"ปกรณ์วุฒิ" แฉหลักฐานเพิ่มเติมจากเอกสารชี้แจงของห้างหุ้นส่วนบุรี คอนสตรักชัน ชี้ พบพิรุธ "ศักดิ์สยาม" มีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนฯ ขณะเข้ารับตำแหน่ง พร้อมยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ ระบุ การเปิดหลักฐานวันนี้ไม่กระทบความสัมพันธ์กับ 8 พรรคร่วม หลังเพื่อไทยเชิญภูมิใจไทยหารือ

วันนี้ (25 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 7 อาคารอนาคตใหม่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้จัดแถลงข่าวเปิดเผยข้อมูลในคดีรัฐมนตรี "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ห้างหุ้นส่วนบุรี คอนสตรักชัน จนนำมาสู่การสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ทั้งนี้โดยภายหลังถูกดำเนินการ นายศักดิ์สยาม มีการส่งเอกสารชี้แจงเพื่อหักล้างต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต่อมาตนได้รับเอกสารทั้งหมด และตรวจสอบจนพบพิรุธหลายแห่ง เนื่องจากพบหลักฐานว่า นายศักดิ์สยามมีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนนี้ในขณะที่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรี และไม่ได้เปิดเผยทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. อย่างถูกต้อง

โดยเอกสารระบุว่า นายศักดิ์สยามเคยกู้ยืมเงินของห้างหุ้นส่วนนี้ในปี 2558-2559 จำนวน 4 ครั้ง เป็นยอดรวม 108,499,000 บาท โดยมีสัญญากู้ยืมเงิน ต่อมานายศักดิ์สยาม ได้ชำระคืนทั้งก้อน ในวันที่ 22 เม.ย. 62 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เป็นเวลา 30 วัน

โดยก่อนหน้านี้ตนได้มีการอภิปราย และถามถึงประเด็นหนี้สินที่นายศักดิ์สยามมีต่อห้างหุ้นส่วนนี้ ว่าได้โอนออกไปพร้อมกับการโอนหุ้นหรือไม่ แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบระหว่างการอภิปรายในสภา บอกเพียงว่า “เป็นเรื่องส่วนตัว พี่ไม่จำเป็นต้องชี้แจงต่อสมาชิก” แต่เมื่อตนได้รับเอกสารชี้แจงนี้ภายหลัง จึงเกิดข้อสงสัยว่า เหตุใดนายศักดิ์สยามจึงไม่ตอบคำถามและนำเอกสารมาชี้แจงให้ตรงกับข้อมูลชุดนี้ตั้งแต่ตอนนั้น / จึงอาจสรุปได้ว่า เอกสารชุดนี้เป็นการมัดตัว ว่าหนี้สินของนายศักดิ์สยามต่อห้างหุ้นส่วนนี้ยังคงอยู่ หลังจากการโอนหุ้นออกไปเมื่อปี 2561 เพราะพบว่า งบการเงินของห้างหุ้นส่วนนี้สิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค. 62 แต่กลับพบว่ายังมีเงินให้หุ้นส่วนกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาทตามเอกสาร หลังจากนั้นยอดหนี้ได้ถูกปิดเป็น 0 บาท ในช่วงสิ้นปี 2563 ซึ่งถือว่าเลยช่วงสิ้นสุดของงบการเงินห้างหุ้นส่วนไปแล้ว

นอกจากนี้ยังพบเอกสาร ใบรับวางบิลที่ยื่นประกอบกับคำชี้แจงดังกล่าวอ้างว่าเป็นหลักฐานว่ามีการเปลี่ยนผู้ควบคุมกิจการตั้งแต่ปี 2561 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่จากการตรวจสอบใบรับวางบิลที่ใช้ปกติไม่จำเป็นต้องให้กรรมการผู้จัดการหรือเจ้าของเป็นคนเซ็น อาจให้พนักงานการเงินเป็นผู้เซ็นก็ได้ จึงพบว่าเป็นหนึ่งในข้อพิรุธ โดดจากอีกหลาย. ในเอกสารที่เตรียมจะนำไปยื่นให้ทาง ป.ป.ช. ทำหน้าที่ตรวจสอบต่อไปในช่วง 11.30 น. ของวันนี้

นอกจากนี้ ตนและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็ได้มีการ ยื่นรายชื่อพยานบุคคลทั้งหมด 22 คน และ พยานเอกสาร 19 รายการ เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ชี้ข้อพิรุธหักล้างข้อชี้แจงดังกล่าวของนายศักดิ์สยาม และ ห้างหุ้นส่วนนี้โดยวันนี้ทางทีมงานได้เดินทาง ไปชี้เบาะแสของผู้ที่น่าจะ ร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินกับทาง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เมื่อช่วง 10.00 น. ที่ผ่านมาด้วย

ส่วนประเด็นที่หลายคนมองว่าการออกมาแถลงถึงคดีของนายศักดิ์สยามวันนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงของการหารือจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและการประชุมรวมของทั้ง 8 พรรค ที่มีการพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยด้วยน้้น จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่มีผลต่อการร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น

นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ตนเพียงออกมาทำหน้าที่ที่ถูกต้องตามกระบวนการ และจุดยืนของพรรคก้าวไกล ในการทำงานตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรคเอง และตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ซึ่งเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ถือเป็นหนึ่งใน MOU ที่มีการเซ็นไว้แล้ว / ส่วนเรื่องการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย และทีมเจรจาของพรรคอื่นๆ ส่วนตัวจึงมองว่าไม่กระทบในการออกมาแถลงการณ์วันนี้ เพราะหากรอให้การเจรจาจบก่อน ก็ไม่อาจทราบได้ว่าการเจรจาจะจบเมื่อไหร่ และทำให้คดีล่าช้า ก่อนทิ้งท้ายว่า ถ้าพรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาล หรือถ้านายพิธาเป็นนายกฯ การตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาล หรือ ตรวจสอบรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลเองอาจจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ