4 ชีวิตพี่น้องเมืองกรุง เร่ขอข้าวคนใจดียาไส้ พ่อเด็กชี้อย่ายุ่งกลัวถูกแย่งลูก

กรณี ผู้ใช้ทวิตเตอร์ “Thamboon” ลงภาพเด็ก กับเมนูอาหาร พร้อมบรรยายว่า #คนไร้บ้าน รับทำข้าวกล่อง 25บาท โอ้ยยย จะร้องแล้วมาแจกข้าวตรงหัวลำโพง แล้วมี น้องมารับข้าวบอกขอ 4 กล่อง เพราะที่บ้านมีน้องอีก 4 คนนี่เลยสอบถามละขอมาดูบ้าน ร้องหนักอีกเจอน้องอีก 3 คนรอกินข้าว และในจานนั่นลอกต้องกินกัน 4 คนทุกคนไม่ได้เรียน พ่อขับแท็กซี่ แล้วอยู่ห้อง แคบๆกัน 5 คนไม่ไหวววร้องแล้ว” และจากการที่มีการลงเรื่องราวในโซเชียล ปรากฏว่าทางด้านของผู้ใช้ทวิตเตอร์ ได้มีการซื้อพิซซ่าเข้าไปให้เด็ก4คนทาน ซึ่งเด็กก็ทานอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเทียบกับวันแรกที่เข้าไปแล้วเปิดชามข้าวแล้วมีเมนูอาหารเพียง1อย่าง

วันนี้ (16 มิ.ย.66) ทีมข่าวช่องแปดเดินทางลงพื้นที่ไปยังที่พักของเด็กๆ ตามที่มีการโพสต์เอาไว้ในทวิตเตอร์ แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปบันทึกภาพภายในห้องหรือส่วนของตัวอาคารที่พักได้ เพราะเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล ทางเจ้าของยังไม่อนุญาตเพราะเนื่องจากพ่อของเด็กกำชับไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งในที่พัก ขอพื้นที่ส่วนตัว พ่อมีอาชีพเป็นคนขับแท็กซี่ กลางวันทิ้งให้เด็กอยู่ห้องเพียงลำพัง พ่อไม่สะดวกใจที่จะให้เป็นข่าว เพราะกลัวมีหน่วยงานแยกลูกแยกพ่อ จึงไม่สะดวก ให้เข้าไปในบ้าน ในบ้านอยู่กัน 6 คน1.พ่อ (พ่อแยกทางกับแม่ของเด็กๆ) 2.นางสาวนัท อายุ27ปี (แต่งงานย้ายไปอยู่ข้างนอก) 3.น้องเบนช์ อายุ21ปี เรียนกศน.ม3 4.น้องบีเอ็ม (ชาย) อายุ10ขวบ ไม่ได้เรียน 5.น้องหมวย (หญิง) ไม่ได้เรียน 6.น้องตี๋ (ชาย) ไม่ได้เรียน


น้องเบนซ์ (นามสมมติ) อายุ21ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนที่2ของบ้านหลังดังกล่าว เปิดใจกับทีมข่าวว่า บ้านของตนเองปัจจุบันอยู่5คน เพราะพี่สาวคนโตหลังจากที่แต่งงานแล้วได้ย้ายออกไปอยู่บ้านคลองสามีข้างนอก แต่ก็มีติดต่อพูดคุยและเข้ามาดูแลน้องน้องและพ่อบ้างบางครั้ง ขณะที่พ่อกลางวันก็จะออกไปรับจ้างขับแท็กซี่หาเงินซื้อขนม ชื้อข้าวและใช้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว

 

แต่หลังจากที่มีคนเข้ามาช่วยเหลือแล้วมีการถ่ายภาพรวมถึงนำคลิปไปลงในโซเชียล ก็ได้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของอาหารการกิน และยังมีหน่วยงานเตรียมเสนอที่จะช่วยในด้านการศึกษาให้กับน้องๆ ซึ่งตนเองก็ขอบคุณในงาน แต่รายละเอียดมีการพูดคุยกับทางพ่อตัวเองอาจจะรู้ไม่มาก

ส่วนกรณีที่มีการปรากฏภาพว่าน้องของตนเอง3คน มีลักษณะซูบผอม ซึ่งตนเองมองว่าอาจจะเป็นอาการของเด็กที่กินข้าวน้อยหรือ อาหารการกินอาจจะไม่ถูกปาก จึงทำให้แต่ละคนมีลักษณะซูบผอม แต่ภาพรวมพ่อก็ดูแลเรื่องอาหารการกินเอาไว้ให้อย่างดี พ่อจะเตรียมอาหารเอาไว้ให้ตอนเช้าและซื้อกลับเข้ามาในตอนเย็น แต่ลักษณะอาหารจะเป็นอาหารกลางๆ ซึ่งผู้ใหญ่ทานได้เด็กก็ต้องทานได้ไปด้วย จึงอาจเป็นที่มาที่ว่าน้องอ่ะกินกับข้าวไม่ถูกปากก็เลยพากันไม่กินข้าวจึงดูผอม , ส่วนกรณีที่น้องพากันไปเอาข้าวแจกฟรีที่สถานีหัวลำโพง ก็มีบ้างบางครั้งที่น้องไปต่อแถวคิวเพื่อที่จะเอาข้าวกล่องมากิน โดยน้องอ้างว่าอยากจะเปลี่ยนรสชาติอาหาร เพราะบางครั้งเมนูที่พ่อเตรียมเอาไว้ไม่อร่อยและไม่ถูกปาก น้องจึงออกไปเอาข้าวกล่องกลับมากิน

ขณะที่เหตุผลที่พ่อไม่อยากให้เป็นข่าวและไม่อยากให้หน่วยงานเข้ามายุ่ง แม้ว่าพ่อจะหาเช้ากินค่ำและหาเงินมาเลี้ยงดูคนในครอบครัว แต่ตัวพ่อมีความกังวลว่าถ้าหากมีหน่วยงานหรือสื่อเข้ามา กลัวว่าจะถูกแยก ทำให้พ่อและลูกไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าหากในงานจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้องๆให้ได้รับการเรียนหรือเข้าโรงเรียน ส่วนตัวในฐานะพี่ชายคนโตก็อยากให้น้องได้รับโอกาสนั้น แต่ขอเพียงให้เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ไม่มีหน่วยงานพาน้องไปอยู่ที่อื่นก็พอ และนอกจากนี้ ทีมข่าวได้สอบถามน้องบีเอ็มซึ่งเป็นลูกชายอีกคนของบ้านหลังดังกล่าว โดยน้องมีลักษณะตอบช้า และเวลาที่จะตอบจะใช้เวลานึกคิดอยู่ซักระยะ ซึ่งคาดว่าอาจจะเกิดจากปัญหาไม่ได้รับการเรียนหรือฝึกพัฒนาการ แต่น้องพยามตอบกับทีมข่าวสั้นๆว่า “ อยากเรียนหนังสือ อยากกินขนม”

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวฝน ตรีลัดดา ชาวบ้านระแวกบ้านเด็กๆ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่เด็กย้ายมาอาศัยอยู่ภายในซอย ซึ่งเป็นห้องเช่าที่เจ้าของห้องเช่ามีการลดให้เป็นพิเศษ ก็สังเกตว่าพ่อของเด็กจะออกไปขับแท็กซี่เป็นประจำทุกวัน ส่วนเด็กก็จะอยู่ภายในบ้าน แต่จะเห็นเพียงแค่3คน ส่วนคนโตจะไม่ค่อยเห็น ซึ่งเพิ่งรู้ว่าในบ้านอยู่กันหลายคน หลังจากที่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเด็กก็จะเห็นออกมาเพียงแค่ซื้อขนม กับวิ่งข้ามถนน เพื่อไปต่อแถวรับข้าวกล่องจากผู้ใจบุญที่มาแจกในสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยจะเห็นเพียงแค่น้องบีเอ็มออกมาเพียงคนเดียว น้องเล็กคนอื่นไม่ค่อยจะออกมา และตนเองเคยถามว่าทุกครั้งที่ไปเอาข้าวทำไมต้องเอาไปหลายกล่อง ซึ่งตัวน้องก็จะตอบว่าเอาไปให้พี่ชาย น้องๆ และให้พ่อ ดังนั้นการชีวิตส่วนใหญ่ของเด็กๆ ก็ไม่ได้เหมือนเด็กคนอื่นที่ออกมาวิ่งเล่น จะอยู่แต่ภายในห้อง สำหรับร่างกายที่ดูซูบผอม เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นก็ดูซูบผอม ซึ่งก็ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะกินน้อยหรือกินไม่อิ่ม หรืออาจมีปัญหาสุขภาพหรือไม่ เพราะก็ดูผอมกว่าเด็กทั่วไป แต่ส่วนเรื่องของการเรียนตนเองเชื่อว่าเด็กคงไม่ได้รับการเรียนอย่างแน่นอน เพราะอยู่แต่ห้อง ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ส่วนตัวก็รู้สึกสงสารเด็กๆเหมือนกัน


ด้าน นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่สส.พรรคก้าวไกล กรุงเทพ เขต1 เปิดเผยว่า ตนเองได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนเข้ามา จึงได้ดำเนินการตรวจสอบและจัดส่งทีมเข้าไปที่บ้านหลังดังกล่าว ปรากฏว่าเด็กอาศัยอยู่กับพ่อที่เป็นคนขับแท็กซี่ กลางวันจะทิ้งให้ลูกอยู่เพียงลำพัง ตกเย็นพ่อจะกลับมาอยู่ดูแลลูก ซึ่งจากการตรวจสอบ เด็กก็มีลักษณะซูบผอมจริง แต่ก็ได้มีการประสานหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะด้านของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงบ้านพักเด็ก และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ในการเข้าช่วยเหลือเพื่อที่จะให้ดูเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ เรื่องของสุขอนามัยและรวมถึงอาหารการกิน รวมทั้งให้ไปดูเรื่องการศึกษา พอทราบว่าเด็ก3คน ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษาตั้งแต่เกิด

แต่การเข้าช่วยเหลือครั้งนี้ก็จะต้องมีการประสานเข้าช่วยเหลืออย่างละมุนละม่อม เพราะเนื่องจากตัวของพ่อเด็กมีลักษณะโพรเทค มีความกังวลสูง กลัวว่าหน่วยงานจะไปแยกพ่อแยกลูก และก่อนหน้านี้ก็ทราบว่าตัวของพ่อได้พาลูกไปอยู่ที่อื่นมาแล้ว2ที่ ก่อนที่จะพากันย้ายมาอยู่ที่แห่งนี้ ดังนั้นการเข้าช่วยเหลือก็จะต้องมีการพูดคุยเจรจากันก่อนเพราะกลัวว่าพ่อจะพาลูกหนีอีก

โดยตัวพ่อก็ได้มีการให้เงื่อนไข อนุญาตให้หน่วยงานเข้าช่วยเหลือได้ แต่จะต้องไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายภายในบ้านและไม่เอาเด็กๆไปไหน โดยการช่วยเหลือสามารถที่จะประสานความช่วยเหลือหรือส่งหน่วยงานมาแต่ห้ามยุ่งในพื้นที่ส่วนของบ้าน เพราะต้องการความเป็นครอบครัวและความเป็นส่วนตัว และที่สำคัญก็ไม่อยากให้เป็นข่าวใหญ่ กลัวว่าคนบางคนจะมองไม่ดี แต่ส่วนตัวในฐานะที่รับเรื่องร้องเรียนและประสานหน่วยงานเข้าช่วยเหลือ ตอนนี้ก็ถือว่ามีความสบายใจไปบ้างเล็กน้อย เพราะมีการพูดคุยกับทางพ่อของเด็กแล้ว ยืนยันว่าจะให้เข้าช่วยเหลือได้แต่ต้องมีขอบเขต

4 ชีวิตไม่เคยกินข้าวอิ่ม