การท่าฯ ขอยืดเวลาพิจารณาหาสาเหตุทางเลื่อนดูดขา ไปอีก 7 วัน ล่าสุดลูกน้องอัปเดตอาการแม่สภาพจิตใจดีขึ้น

15 ก.ค. 66 นายกฤตย์ กิตติรัตนา ลูกชายของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทางเลื่อนภายในอาคารผู้โดยสาร สนามบินดอนเมือง ดูดขา ทำให้ต้องตัดขา 1 ข้าง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2566 ที่ผ่านมา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Kit Kit" อัปเดตอาการของคุณแม่ว่า ทางการท่าฯ แจ้งว่าขอยืดเวลาพิจารณาหาสาเหตุออกไปอีก 7 วัน จากกำหนดเดิมครับ

สวัสดีครับ
วันนี้ผมและครอบครัวอยากแชร์อัพเดทอาการของคุณแม่ และความคืบหน้าของสถานการณ์ให้ทุกท่านได้ทราบครับ
เช่นเดิมเหมือนทุกๆครั้ง ผมต้องขอขอบคุณกำลังใจที่ส่งเข้ามาให้กับครอบครัวอย่างต่อเนื่อง

ส่วนที่ 1 อัพเดทอาการของคุณแม่
คุณหมอทำการตัดไหม(บางส่วน) และถอดเครื่องมือทั้งหมดออกจากร่างกายคุณแม่แล้วครับ คุณแม่สามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกและรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น การทำกายภาพเป็นไปตามขั้นตอน คุณแม่ฝึกเดินต่อเนื่อง และ ฝึกขึ้นบันไดด้วยไม้ค้ำยัน สุขภาพจิตของคุณแม่ค่อนข้างคงที่

คุณแม่บอกว่าท่านดีใจที่อย่างน้อยก็โชคดีที่ไม่สูญเสียขาทั้งสองข้าง อีกทั้ง เชื่อว่าจากเหตุการณ์ของคุณแม่ ทางสนามบินดอนเมืองจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต

นอกจากนี้คุณแม่ขอยังขอฝากกำลังใจไปถึงกัลยาณมิตรทุกท่าน ไม่ว่าเผชิญกับเหตุการณ์อะไรอยู่ก็ตาม ในวันที่ท่านเหนื่อยหรือท้อแท้กับการต่อสู้อยากให้รู้ว่ามีสุภาพสตรีคนนี้และครอบครัวส่งกำลังใจให้ทุกท่านอยู่เสมอ

แม้ว่าคุณแม่จะมีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว คุณแม่ยังคงมีอาการ Phantom pain อาการคัน เหน็บชา หรือ เจ็บ บริเวณอวัยวะที่หายไปอยู่ จากคำอธิบายของคุณหมอ อาการนี้เกิดจากการที่เส้นประสาทถูกทำลายอย่างเฉียบพลัน คุณแม่อาจจะรู้สึกดีขึ้นในอีกหลาย ๆ เดือนข้างหน้า หรืออาจจะมีอาการไปตลอดชีวิต (และอาจจะต้องใช้ยาแก้ปวดบรรเทาตามอาการ) คุณแม่บ่นเสมอว่ารู้สึกทรมานเหมือนมีเข็มทิ่มยิบ ๆ บริเวณขาข้างที่ไม่อยู่แล้ว

ส่วนที่ 2 อัพเดทเรื่องการหาสาเหตุของเรื่องราวที่เกิด
วันนี้ (วันที่ 14 กรกฎาคม 2566) จะเป็นวันที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่แต่งตั้งโดยการท่าอากาศยานไทย มีนัดประชุมพิจารณาสาเหตุที่ทางเลื่อนทรุดตัวเป็นครั้งที่ 3 เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณแม่ต้องสูญเสียอวัยวะ

ผมและครอบครัวตั้งหน้าตั้งตารอข้อสรุปของการสืบหาข้อเท็จจริงโดยคณะกรรมการชุดนี้เป็นอย่างมาก หลังการประชุมเสร็จสิ้นลงในวันนี้ หรืออย่างช้าที่สุดคือวันจันทร์ (ตามกำหนดการเดิม) อีกทั้งการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อสรุปข้อเท็จจริงและสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพื่อให้เป็นที่แน่ชัดและไขข้อสงสัยให้กับคุณแม่และครอบครัว รวมทั้งสาธารณชน ทั้งในไทยและต่างประเทศ

จนถึงวันนี้ รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 11 วัน นับตั้งแต่วันที่แต่งตั้งคณะกรรมการ หรือ 15 วันตั้งแต่วันเกิดเหตุ ผมต้องยอมรับว่ามันเป็นเวลาที่ยาวนานมาก นับเป็นปี ๆ ได้เลยสำหรับผมและครอบครัวที่ใกล้ชิดกับผู้สูญเสีย ทุก ๆ วันที่ผ่านไปโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่ มันทำให้พวกเราต้องฝึกความอดทน รอคอยอย่างใจเย็น ทั้งๆ ที่อารมณ์ข้างในยังคงเศร้าและต้องการคำตอบอยู่เสมอ

ระหว่างที่รอ ตอนนี้ผมและครอบครัวก็ต้องวางแผนรับมือกับการใช้ชีวิตในวันข้างหน้าและอยากให้ทางการท่าฯ คอยช่วยแสดงความรับผิดชอบและดูแลไปกับพวกเราจนกว่าคุณแม่จะสามารถกลับมาเดินได้ดังเดิม

ผมเชื่อว่าทางการท่าฯ และ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีบุคคลากรที่มีความสามารถและกำลังทำงานหนักเพื่อสืบหาข้อเท็จจริง และนำข้อเท็จจริงของเรื่องนี้มาเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ข้อสงสัยต่าง ๆ หมดไป เช่นเดียวกันกับที่คุณแม่ก็กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายในครั้งนี้

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นการชี้แจงข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ อย่างโปรงใส่ ตรงไปตรงมา และชัดเจนในอีกไม่กี่ชั่วโมง/วันข้างหน้า ตามคำสัญญาที่ทางการท่าฯ และท่านผู้อำนวยการท่าฯ ได้ให้ไว้กับพวกเราว่าจะต้องสืบสวนสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จในเวลา 15 วัน นับตั้งแต่วันแต่งตั้งคณะกรรมการฯ

ขอให้ทุกท่านเป็นกำลังใจให้กับพวกเราและกรรมการทุกท่านด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

โพสต์ต้นฉบับ