เกี่ยวข้องกับเรื่องการเงิน เกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ตรวจสอบไม่ได้ มากกว่าการเลี่ยงภาษี โดยเรื่องนี้ตนเองจะให้เป็นภาพยนตร์ภาคที่2 ต่อจากภาคที่1 ที่เดิมมีการซื้อขายที่ดินผ่านตลาดหลักทรัพย์แล้วต้องไปอยู่ต่างประเทศ แต่ครั้งนี้ภาค2จะมั่นดุเดือดและสังคมตาสว่าง ดังนั้นตนเองอยากจะตั้งชื่อเรื่องว่า “ภาค1หนีภาษี ภาค2 ซื้อขายตลาดหลักทรัพย์”

แต่ทั้งนี้ข้อมูลจะถูกเปิดเผยหรือไม่ก็ต้องรอดูว่าจะมีการเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นมาเป็นผู้ถูกเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

และทั้งนี้ หากยังมีการเสนอชื่อดังกล่าว แล้วข้อมูลของตนเองก็เปิดเผยออกมา แต่รัฐสภายังมีการเลือกโหวตเห็นชอบชื่อดังกล่าวอีก จะกลายเป็น”นายกรัฐมนตรี อาชญกรทางเศรษกิจ”

ส่วนกรณีที่มีกระแส และรวมถึงกลุ่มนักวิชาการโดยเฉพาะอาจารย์ด้านกฎหมายของประเทศไทย มีความเห็นต่าง และออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการยุบสภาซ้ำ ซึ่งมีความเป็นไปได้หรือไม่ นั้น

นายชูวิทย์ บอกว่า ปัจจุบันพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในฐานะรัฐบาลรักษาการและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ และอยู่ในฐานะสภาเก่า , แต่ปัจจุบัน ได้มีการแต่งตั้งมีราชโองการ ในการตั้งสภาใหม่ขึ้นแล้ว ซึ่งหน้าที่ของนายกรักษาการ จะเกี่ยงกับสภาใหม่ ได้หรือไม่ ก็ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญ และไปตีความกฎหมาย แต่หากจะมองว่านายกสภาเก่ามีอำนาจยุบสภาใหม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับดาบในมือของพลเอกประยุทธ์ ว่าจะลงดาบด้วยตนเองหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะไม่ทำ เพราะไม่มีความจำเป็นใดที่จะเอาตัวเองลงมายุ่งเกี่ยว มันขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะหากไม่ได้พลเอกประยุทธ์ก็นั่งต่อไปอีกจนกว่าจะได้อยู่ดี

แต่สิ่งที่ตนเองมองในตอนนี้ หากจะมองว่ามีการยุบสภาสามแล้วให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ ไม่ควรที่จะมีการยุบสภาโดยอำนาจของนายกรัฐมนตรีรักษาการ แต่ควรที่จะมีการปฏิวัติ เพื่อที่จะให้ทุกอย่างจบสิ้นง่ายกว่า เพราะอย่าลืมว่านักการเมืองไทยทำได้ทุกอย่าง พูดได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ลืมคำพูดของตัวเอง เหมือนเช่นหลายครั้งที่มีการหาเสียง”ว่าจะ” แต่สุดท้ายแล้วลืมคำพูดตัวเองแล้วกลืนน้ำลาย

ชูวิทย์เปิด 3 ชื่อสะเทือนอำนาจแคนดิเดตผ่าแผนวันทอง 2 ใจ ส่อได้นายกฯ อาชญากร