"วิทยา" ย้ำ เสนอชื่อ "พิธา" รอบ 2 ไม่ได้ ชี้รอบต่อไปต้องเป็นโอกาสของ พท. เสนอแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี 3 คน และพรรคอื่นตามลำดับ จนกว่าจะชนะคะเนนเสียงในสภา มองโอกาส รทสช. อีกนาน

วันที่ 19 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงความเห็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงข้อบังคับการประชุมที่ 41 ที่ไม่สามารถเสนอญัตติซ้ำได้ ว่า จากที่มีการหารือกับพรรคที่เตรียมตัวเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลเเละประธานสภานั้น มีความเห็นไม่ตรงกัน เพราะมองว่าการเสนอนายพิธาครั้งที่แล้วถือเป็นญัตติ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามข้อบังคับและมีผู้รับรองเรียบร้อย ดังนั้นญัตติที่พิจารณาแล้ว และตกไปแล้วนั้น โดยธรรมชาติก็ไม่สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ในสมัยการประชุมนี้อีกได้ต่อไป เว้นแต่จะมีเรื่องใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตามปัญหาในวันนี้ เป็นเรื่องที่ประธานสภาตัดสินใจตามหน้าที่ เพื่อดูว่าการเสนอ เรื่องในวันนี้จะเป็นเรื่องเก่าหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าจบไปแล้ว ยกเว้นแต่จะมีเรื่องใหม่หรือความคิดเห็น ของประธานสภา หรือมีผู้เสนอว่ามี พฤติการณ์ใหม่ ที่ทำให้มั่นใจว่า ไม่ใช่เรื่องเดิม

ส่วนทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมองว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติทั่วไป สามารถนำกลับมาพิจารณาได้อีกนั้น นายวิทยา ระบุว่า คำว่าไม่ใช่ญัตติทั่วไป เพียงแค่ว่าเป็นญัตติปกติ ที่มีผู้รับรองแค่ 20 คน แต่ญัตติการเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมี ..รับรองไม่น้อยกว่า 5% ฉะนั้นตัวเลขจะต่างกันตรงนี้ และ มองว่าทั้งหมดก็คือญัตติ เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า หากนำเข้าสู่การรับรองในสภา และกระบวนการพิจารณาก็เข้าสู่โดยเริ่มต้นจากการรับรองมันก็คือญัตติ เพราะฉะนั้นเมื่อเข้าสู่การเป็นญัตติแล้วก็ต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับร่วมของการประชุมรัฐสภา เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเกินไปกว่านั้น

ส่วนหากในวันนี้นายพิธาไม่ได้ไปต่อ พรรครวมไทยสร้างชาติจะพิจารณาทบทวนใหม่ เพื่อให้ประเทศได้ไปต่อ หรือมีการเสนอนายกฯจากฝั่ง รัฐบาลเดิมขึ้นมา นายวิทยามองว่า กระบวนการควรเป็นไปตามมารยาท ไม่มีกฎหมายฉบับใด ที่ระบุว่าพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นกติกาของระบบประชาธิปไตย ว่าพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุด ควรจะเป็นห่วงรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่หากพรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดไม่สามารถรวบรวมเสียงได้สำเร็จ ก็จะเป็นหน้าที่ของพรรคที่มีลำดับรองลงมารับไม้ต่อ เพื่อไทยฉะนั้นอยู่ที่ ก้าวไกลจะทิ้งไม้ให้พรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ก็เท่านั้นเอง

เมื่อถามว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 จะไปต่อไม่ได้ นายวิทยาระบุว่า มันต้องค่อยๆนับไป นี่เป็นเพียงครั้งที่หนึ่ง และหากจะเอาครั้งที่หนึ่งมาเหยียบซ้ำอีกที ตนก็มองว่าไม่มีข้ออภิปรายทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม และอยู่ที่ว่าครั้งต่อไปพรรคก้าวไกลจะเอาอะไรกับเพื่อไทยให้พรรคเพื่อไทยเป็นคนเสนอเข้ามาอีกหรือไม่

นายวิทยา ยังกล่าวอีกว่า ต่อจากนี้ก็คงต้องจับตาดูพรรคเพื่อไทยเพราะมีแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีถึง 3 คน ก็เรียงลำดับไปเรื่อยๆจนกว่าจะชนะคะแนนในสภาได้

ส่วนหากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 คน ไม่สามารถผ่านด่านไปได้จะเป็นหน้าที่ของพรรครวมไทยสร้างชาติต่อไปหรือไม่ นายวิทยาได้หัวเราะ พร้อมระบุว่า ยังไม่ถึง ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเสนอได้ 3 รอบ เพราะมี 3 คน พรรค ก้าวไกลมีแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีคนเดียวก็ถือว่าจบ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเรียงตามลำดับของแต่ละพรรค อย่างพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทยพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติมาเป็นลำดับที่ 5