ทนายพัช ยื่นหนังสือถึงผู้บังคับการนิติเวช รพ.ตำรวจ ชันสูตรลูกของ "แอม" หลังแท้งด้วยอายุครรภ์ 7 เดือน ตั้งข้อสงสัยถูกกระทำบางอย่างที่ส่งผลกระทบ

วันนี้ (24 มิ.ย.2566) น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช ทนายความประจำตัวของ น.ส.สรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมวางยาไซยาไนด์ เดินทางมาที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยื่นหนังสือคำร้องขอให้สถาบันนิติเวชชันสูตรศพทารกลูกของ น.ส.สรารัตน์ ที่แท้งระหว่างถูกควบคุมตัวในทัณฑสถานหญิงกลาง ที่มีการเปิดเผยจากกรมราชทัณฑ์ เมื่อวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่ามีอาการครรภ์เป็นพิษและก่อนหน้านี้เคยแท้งลูกมาก่อน

ทนายพัช เปิดเผยว่า ได้รับมอบอำนาจจากครอบครัว น.ส.สรารัตน์ ให้ชันสูตรทารกเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกในครรภ์ เนื่องจากทางครอบครัวสงสัยถึงสาเหตุการแท้งลูก ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่อายุครรภ์ 7 เดือน ซึ่งถือว่าครรภ์ค่อนข้างสมบูรณ์ในระดับหนึ่ง

สอดคล้องกับคำให้การของ น.ส.สรารัตน์ ที่เปิดเผยกับตัวเองขณะเข้าไปพูดคุยในเรือนจำ ว่า น.ส.สรารัตน์ ถูกบีบจนทำให้เจ็บปวดและลูกดิ้น มีความดันโลหิตสูง แต่ยังพูดไม่ชัดเจนว่าถูกกระทำในลักษณะไหน ซึ่งทนายพัช เชื่อว่าเป็นการถูกบีบบังคับทางจิตใจจากชุดสอบสวนของตำรวจที่ทำคดี และจะขอตรวจสอบกล้องวงจรภายในเรือนจำย้อนหลัง และตั้งปมสงสัยอีกว่าเมื่อผู้ต้องหาเกิดอาการแท้งลูก ถือเป็นเรื่องฉุกเฉินที่ควรแจ้งญาติให้ทราบ แต่เหตุใดทางเรือนจำกลับไม่แจ้งในวันเกิดเหตุ กลับมาแจ้งภายหลัง 2-3 วัน ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตมีสิทธิสงสัยและสามารถร้องเรียนได้ เนื่องจากคดียังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน จึงได้ทำหนังสือถึงโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อขอทราบสาเหตุการเสียชีวิตมาประกอบการฟ้องเกี่ยวกับความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการทรมานฯ หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

ส่วนกรณีโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดที่ตำรวจดำเนินคดี หลายคนสงสัยว่าหาก น.ส.สรารัตน์ แท้งลูกไปแล้ว อาจจะได้รับโทษนี้เร็วกว่ากำหนดหรือไม่ ทนายพัชรยืนยันว่า ถึงแม้กฎหมายจะระบุเอาไว้ แต่ไม่ได้กังวลเพราะยังอยู่ระหว่างต่อสู้คดี อีกทั้งตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนให้กับอัยการ เพราะฉนั้น น.ส.สรารัตน์ ก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

การติดต่อขอยื่นเรื่องชันสูตรในวันนี้ ทนายพัช เปิดเผยว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตรอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง หรือรองอ๊อฟ อดีตสามีแอม ได้เดินทางมาที่สถาบันนิติเวชฯ โดยทนายพัช ให้รออยู่ในรถโดยไม่ให้ปรากฏตัวต่อสื่อมวลชน

ทนายพัช ยังเปิดเผยถึงกรณีที่ตัวเองถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการยักย้ายหลักฐานช่วย น.ส.สรารัตน์ ได้ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และได้ทำไทม์ไลน์ในช่วงวันที่ถูกกล่าวหาว่าตัวเองอยู่ที่ไหนบ้าง ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งในวันเวลาที่พบว่า น.ส.สรารัตน์ ส่งของให้ น.ส.แก้ว นั้น ยังไม่ได้ถูกว่าจ้างให้เป็นทนายความของ น.ส.สรารัตน์

นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า จะฟ้องตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนคดี โดยยื่นฟ้องด้วยตัวเอง พร้อมยื่นหนังสือถึงจเรตำรวจแห่งชาติ ให้เอาผิดทางวินัยเพิ่มเติม แต่ไม่ระบุว่าจะฟ้องดำเนินคดีในข้อหาอะไรบ้าง