รัว 12 นัดฆ่านักแสดง ฆาตกรแค้นสั่งขนทุเรียน สลดลูกทั้ง 3 กำพร้าขอเปิดโลงกอดพ่อ

จากกรณีเหตุการณ์สุดโหดเหี้ยมของหนุ่มรับจ้างตัดผลทุเรียนเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.50 น.วันที่ 19 มิ.ย.66 พ.ต.ท.ชยณัฐ  คำภาพันธ์  สว.(สอบสวน) สภ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.ปัญญา  ท้วมศรี ผกก.สภ.สวี  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดชุมพร ร่วมกันเดินทางตรวจสอบ

 

ล่าสุดวันนี้ (25 มิ.ย.66)ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ก็คือ บริเวณลานดินหน้าบ้านแห่งหนึ่ง หมู่ 8 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร

 

โดยลักษณะจุดเกิดเหตุ เป็นลานกว้างในเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ซึ่งจะมีบ้านของเจ้าของสวนทุเรียนอยู่ในเนื้อที่ดังกล่าว 2 หลัง ส่วนหลังบ้านที่เกิดเหตุ จะเป็นสวนทุเรียน ที่กลุ่มคนตายและคนก่อเหตุเข้าไปตัดทุเรียนในเนื้อที่ 22 ไร่

 

ซึ่งจากการตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ พบว่านายดำรงค์ศักดิ์ ผู้ตายที่ถูกยิง 5 นัด ล้มลงที่บริเวณเสาหน้าบ้าน ซึ่งนายจักรพงษ์ คนเจ็บที่ยังมีชีวิตอยู่ ถูกยิงล้มลงห่างจากจุดที่นายดำรงค์ศักดิ์ ประมาณ 5 เมตร ส่วนนายวีระศักดิ์ ผู้ตายอีกคนถูกยิงตรงทางเข้าส่วน โดยยังมีร่องรอยที่เจ้าของบ้านนำทรายมากลบคราบเลือดเอาไว้

 

โดยวันนี้ทีมข่าวไปได้ภาพวงจรปิด ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร ที่จะสามารถจับเสียงปืนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน โดยเสียงปืนหลายนัดดังขึ้นรัวๆติดกันในเวลา 19.56.12 วินาที ส่วนนัดที่ 8 จะดังขึ้นหลังเว้นระยะแค่ 1 วินาที

 

จากนั้นประมาณ 4 นาที ก็คือเวลา 20.00 น.จะเห็นว่า หลังสิ้นเสียงปืน นายอานนท์ คนก่อเหตุ ได้ขับรถหนีออกมาผ่านหน้ากล้องและไปถูกจับกุมที่จังหวัดเพชรบุรีในที่สุด

 

ขณะเดียวกัน ทางภรรยาของนายดำรงค์ศักดิ์ ยังส่งคลิปให้กับช่อง 8 ซึ่งเป็นคลิปที่น้องฟีน วัย 2 ขวบ ลูกสาวคนเล็ก ที่มีความผูกพันกับพ่อ ไปยืนจุดธูปหน้าโลงศพ โดยเรียกพ่อ / พ่อฟิวส์ไปทำงาน / พ่อนอนอยู่ / พ่อฟิวส์จ๋า / คิดถึงพ่อฟิวส์ ซึ่งเป็นภาพที่สลดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

  

ด้าน นายคนอง อายุ 38 ปี เป็นหัวหน้างานของผู้ก่อเหตุและกลุ่มคนงานที่เสียชีวิต ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุตนเอง ยืนหันหลังอยู่ โดยไม่เห็นว่านายอานนท์ คนก่อเหตุยิงใครเป็นคนแรก แต่ขอยืนยันว่า ตั้งแต่เช้าที่มีการเข้าไปตัดทุเรียนในสวนที่เกิดเหตุ ทั้ง 4 คน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันให้เห็น

 

จนกระทั่งช่วงเย็นก่อนจะนำทุเรียนขึ้นรถ หากเขาจะมีปัญหากัน ก็มีเรื่องเดียวที่ตนเองได้ยิน นายจักรพงษ์ คนเจ็บ บอกให้นายอานนท์ คนก่อเหตุลุกขึ้นมาช่วยเอาทุเรียนขึ้นรถ ซึ่งตอนนั้น นายอานนท์ ก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะโกรธอะไร กระทั่งมาเกิดเหตุยิงกันเกิดขึ้น จนถึงตอนนี้ก็ งง ว่านายอานนท์ ยิงทั้ง 3 คนด้วยเรื่องอะไรกันแน่

 

ส่วนตัวรู้จักกับกลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บนานแล้ว เนื่องจากเป็นคนจังหวัดเดียวกันและร่วมงานกันมานาน  ส่วนนายอานนท์ คนก่อเหตุ เพิ่งจะมารู้จักกันก่อนเกิดเหตุแค่ 2 วัน ซึ่งตัวนายอานนท์ เป็นคนงานที่เพื่อนฝากมาทำงานด้วย ยืนยันที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่านายอานนท์ มีปืนติดตัวมาทำงานด้วย ส่วนเรื่องที่นายอานนท์ อ้างว่าตัดสินใจยิงเพราะกลัวจะถูกทำร้ายก่อน ยืนยันว่าเรื่องนี้ เป็นข้ออ้าง เนื่องจากเท่าที่ร่วมงานกันมา 2 วัน ไม่เคยมีใครในชุดที่ไปทำงานด้วยกันทะเลาะหรือมีปัญหากับนายอานนท์

 

น.ส.ชไมพร อายุ 32 ปี เป็นภรรยาของนายดำรงค์ศักดิ์ ผู้ตาย บอกว่า ตนเองมีลูกกับนายดำรงค์ศักดิ์ 3 คน ที่ผ่านมาสามีเป็นเสาหลักของบ้าน โดยก่อนหน้าที่จะมาทำอาชีพตัดทุเรียน สามีเคยไปเป็นนักแสดงอยู่ที่ พัทยา จังหวัดชลบุรี  เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะก่อนสามีจะออกไปตาย ไม่ได้ร่ำลากัน ยิ่งไปกว่านั้น ลูกทั้งสามคน ต้องมากำพร้าพ่อ ซึ่งภาพที่มันสลดใจที่สุด ก็คือวินาทีที่ลูกคนเล็กวัย 2 ขวบ เดินไปชี้ที่โลงศพของพ่อ แล้วก็พูดว่า"พ่อหนูอยู่ในนั้น เปิดให้หน่อยได้ไหม หนูอยากเข้าไปนอนกับพ่อ"

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันสามีไม่เคยรู้จักกับคนก่อเหตุมาก่อน ส่วนเรื่องคดี ก็อยากจะให้สามีได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะตั้งแต่เกิดเหตุ ไม่เคยมีตำรวจและญาติผู้ก่อเหตุ เข้ามาแสดงความรับผิดชอบหรือมาแสดงความเสียใจ

 

ส่วนศพของนายวีระศักดิ์ ทางญาติได้ทำการฌาปนกิจ ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งทางญาติได้จัดพิธีเรียบง่าย โดยมีพี่ชายและญาติๆของนายวีระศักดิ์ รวมถึงคนในหมู่บ้านมาร่วมแสดงความอาลัย

 

นายฤทธิชัย อายุ 22 ปี เป็นพี่ชายของนายวีระศักดิ์ บอกว่า หลังเกิดเหตุตนเองมารู้เรื่องจากทางนายหัวว่าน้องชายถูกยิงตายประมาณทุ่มกว่าๆ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้คุยกับน้องชาย ก่อนจะออกจากบ้านไปตาย แต่ก่อนจะเกิดเหตุแค่วันเดียว มันมีลางสังหรณ์ตรงที่เห็นหน้าน้องชายดำๆและหมองคล้ำ แต่ไม่ได้ทัก เพราะคิดว่าน้องชายคงตากแดดทำงานหนัก ยืนยันที่ผ่านมาน้องชายไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ที่สำคัญไม่เคยรู้จักกับคนก่อเหตุ

 

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเชื่อว่า น้องชายถูกลูกหลงโดยตายแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากหลังจากรับศพกลับมาที่บ้าน น้องชายนอนตาค้างอยู่ตลอดเวลา เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นไปได้ก็อยากจะให้ผู้ก่อเหตุและญาติผู้ก่อเหตุมาขอขมากระดูกของน้องชาย เพราะน้องชายไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเหตุการณ์ดังกล่าว

หนูน้อยกำพร้า ขอเปิดโลงกอดพ่อ