ฐปณีย์ มั่นใจคลิปเต็มประชุม itv ถ้าถูกเปิดเคลียร์แน่ ตั้งคำถามงบการเงินรายได้โผล่ปี 65

จากกรณีคลิปการประชุม ผู้ถือหุ้นสื่อไอทีวี และขบวนการสกัดสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่า ตามที่เคยได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้ ว่า มีกระบวนการที่จะฟื้น itv ขึ้นมา ก่อนที่จะมีคลิปด้วยซ้ำ เพราะมีคนส่งข้อมูลมาให้ตนมากกว่าที่เห็นอยู่ในคลิป ซึ่งเห็นความแตกต่างระหว่างคนที่ทำเอกสารการประชุมกับคลิป ก่อนที่จะมีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ขณะนี้คณะทำงานกฎหมายของทางพรรคได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากคนที่เกี่ยวข้อง ในกระบวนการเหล่านี้ที่ส่งข้อมูลเข้ามาให้

ส่วนที่ กกต.มีการหยิบมาตรา 151 มาวินิจฉัยนั้น ก็ไม่ได้หลุดไปจากฉากทัศน์ที่เราคิดเอาไว้แล้ว เพราะเคยเกิดขึ้นกับนายธนาธร จึง​รุ่งเรือง​กิจ​ มาก่อน และอาจจะมีการเข้าชื่อของ ส.ส.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาหรือศาลอาญาด้วย ซึ่งถ้าใครติดตามการเมืองก็น่าจะเดาออก ว่าอาจจะมี 3-4 ช่องทางที่จะเกิดขึ้น ขณะนี้จะมีคนส่งข้อมูลมาถึงพรรคจำนวนมาก กับความไม่ชอบมาพากล แต่เราก็ยังไม่ฟันธงอะไร และตรวจเช็คข้อมูลและคลิปต่างๆว่าถูกต้องหรือไม่ และยืนยันว่าหลักกฎหมายพร้อม หลักฐานพร้อมที่จะสู้ เมื่อเข้าสู่กระบวนการส่วนข่าวที่ว่า กกต.จะเอาคลิปมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาคดีด้วยนั้น ตนเห็นจากข่าวว่านายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง บอกเพียงว่าอาจจะนำเข้ามาประกอบการพิจารณา

 

เมื่อถามว่ากรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กรณีของนายธนาธร ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนโหวตนายกฯ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็น เพราะเชื่อว่า การให้ข่าวของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีน่าจะคลาดเคลื่อน เพราะเมื่อปี 2562 ตนจำได้ว่าแม้นายธนาธร จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ยังสามารถเสนอชื่อเลือกนายกได้อยู่ดี ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการพิจารณา มาตรา 151 ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพราะความเป็น ส.ส.กับแคนดิเดตนายกไม่ได้เกี่ยวข้องกันเมื่อถามว่า คลิปการประชุมผู้ถือหุ้น itv กับ บันทึกการประชุมที่ไม่ตรงกันอาจจะมีน้ำหนักไม่มากพอ ที่จะมาใช้ตามกฎหมาย หรือลบล้างข้อกล่าวหาการถือหุ้น itv ของนายพิธาได้นั้น นายพิธา กล่าวว่า จะต่อสู้ในทุกรายละเอียด ทุกขบวนความ และส่วนตัวเชื่อว่า สังคมน่าจะเทียบคดีย้อนหลังดูได้ ว่าศาลตัดสินออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกา ศาลอาญา ศาลรัฐธรรมนูญ​ ว่าตัดสินด้วยบรรทัดฐานแบบไหน ก็จะต่อสู้ในแนวทางแบบนั้น ก่อนจะย้ำว่าตนมั่นใจในพยานหลักฐานและหลักกฎหมาย โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นความไม่ชอบมาพากล ความพิรุธในความพยายามสร้างหลักฐานขึ้นมาใหม่ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะต่อสู้คดีได้ ทุกรูปแบบ เมื่อถามว่างบการเงินที่มีการยื่นให้กับกรมพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นรายได้ที่มาจากสื่อ จะทำให้นายพิธา เพลี่ยงพล้ำหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า​ ไม่ แต่ขอรับไปตรวจสอบดู ตามกฎหมาย ขอให้เป็นเรื่องของคณะทำงานด้านกฎหมาย


ขระที่ นางสาวฐปณีย์ เอียดศรีไชย อดีตผู้สื่อข่าว itv และผู้เปิดออกมาเปิดโปงเรื่องของคลิปเสียงกับบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้น itv ที่ไม่ตรงกัน ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ถึงการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ว่า คลิปเต็มของการประชุม ตนไม่ได้มีอยู่ในมือ มีเพียงช่วงที่ตอบคำถามในเรื่องนี้ ซึ่งตนได้รับคลิปนี้มาจากแหล่งข่าว เพราะแหล่งข่าวคนนี้ก็รู้สึกสงสัย ว่า ทำไมเอกสารการประชุม ถึงไม่ตรงกับคำตอบในคลิป แหล่งข่าวจึงกังวลว่า จะถูกนำไปใช้เป็นประเด็นทางการเมือง จึงอยากเห็นความโปร่งใสในเรื่องนี้

เมื่อถามว่านายนิกม์ แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ออกมาชี้แจงว่า มีการถามถึงประเด็นนี้ในทุกช่วงของวาระการประชุม ทำให้คำตอบอาจจะไม่เหมือนกัน นางสาวฐปณีย์ กล่าวว่า ก็อยากให้ทุกคนออกมาชี้แจง แต่ส่วนตัวคิด ไม่ว่าจะถามกี่ครั้ง สิ่งที่เราเห็นคือ ถ้อยคำที่อยู่ในคลิป ไม่ได้มีการบันทึกลงไปในเอกสารการประชุม ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องให้ความเป็นธรรมกับนิกม์ด้วย เพราะเขาก็บอกตนเหมือนกันว่าเขาถามไปหลายคำถาม ถามแม้กระทั่งว่าคุณพิธาถือหุ้น itv หรือไม่ แต่ไม่ได้มีการตอบในที่ประชุม ซึ่งถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากให้เปิดคลิป ในส่วนที่ตรงกับบันทึกการประชุมออกมา มันจะแสดงให้เห็นว่าเอกสารไม่ได้ถูกบิดเบือน

"แยม ฐปณีย์" ยังยืนยันด้วยว่า คลิปที่นำเสนอใน 3 มิติ ไม่ได้ตกแต่ง เพียงแต่มีการตัดต่อตาม งาน Production ทั่วไป เนื่องจากไม่มีเวลามากพอที่จะเปิดทั้งคลิป อีกอย่างสาระสำคัญก็อยู่ในช่วงคลิปที่เปิดไปการที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ มันก็ไม่ได้พิสูจน์ทราบได้ว่า เป็นการการันตี​อะไร เกี่ยวกับการถือหุ้นของนายพิธา เรื่องนี้ต้องตีความตามกฎหมาย ต้องดูว่า ณ วันเวลาที่คุณพิธาลงสมัครรับเลือกตั้ง itv มีสถานะอะไร เป็นสื่อจริงหรือไม่ ซึ่งตนไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคดี แต่การออกมาเปิดคลิป ก็เป็นเพียงการแสดงให้เห็นว่า การประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เมษายนนั้น มีการตอบว่า ยังไม่มีการดำเนินกิจการใดๆจนกว่าจะมีคำพิพากษา" เมื่อถามถึงงบการเงิน ปรากฎที่มีรายได้เข้ามาในไตรมาส​แรกของปี 2565 แม้ผู้บริหารจะบอกว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการอะไร คุณฐปณีย์ กล่าวว่า นี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกต้องคำถาม ซึ่งผู้บริหารก็ต้องชี้แจงว่า มันเป็นงบที่เกิดจากอะไร รายได้ทางไหน

เมื่อถามว่า itv หากชนะคดีในชั้นศาลปกครองมีโอกาสกลับมาทำสื่อหรือไม่ "แยม ฐปณีย์" กล่าวว่า itv ตอนนี้ยังรอการพิพากษาจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งหากชนะคดีก็อาจจะได้เงิน เยียวยาเพิ่ม จากนั้นก็จะต้องดูว่าผู้บริหารเขาจะใช้ทำอะไรต่อไป แต่ต่อให้ผลทางคดีออกมาอย่างไร itv ยังมีสถานะเป็นบริษัทและมีวัตถุประสงค์ เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำสื่ออะไรก็ได้ แต่ที่ผ่านมาเขายังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ เพราะกำลังคงสถานะบริษัทในการต่อสู้คดี "แยม ฐปณีย์" ยังทิ้งท้ายด้วยว่า หากวันหนึ่ง itv ชนะคดี แล้วจะมาขออนุญาต​ประมูลคลื่นความถี่ เพื่อดำเนินกิจการโทรทัศน์​ใหม่ ถ้าจะกลับมาทำสื่อ ก็ต้องกลับมาอย่างสง่างาม มาเป็นทีวีของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ตามเจตนารมณ์ที่กำเนิด itv เพราะการเข้ามาของทุนและการเมือง น่าจะเป็นบทเรียนที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก

เปิดคลิปเต็มจะเคลียร์ชัด