หนุ่ม กะลา ไฟเขียวเมียฟ้องสาวคนสนิท หนุ่ม กรรชัย สอนเด็ด "สลัดทิ้งของเลอะ"

จากกรณีดราม่ามือที่สามของครอบครัว "หนุ่ม กะลา" และ "จูน เพ็ญชุลี" โดยในวันนี้ 21 มิ.ย. 66 หนุ่ม กะลา ได้ให้สัมภาษณ์ระบุว่า คิดว่าน่าจะจบความสัมพันธ์กับมือที่3 โดยกล่าวว่า "มันเป็นเรื่องที่ผมอยากพูดเหมือนกัน เพราะว่าตอนที่ผมพูดในไลฟ์สดเรื่องหย่าแล้วไม่เคลียร์ คนส่งข้อความมาว่าเยอะมาก ว่าอยากหย่าแล้วไปอยู่กับคนนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ ไม่ได้จะไปเริ่มต้นกับผู้หญิงคนนั้น"

เมื่อถามต่อว่าผู้หญิงคนนั้นจะยอมเลิกเหรอ หนุ่ม กะลา บอกว่า ผมว่าด้วยสถานการณ์นี้มันจำเป็น มันไม่มีทางเลือก ซึ่งผมไม่สามารถตอบแทนได้ ถ้าเขาไม่ยอมก็ตอบไม่ได้เลย ผมว่าเขาก็คงคิดเหมือนกัน จากแรงกดดันจากคนทั้งชาติครับ หนุ่ม กะลา ยังได้ ขอโทษครับ ขอโทษจูนอีกครั้ง ขอโทษทุกคนอีกครั้งครับที่ทำให้ผิดหวัง ยอมรับเป็นข้อผิดพลาดที่ได้สร้างขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่คลิป “หนุ่ม กะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ได้ไปขึ้นคอนเสิร์ตที่จังหวัดเชียงราย ตอนหนึ่งเจ้าตัวได้เผยบนเวทีว่า ตนถูกบางร้านแคนเซิลงาน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีคนอยากดูตนเล่นอีกไหม พร้อมเผยว่า แฟนคลับที่มาคือรอยยิ้มแรกของตนในช่วงนี้

“ตอนแรกคิดด้วยซ้ำว่าจะกล้ามองหน้าคนดูอีกไหม จะมีคนอยากมาดูผมเล่นไหม ก่อนเล่นคอนเสิร์ต ผมได้ยินข่าวจากผู้จัดการว่าบางร้านที่จ้างไว้ถูกแคนเซิลโต๊ะออกไป บางร้านถูกแคนเซิลงาน ผมไม่คิดว่าวันนี้จะมีคนดูด้วยซ้ำ ไม่ว่าอะไรก็ตาม คุณคือรอยยิ้มแรกของผมในช่วงนี้ ขอบคุณมากๆ”

ขณะที่ จูน เพ็ญชุลี เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนตัวของสามีจะต้องใช้เวลา ตอนแรกที่มีการพูดคุยกันและมีการหลุดคำว่า “หย่า” ตนคิดเช่นนั้นจริงๆ ถ้ามาคุยกันแล้วปรับกันแล้วความรู้สึกไม่เหมือนเดิม โดยตอนนี้เราได้แยกกันอยู่ตามที่ทุกรู้ ส่วนเรื่องการหย่าขั้นตอนง่ายนิดเดียว ถ้าจะหย่าจริงๆ มีการตกลงเรื่องค่าเลี้ยงดู ทรัพย์สินได้ก็เซ็นต์หย่า แต่ในช่วงนี้ที่เราแยกกันอยู่ต่างก็ไปเยียวยาของตัวเอง ซึ่งตนขอโฟกัสลูกและผลประโยชน์ของลูกเป็นอันดับหนึ่ง สำหรับความรู้สึกในตอนนี้รู้สึกสบายใจมากเพราะเป็นสิ่งที่เราเก็บไว้มาหลายปี ตอนที่หลุดออกมายอมรับว่าไม่ได้สบายใจ แต่รู้สึกว่ามันจบสักที จะได้ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่ได้ หรือจะพูดกับใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเกรงว่าลูกจะได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ในรายการหนุ่ม กะลาได้ขอโทษทุกคน ถือเป็นการขอโทษครั้งแรกหรือไม่ตั้งแต่มีปัญหาหรือไม่ จูน เพญชุลี กล่าวว่า ช่วงที่จับได้ตอนแรกเขาก็ขอโทษเรา แต่พฤติกรรมคือขอโทษแล้วทำต่อคืออะไร ยอมรับว่าช่วงแรกจะเป็นการขอโทษแบบจริงจังแต่ช่วงหลังจะเป็นการ ฃทะเลาะกันมากกว่า แต่วันนี้ผลการกระทำของเขาได้เห็นแล้ว และตนรู้สึกว่าเขาได้รับเอฟเฟคมากแล้ว และการที่เขาขอโทษตนครั้งนี้ รู้สึกว่าขอโทษเพราะสำนึกและรู้สึกผิด ซึ่งในใจจะต้องรู้สึกผิดอยู่แล้ว ส่วนความรู้สึกที่หนุ่ม กะลา ยืนยันว่าจะจบกับหญิงสาว บุคคลที่ 3 นั้น ตนก็รู้สึกดี เพราะไม่มีใครอยากให้สามีไปยุ่งกับคนอื่น ซึ่งรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เขาควรทำ

“สำหรับการแยกกันอยู่คนละบ้านนั้นเมื่อเราจับได้ คนทั่วไปต้องเสียความรู้สึก เรามีลูกเล็กที่ต้องเลี้ยง และต้องทำงานด้วย ถ้ามาทะเลาะกันบรรยากาศในบ้านจะทำให้ลูกเรารับรู้ได้ ดังนั้นจึงคิดว่าแยกกันไปก่อนจะได้ไม่หน้าบึ้งตึงใส่กัน หรือพูดจาไม่ดีใส่กัน และให้เขากลับไปอยู่บ้านกับคุณแม่ก่อน ซึ่งเราก็อยู่กับลูกของเรา ส่วนจะเป็นการตัดสินใจผิดไหม ที่เป็นช่องให้เขาไปไกลกว่าที่คิด ตนมองว่าไม่ว่าเราจะอยู่บ้านเดียวกันหรือแยกกัน หรืออยู่ต่างประเทศ ถ้าเขาจะทำเขาก็ยังคงทำ แต่หากจะไม่ทำอยู่ไหนก็คงไม่ทำ ดังนั้นไม่ได้มีความคิดว่าเป็นเพราะเราไล่เขาไป ถึงได้มีคนอื่น ซึ่งช่วงระยะเวลากว่า 2 ปีที่แยกออกไป เขาก็ยังกลับมาหาลูกตามปกติ เพียงแค่ไม่ได้นอนบ้านเดียวกัน ซึ่งเขามาบ่อยเมื่อว่างจากงานหรือมีเวลาก็มา ซึ่งตนไม่มีการขัดขวางในการเจอลูก เพราะเขายังเป็นพ่อของลูก และลูกเราก็ยังถามหาพ่อของเขาอยู่”

เมื่อถามพอมีแนวโน้มจะใจอ่อนหรือไม่ หรือจะต้องฮีลใจก่อน จูน เพญชุลี กล่าวว่า คงต้องฮีลใจก่อน เพราะเราเจอมาหลายอย่าง รวมถึงมีกระแสมาถึงเราถึงลูกเรา ไม่ใช่สามีบอกขอโทษ แล้วจะดีกันแล้วแฮปปี้เอนดิ้ง มันไม่ใช่นิยายแต่ค้องใช้เวลา ส่วนการเป็นครอบครัวนั้น ตอนนี้เราเป็นพ่อแม่ช่วยกันดูแลลูกดีกว่า ทั้งนี้เราเป็นเพื่อนกันใช้ชีวิตสามีภรรยาแบบเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้มันดีอยู่แล้ว ส่วนอะไรที่ทำให้ลังเลในการกลับมาเป็นครอบครัวนั้น ยอมรับว่านาทีนี้ไม่ได้อยากกลับแล้ว แยกกันแบบนี้สบายใจดี แต่ไม่รู้เผื่ออนาคตเขาพิสูจน์ตัวเอง หรือรอจนใจอ่อนแล้วกลับมาจะหาว่าเราพูดไม่ตรงอีก ดังนั้นยืนยันว่านาทีนี้เราต้องการแยกกัน และหลังจากนี้ก็จะแยกบ้านกันอยู่ดี

กรณีผู้หญิงบุคคลที่ 3 ที่คอยแซะต่างๆ หลังจากที่หนุ่ม กะลา ประกาศยุติความสัมพันธ์เกรงว่าเค้าจะมาละลานหรือไม่ จูน เพญชุลี กล่าวว่า ถ้ายังอยากมาละลานก็จะใช้กฎหมาย เราจะไปทำอะไรเขาเพราะถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้ว ทั้งนี้ตนอยากฝากบอกบุคคลที่ 3 ว่า “ เขาเคยอยากให้เราติดต่อไป ตอนนั้นยังไม่เห็นประโยชน์แต่ตอนนี้เราจะให้ทนายติดต่อไป ถ้าอยากคุยกันก็ให้คุยและไปเจอกันที่ศาลดีกล่า มาพูดคุยกันด้วยพยานหลักฐานดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นขอไม่คุย ส่วนข้อมูลหลักฐานที่เรามีนั้นก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจ


ส่วนเรื่องเงินนั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเงินก็อยู่กับตน ไม่ใช่จับได้แล้วยึดเงินแต่อย่างใด และเราเปิดเป็นบัญชีบริษัท การบริหารจัดการเป็นกน้าที่ตน เมื่อเช็คออกตนก็มีหน้าที่ไปรับและนำเข้าบัญชี ทุกวันนี้ตนจ่ายเขาเป็นเงินเดือน แต่เมื่อเขาอยากได้อะไรเพิ่มก็ขอ แต่เมื่อเราแยกกัน เขาอาจจะอยากได้อะไรต่างๆ แต่ไม่กล้าพูดกล้าขอกับตนหรือไม่ ซึ่งเขาขอไม่บ่อยเป็นเรื่องในงานซื้อของเพิ่มเติม มองว่าเรื่องเงินเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ด้วยหรือไม่นั้น ก็อาจจะมีส่วน ถ้าเขาอยากจะซื้ออะไรเป็นแสนเป็นล้าน ยอมรับว่าบางสิ่งเราไม่ยอมให้ เพราะไม่โอเค ซึ่งบอกว่าเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยาที่จะต้องจัดการ ส่วนจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีคนอื่นที่จะเปย์เขาแทนหรือไม่ จูน เพญชุลี ตอบว่า “อ๋อ จริงๆ เงินเราก็มี ไม่ใช่คนไม่มีเงิน เพียงแต่ว่าหากเขาจะซื้อแบรนด์เนมสักอย่าง หรือสร้อย ราคา 5 หมื่นบาท ยอมรับว่าตนคงไม่ให้ แต่พอคนอื่นมีมาให้เขาอาจจะชอบ หรือแฮปปี้ในส่วนนั้น ส่วนจะเป็นสาเหตุที่ไปชอบผู้หญิงเปย์หรือเปล่านั้น ตนขอตอบว่าถ้าใครมาเปย์เรา หรือนำให้เราก็ชอบก็รับ แต่ถึงขนาดว่าเปย์ปุ๊บแล้วไปรักไปชอบหรือเห็นดีเห็นงามคงอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคนมากกว่า


เมื่อถามว่า เชื่อไหมว่าหนุ่มกะลา จะสามารถทำได้ตามที่พูดในรายการว่าจะยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนดังกล่าว จูน เพญชุลี กล่าวว่า เราคงไปตอบแทนใครไม่ได้ อยู่ที่ตัวเขา และเป็นโอกาสที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้ตน สังคมเห็นว่า เขาตั้งใจจริงที่จะปรับปรุงแก้ไข เพราะโลกของโซเชียลฯ ถ้าเขาผิดคำพูดอีก ไม่นานก็มีคยเอารูปมาลงอีก ดังนั้นต้องอยู่ที่ตัวเขาเอง

เมื่อถามว่าสุดท้ายอยากให้ดรื่องนี้จบอย่างไร ครอบครัว และหนุ่ม กะลา เป็นอย่างไร จูน เพญชุลี กล่าวว่า กับหนุ่ม กะลา ถ้าในมุมของสามีภรรยาหรือความรัก ยืนยันเหมือนเดิมคือ ขอเวลาฮีลใจ และดูการกระทำของเขา วันนี้ขอโทษแล้วให้อภัยแล้วกับมารัก คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างถ้าเห็นประโยชน์ของลูกสำคัญ มองเป้าหมายเดียวกันเรายังคงเป็นเพื่อนกันได้พูดคุยกันได้ ซึ่งตนไม่ได้เกลียดเขา เพราะคิดว่าเขาได้บทเรียนที่แสนสาหัสมากๆ แล้ว และวันนี้ที่ตนเข้มแข็ง นั้นเพราะลูก วันนี้จะมีเขาหรือไม่มีเราก็เลี้ยงลูกได้ และไม่ได้เสียใจอะไรเพราะผ่านมาแล้ว


เมื่อถามว่าในการดำเนินการทางกฎหมายจะมีการฟ้องหย่าหรือจะฟ้องร้องผู้หญิงใช่หรือไม่ จูน เพญชุลี กล่าวว่า ยังดำเนินการฟ้องผู้หญิงเหมือนเดิม ส่วนที่จะฟ้องร้องเป็นเงิน 10 ล้านบาทนั้นมองว่าฟ้องตามสมควร และยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุดไม่ยอมความแน่นอน

เมื่อถามว่าหากสามีมาขอร้องไม่ให้ฟ้องผู้หญิงคนดังกล่าวนั้น จูน เพญชุลี กล่าวว่า เขาไม่น่ากล้า พร้อมระบุว่าจำนวนเงิน 10 ล้าน ถ้าเทียบกับความรู้สึกที่เสียไป เงินจำนวนนี้ไม่คุ้มหรอก ส่วนตัวเลข 10 ล้าน เป็นตัวเลขที่เหมาะสม ไม่ใช่ต่ำหรือแพงจนเกินไป

นอกจากนี้ในระหว่างการไปให้สัมภาณ์ที่รายการโหนกระแส หนุ่มกรรชัยได้มีการกล่าวกับ หนุ่มกะลา ด้วยว่าความจริงตอนนี้ สังคมกำลังจับตาดูว่า หนุ่มกับผู้หญิงคนนั้นจะเอายังไงกันต่อไป อันนี้พี่พูดตรง ๆ ทั้งสองท่าน จากใจจริง ตรง ๆ เลยนะ พี่ไม่อยากสัมภาษณ์เรื่องนี้เลย ไม่อยากคุยเลยจริง ๆ จริง ๆ พี่กลัว เออพี่ก็จังไร มาก่อนอะหนุ่ม แล้วเราชื่อเหมือนกันด้วย พี่ก็ไม่อยากให้คนมาว่า คนชื่อหนุ่มมันจังไรทุกคน นึกออกไหม? พี่ก็ไม่ค่อยอยากพูดหรอก แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง คือมนุษย์บางทีมันมีคำว่า “พลาด” ไม่มีใครเดินอยู่บนเส้นตรง แล้ววันหนึ่งมันตกจากเส้นตรงไป วันนั้นก็อาจเป็นวันที่เราซวยก็ได้ อาจจะตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี แต่อยากจะบอก “หนุ่ม” ว่า พี่เข้าใจ “มนุษย์ผู้ชาย” เป็นอย่างดี เวลาที่มันเห็นน้ำที่มีแหน และมันอยากจะประลองความแข็งแกร่งในการโดดลงน้ำ เพื่อพิสูจน์ตัวเองเนี่ย มันก็ไม่สนใจใคร แต่เมื่อมันโดดลงไปแล้ว มันรู้มันว่ายไม่ไหว มันก็ต้องกลับขึ้นฝั่งทันที แล้วต้องรีบเช็ดแหนออก แต่ถ้าคุณคิดว่าจะประลองกำลัง ว่ายน้ำทวนแหนไปเรื่อย ๆ คุณจะตายเอง เพราะฉะนั้นหนุ่มจงจำคำที่พูดไว้นะ เราต้องอย่าตายเพราะแหน เราต้องกลับขึ้นมาให้ได้ แล้วเช็ดแหนทิ้งไป เพราะมันไม่มีความสำคัญอะไรกับชีวิตเรา

 

 

สลัดทิ้งแล้วฟ้องซ้ำ