เปิดปมฆ่าพ่อนางไอ่ บุกถีบเมียมือปืน ตร.รวบปากแข็งอ้างลั่น พยานเห็นคาตายิงแสกหน้า

จากกรณีมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตในงานบุญบั้งไฟที่บ้านหนองกุงใหญ่ ตำบลหนองกุงใหญ่ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 มิ.ย. 2566 ผู้เสียชีวิต คือ นายเชาวลิต อายุ 38 ปี ได้ยืนดูลูกสาวซึ่งเป็นนางไอ่ในขบวนแห่อยู่ริมถนนใกล้ตลาดบ้านหนองกุงใหญ่ แต่ถูกกระสุน ชาวบ้านช่วยกันปั๊มหัวใจในที่เกิดเหตุแต่ไม่เป็นผล

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำที่ สภ.กระนวน ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และเพื่อนกับผู้เสียชีวิต โดยรู้จักกันในเรือนจำ หลังจากนั้นได้มีปัญหาบาดหมางกัน จนมีการเคลียร์กันไปแล้ว คือ นายเศกสิทธิ์ อายุ 32 ปี และนายชัยพร อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายเศกสิทธิ์ ที่ร่วมกันก่อเหตุ

ตำรวจสืบทราบว่า ขณะเกิดเหตุนายชัยพรได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปกับนายเศกสิทธิ์ ประกอบกับมีพยานยืนยันว่า เห็นนายชัยพรหยิบปืนที่นายเศกสิทธิ์ทำหล่นหลังจากยิงนายเชาวลิต 4 นัด มายิงซ้ำที่หัวจนนายเชาวลิตเสียชีวิต จึงนำกำลังไปจับกุมและนำตัวไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณโค้งใกล้ตลาดบ้านหนองกุงใหญ่

นายชัยพร อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์มากับนายเศกสิทธิ์ จากนั้นเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุนายเศกสิทธิ์ ได้เป็นคนใช้ปืนยิงนายเชาวลิต 4 นัดจนล้มลง และได้ทำปืนหล่น ตัวเองจึงได้ลงไปเก็บปืนขึ้นมา แต่จังหวะนั้นปืนเกิดลั่น แล้วหลังจากนั้นตัวเองก็ได้ขึ้นรถหลบหนีไปพร้อมกับนายเศกสิทธิ์

ทีมข่าวช่อง 8 สอบถามนางสาวนิยุตา อายุ 23 ปี ภรรยาของนายเศกสิทธิ์ เล่าว่า ประมาณเที่ยงวันที่ 17 มิ.ย. ตนเองและลูกสาววัย 2 ขวบ กำลังนั่งดูขบวนแห่งานบุญบั้งไฟ นายเชาวลิตซึ่งอยู่ในอาการเมาได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมารอบแรก มาตะโกนด่าตนเองว่า "อีหมา" จากนั้นนายเชาวลิตขี่รถจักรยานยนต์มารอบที่ 2 มาพร้อมกับพวก มามองหน้าตนเอง ก่อนจะขี่รถไป และมาอีกเป็นรอบที่ 3 เดินถือไม้ท่อนยาวๆ ฟาดมาที่ตนเอง 1 ครั้ง ซึ่งไม้ไปโดนหัวลูกสาวตนเองที่นั่งอยู่ที่ตัก จากนั้นผู้ตายก็ใช้เท้าถีบหน้าตนเอง 1 ครั้ง โดนบริเวณหน้าผากและจมูกบวม ก่อนจะเดินหนีไป

ตนเองจึงได้โทรศัพท์บอกสามีว่า นายเชาวลิตมาทำร้ายตนเอง สามีจึงโมโหและตามหาผู้ตายในงานบุญบั้งไฟ โดยได้ไปพร้อมกับนายชัยพร โดยสามีตนเองเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนนายชัยพรเป็นคนนั่งซ้อนท้าย จากนั้นสามีเห็นนายเชาวลิตผู้ตายวิ่งเข้าใส่ จึงได้ชักปืนยิงไป 4 นัด เข้าตรงหัวใจ 1 นัด หน้าอก 1 นัด แขนขวา 1 นัด และท้อง 1 นัด

ตนเองพยายามบอกภรรยานายเชาวลิตให้เลิกยุ่งเกี่ยวกัน แต่ผู้ตายไม่ยอม ขู่อาฆาตตลอด ว่าเจอที่ไหนจะเอาให้ตาย และยังสั่งให้ลูกน้องตามหาตนเองและสามี พร้อมไปทำลายทรัพย์สินที่กระท่อมนา จนได้รับความเสียหาย

ตนเองยอมรับว่าสามีตนเองยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาโดยตลอด และเคยโดนจับคดียาเสพติดและถูกขังในเรือนจำประมาณ 4-5 ปี ก่อนจะพ้นโทษออกมาและมาคบกับตนเองได้ 7 เดือน

นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายมักจะทักแชตเฟซบุ๊กมาข่มขู่นายเศกสิทธิ์มาโดยตลอด จนสามีส่งแชตมาให้ตนเองดู ตนเองจึงได้ถามสามีว่ามีปัญหาอะไรกัน สามีจึงได้เล่าให้ฟังว่า ผู้ตายเข้าใจผิด คิดว่าสามีตนเองโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับนายเชาวลิตและลูกน้องในคดียาเสพติด ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่ได้แจ้งเบาะแส ประกอบกับหลังจากที่สามีพ้นโทษออกมา ตนเองจึงห้ามไม่ให้สามีไปยุ่งเกี่ยวกับนายเชาวลิตอีก เพราะนายเชาวลิตจะพยายามให้สามีตนเองเอายาเสพติดไปขายยาให้แต่สามีไม่ยอมทำตาม จึงทำให้นายเชาวลิตผู้ตายโกรธแค้น และตนเองยอมรับว่าสามีเคยค้ายาเสพติดให้ผู้ตายจนถูกจับ

ส่วนเรื่องสามีตนเองต้องยิงผู้ตายเพราะผู้ตายพาพวกมาจะรุมทำร้ายสามีตนเองก่อน จึงได้ชักปืนขึ้นมายิงตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเอง

นอกจากนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้คลิปจากกล้องวงจรปิดที่นายเศกสิทธิ์และนายชัยพรหลบหนี หลังเกิดเหตุ โดยกล้องตัวที่ 1 หลังเกิดเหตุ พบว่าที่มุมกล้องด้านซ้ายมือจะเห็นผู้ก่อเหตุทั้งคู่ได้วิ่งหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ

ต่อมากล้องตัวที่ 2 เวลา 15.36 น. ของวันที่ 17 มิ.ย. สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ได้เดินผ่านกล้องตัวที่ 2 ไปแบบเร่งเร่งรีบเล็กน้อย สังเกตว่าในมือซ้ายของนายเศกสิทธิ์ยังถือปืนอยู่ด้วย

ส่วนกล้องตัวที่ 3 จะเห็นผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน แยกทางกันหลบหนี โดยนายชัยพร เดินกลับบ้านไปอีกทาง ส่วนนายเศกสิทธิ์ ก็เดินแยกไปที่บ้านตัวเอง

ต่อมาเราได้คลิปจากกล้องวงปิดบ้านของนายเชาวลิต หรือแย้ม ผู้เสียชีวิต ที่บันทึกภาพขณะที่นายเชาวลิตขี่รถซาเล้งออกจากบ้านพร้อมเพื่อนและหลานชาย รวม 5 คน เพื่อออกไปดูขบวนแห่บุญบั้งไฟ ที่ลูกสาวเป็นนางไอ่ ที่จะผ่านสี่แยกหน้าหมู่บ้าน โดยผู้ตายนั่งท้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้างใส่เสื้อม่อฮ่อม ในช่วงเวลา 14.36น.

ขณะที่กล้องตัวเดียวกัน ยังบันทึกภาพขณะที่นายเศกสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาจากปากซอย (จุดเกิดเหตุ) มาวนดูนายเชาวลิตที่บ้าน โดยจอดอยู่หน้าบ้านประมาณ 10 วินาที มองหาแล้วไม่มีคนอยู่บ้าน แล้วออกไปรับนายชัยพรไปก่อเหตุ ก่อนจะหลบหนีไปอีกทาง

ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้คุยกับนายหลิ่ง อายุ 42 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ระหว่างที่ตัวเองกำลังยืนชมขบวนแห่งานบุญบั้งไฟของหมู่บ้าน ก็พบนายเชาวลิต หรือแย้ม ผู้เสียชีวิต พาหลานชายวัย 8 ขวบ มาดูขบวนเช่นเดียวกัน แล้วหลังจากนั้นนายเชาวลิตก็ได้พาหลานชายเดินไปซื้อบั้งไฟที่ร้านค้า แล้วระหว่างนั้นก็พบเห็นนายเศกสิทธิ์ ผู้ก่อเหตุขี่รถมอเตอร์ไซค์ซ้อน 2 กันมา แล้วได้จอดรถพร้อมกับชักปืนขึ้นมาวางบนหน้าปัดรถมอเตอร์ไซค์ แล้วเอะอะโวยวายถามว่า "ไอ้แย้มอยู่ไหนๆ"

ไม่นานนายเชาวลิต หรือแย้ม ก็ได้เดินกลับมาพร้อมหลานชาย เมื่อนายเศกสิทธิ์ หันไปเห็นก็ได้ใช้ปืนยิงใส่ทันที 4 นัด จนนายเชาวลิต หรือแย้ม ล้มลง ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นชุลมุนมาก ชาวบ้านจำนวนมากพากันแตกตื่น แต่จังหวะนั้นตัวเองก็เห็นนายเศกสิทธิ์ ทำปืนหล่น แล้วคนที่ซ้อนท้ายมาได้ก้มลงเก็บ พร้อมกับยิงเข้าที่ศีรษะนายเชาวลิต อีก 1 นัด ก่อนจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์หลบหนีไป

ขณะที่ น.ส.สุรีวัล อายุ 38 ปี ภรรยานายเชาวลิต ผู้ตาย เล่าให้เราฟังว่า ก่อนเหตุเมื่อวานนี้ ตนเองกับสามีและหลานชาย วัย 8 ขวบ ได้พากันออกมาดูขบวนแห่บุญบั้งไฟ พอออกมาถึงจุดที่มีขบวนแห่ ตนเองและสามีได้แยกกัน อยู่คนละจุด แล้วหลังจากนั้นก็ทราบว่าสามีได้พาหลานชายวัย 8 ขวบเดินไปชื้อบั้งไฟเล็ก จากนั้นตนเองก็ได้ยินเสียงปืนดังและชาวบ้านร้องตะโกนว่า เชาว เชาว จำนวน 2 ครั้ง จึงได้พยายามมองหา และทราบว่ามีคนถูกยิงเข้าใจได้ว่าเป็นห่วงตัวเองจึงเข้าใจได้ว่าเป็นสามีตนเองถูกยิงแน่นอน

ขณะที่หลังเกิดเหตุหลานชายวัย 8 ขวบ ที่อยู่คนตายในช่วงเวลาเกิดเหตุ ได้มาเล่าให้ฟังว่า เห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ ชักปืนยิงลุงแย้มและผู้ชายอีกคนนึงใช้ปืนยิงหัวลุงแย้ม ซึ่งตัวเองเชื่อเป็นภาพที่หลานชายตนเองเห็นจริงๆ และทั้งสองคนเป็นคนลงมือจริงๆ

นอกจากนี้ตนเองยืนยันจะดำเนินคดีกับนายเศกสิทธิ์และนายชัยพร ให้ถึงที่สุด และยืนยันจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด พร้อมกับไม่อโหสิกรรม และไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาขอขมา ไม่ให้เข้ามาเหยียบบ้านเด็ดขาด โดยเฉพาะคนที่ยิงคนสุดท้าย

เดินชิลล์ฆ่าคนหยามเมีย